...เสียดาย ไม่มีปี๊บคลุมหัว..
ภาพที่ 1
จดหมายเหตุจากหมู่บ้าน บทรำพึงถึงคนเมือง
"ก็ใครจะไปรู้ล่ะ"
ผมนั่งกระสับกระส่ายอย่างบอกไม่ถูก ในใจว้าวุ่นละคนความอ่อนไหวจนเคลิบเคลิ้ม
อนงค์นางหนึ่งหน้าตาหมดจดเธอนั่งอยู่ข้างเสาและซุ้มดอกไม้ อีกฟากหนึ่งของสวนอาหาร ณ.ห้างมีชื่อแห่งหนึ่ง
ผมได้สบตาเธอสาม-สี่ ครั้ง อย่างบังเอิญเมื่อสักสองนาทีที่ผ่านมา และในการสบตาครั้งที่สองนั้นผมก็ไม่เสียโอกาสในการที่จะแจกรอยยิ้มที่คิดว่าดูดีที่สุดเท่าที่ผมทำได้แก่เธอ
ผมนั่งลุ้นให้เธอหันมาอีกสักครั้ง แล้วก็เป็นความจริง เธอเอนตัวเอียงหน้ามองมายังผมอีกครั้งหนึ่ง แล้วยิ้มหวานจ๋อย แล้วคนอย่างผมรึ..จะนิ่งเฉย
ผมตอบกลับรอยยิ้มนั้นด้วยการฉีกยิ้มและพยักหน้าอย่างเป็นมิตรในอาการ
เวลานั้น ความกระหยิ่มเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างอัตโนมัติ ผมคงหน้าตาดีในสายตาเธอ ผมเริ่มพะว้าพะวงในอาการของตนเอง นี่ถ้าภรรยาของผมกลับมาจากการเข้าห้องน้ำตอนที่เธอส่งยิ้มมา
ผมคงไม่มีโอกาสตอบกลับรอยยิ้มนั้นเป็นแน่ มันเป็นโชคดีของผม
และแล้วโอกาสแห่งการเก็บไปฝันก็มาอีกครั้งหนึ่ง เธอหันตัวไปด้านซ้ายมือ แล้วก้มหน้าต่ำลงเล็กน้อย แต่สายตาเธอยังคงมองมายังผม เธอยิ้ม ยิ้ม และยิ้ม พร้อมด้วยสายตาที่หวานฉ่ำ
ผมรู้ทันทีว่านี่เป็นโอกาสของผมแล้ว ที่จะส่งสัญญาณให้เธอรู้ว่าผมเองแอบสนใจเธอเช่นกัน.......ผมฉีกยิ้มอย่างเริงร่าเต็มที่ พร้อมยกมือขึ้นทักทายทันที........
“ ยิ้มอะไร ห่ะ ...?? เห็นยิ้มหลายครั้งแล้วนะ บ้าป่าว...” เธอพูดเสียงดัง ..ดังจนข้ามซุ้มดอกไม้ที่กั้นระหว่างผมและเธอ ผมรีบก้มและหลบสายตาในทันที “ ซวยแล้วเรา “ ผมคิด
......................โธ่ Selfy ก็ไม่บอก……………….
....ไกลบ้าน.....
แก้ไข 9 ม.ค. 58, 14:30