ภาพที่ 1มีผู้หญิงคนหนึ่งประสบอุบัติเหตุ
ทำให้ต้องตาบอดทั้งสองข้าง
และเธอก็เจ็บปวดกับการสูญเสียการมองเห็น
แต่สามีเธอก็พยายาม ปลอบใจ และให้กำลังใจเธอตลอด
พยายามสอนให้เธอใช้การรู้สึกให้มากขึ้น
ที่ทำงานของเธอกับสามีอยู่คนละทาง
แต่เขาก็ขับรถไปส่ง และไปรับอยู่เสมอ
จนวันหนึ่งสามีเธอรู้สึกเหนื่อยล้ามาก
เขาจึงพูดกับเธอว่าให้เธอลองพยายามขึ้นรถเมล์ไปทำงานเอง
โดยที่เขาไม่ต้องไปรับไปส่งได้ใหม
นาทีนั้น เธอรู้สึกเหมือนโดดเดี่ยว และน้อยใจสามีเธอ
แต่เธอก็พยายามทำตามที่เขาขอ
เธอพยายามขึ้นรถเมล์เอง พยายามไปทำงานด้วยตัวเอง
จนในที่สุดเธอก็สามารถทำได้
วันหนึ่งก่อนที่เธอจะลงรถไปทำงานตามปกติ
คนขับรถเมล์ก็เข้ามาจับแขนเธอและพูดกับเธอว่า
ผมช่างอิจฉาคุณผู้หญิงจริงๆครับ
เธอก็เลยถามว่า อิจฉาเธอเรื่องอะไร
คนขับรถเมล์ก็เลยบอกว่า…
สามเดือนที่ผ่านมา
ผมจะเห็นสุภาพบุรุษคนหนึ่งเขาจะขึ้นรถเมล์ตอนเช้า
มานั่งตรงเบาะหลังคุณ เฝ้าดูคุณด้วยความห่วงใย
และตามคุณลงรถไป
และเฝ้าดูคุณเดินเข้าไปที่ทำงานอย่างห่วงใย
และตอนเย็นทุกๆเย็นเขาก็จะมาเฝ้ารอดูคุณขึ้นรถ
และคอยดูคุณจนคุณลงรถ
พอเธอได้ยินดังนั้น…
เธอก็น้ำตาไหลด้วยความตื้นตัน และสำนึกผิด
เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยทิ้งเธอไปไหน
เขายังอยู่ดูแลเธออย่างใกล้ชิด
เขาเหนื่อยยิ่งกว่าตอนที่เขาต้องคอยมารับมาส่งเธอซะอีก
เธอหวนนึกถึงคำพูดเขาที่บ่นลอยๆ ออกมาบ่อยๆ ว่า
ชีวิตคนไม่แน่นอน อาจตายวันนี้ พรุ่งนี้ ได้ทุกเมื่อเลยนะ
ดูอย่างคุณสิ เมื่อวานยังมองเห็นวันนี้คุณมองไม่เห็นแล้ว
เธอคิดน้อยใจเขามาตลอด 3 เดือน ที่คิดว่าเขาเบื่อ
รำคาญการเป็นคนตาบอดของเธอ
ณ วันนี้เธอรู้แล้วว่า เขากลัวว่าวันนี้พรุ่งนี้เขาจะตายไป
แล้วเธอจะไม่สามารถไปไหนมาไหนหรือมีชีวิตอยู่เองได้ถ้าขาดเขา