ภาพที่ 1.
ภาพที่ 2ลำกล้องห้านิ้วครึ่งทรงเรียวจากโคนไปหาปลาย ด้านซ้ายของลำกล้องสักคำว่า “S&W D.A. .45” เหมือนกับรุ่นเดิม
ภาพที่ 3ลำกล้องหกเกลียวเวียนขวา ขณะที่ปืนรุ่นใหม่ของสมิทส่วนใหญ่ใช้ลำกล้องห้าเกลียว
ภาพที่ 4บานพับโม่แนบสนิทชิดกับโครงปืนกว่าปืนรุ่นใหม่ๆ อันนี้เป็นจุดหนึ่งที่แสดงถึงความประณีตในการผลิต
“ ทีมเพอฟอร์มานส์เซ็นเตอร์ สร้าง 1917 ขึ้นมาใหม่ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยี่สมัยใหม่เข้ากับความงดงามของวันวานที่เราโหยหา บอกแบบไม่กลัวใครจะว่าเชียร์ปืนเกินเหตุเลยว่ามันเป็นปืนที่สวยที่สุดที่ผมเคยเห็นมากระบอกหนึ่งเลย
เราไม่ได้ทำการยิงทดสอบปืนกระบอกนี้ด้วยเหตุผลที่อยากจะให้เจ้าของตัวจริงของมันได้ยิงมันเป็นคนแรก แต่จากฝีมือการผลิตที่ได้สัมผัสและชื่อเสียงที่ไว้ใจได้ของสมิทเพอฟอร์มานส์เซ็นเตอร์ ผมไม่มีข้อสงสัยเลยว่ามันจะต้องเป็นปืนที่ยิงดีมากกระบอกหนึ่ง
ขณะที่เขียนต้นฉบับนี้ผมยังลูบคลำ สมิท 1917กระบอกนี้อยู่ในมือ ผมต้องพยายามตัดใจนำมันไปส่งคืนร้านไกอาร์มทั้งๆที่อยากจะเก็บมันไว้ใจจะขาด บางครั้งสิ่งที่เราเฝ้ารอก็ผ่านมาหาในเวลาที่เราไม่สามารถครอบครองไว้”
นั่นคือสิ่งที่ผมเขียนเป็นข้อความปิดท้ายไว้ใน Guns World โดยที่ไม่ได้คิดว่าโอกาสบางอย่างจะกลับมาเป็นครั้งที่สอง รออ่านเรื่องนี้ให้จบนะครับ
ชาติที่ 4 Ultimate Fighting Revolver โดย Thunder Ranch
ตอนที่เขียนบทความลงใน Guns World ผมนึกว่าเรื่องราวของ Model 22 หรือ 1917 จะจบแค่นั้น แต่ก็มีคนทำให้เรื่องราวบานปลายอีก คนนั้นชื่อ Clint Smith ครับ
Clint Smith คือไดเร็คเตอร์ และเจ้าของสถาบันสอนยิงปืนที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งในอเมริกา ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี ในหน่วยรบนาวิกโยธิน, ตำรวจ จนมาถึงครูสอนยิงปืนในปัจจุบัน คลิ๊นท์ ก็น่าจะเป็นคนหนึ่งที่พอจะเชื่อได้ในเรื่องปืนสั้นต่อสู้กระมังครับ
ในขณะที่โลกปืนสั้นป้องกันตัวหมุนไปหาปืนออโตลูกดกจนแทบจะไม่มีใครสนใจปืนลูกโม่ คลิ๊นท์กลับมองว่าเจ้าปืนลูกโม่ทรงโบราณนี่แหละเหมาะมากสำหรับการต่อสู้ป้องกันตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเภทที่มีลำกลัองรูโตๆพ่นหัวกระสุนหนักๆออกไปได้อย่างแม่นยำ ที่สำคัญต้องขนาดไม่ใหญ่เกิน ไม่หนักเกิน และเรียบง่ายด้วยศูนย์ตายติดโครงปืนไม่ต้องมีศูนย์ปรับได้ให้เกะกะ
ด้วยความคิดออกเสียงดังของคนมีชื่อเสียงอย่างคลิ๊นท์ทำให้บริษัทใหญ่ๆ อย่างสมิทรับฟัง ปืนกระบอกแรกตามหลักการนี้ก็คือ Smith & Wesson Model 21-4 Thunder Ranch Revolver ขนาด .44 สเปเชี่ยล
ภาพที่ 5Smith & Wesson Model 21 Thunder Ranch Revolver ขนาด .44 สเปเชี่ยล
โมเดิล 21-4 ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ในหกเดือนที่เปิดตัวมา Smith ขายปืนรุ่นนี้ได้มากกว่าเป็นสองเท่า Model 21 รุ่นเดิมที่ผลิตขายอยู่16ปีเสียอีก และนั่นก็ทำให้มีปืนกระบอกต่อมาในความคิดเดียวกันก็คือ Smith & Wesson Model 22-4 Thunder Ranch Revolver ขนาด .45 ACP ที่เปิดตัวออกมาในปี 2007
ภาพที่ 6Smith & Wesson Model 22-4 Thunder Ranch Revolver ไม่ใช่การนำปืน 1917 หรือ Model 22 มาผลิตใหม่ซะทีเดียว อย่างแรกก็คือมันมีความยาวลำกล้อง 4นิ้ว และมี ฝักหุ้มก้านคัดปลอก ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนใน Model 22 อีกจุดหนึ่งก็คือใบศูนย์หน้าที่ยึดไว้ด้วยหมุด ทำให้สามารถถอดเปลี่ยนได้ (ศูนย์หน้าเดิมของ Model 22 ยึดติดตายกับลำกล้อง)
แต่ขณะเดียวกัน Model 22-4 ก็นำสองอย่างที่หายไปนานจากปืนลูกโม่ของ Smith & Wesson กลับมา
อย่างที่หนึ่งก็คือ โครงปืนที่เราเรียกกันว่า Square Butt ปืนโครง N รุ่นหลังๆของสมิทได้เปลี่ยนไปใช้ด้ามมน Round Butt กันหมดแล้ว รวมทั้งสมิท เฮอริเทจ ซี่รี่ โมเดล 1917 ที่ผมเขียนไว้ข้างบนด้วย
อย่างที่สองก็คือหมุดยึดเพลตข้างปืนตัวที่ 4 ที่บนสุดด้านขวาของโครงปืน น๊อตตัวนี้ถูกตัดหายไปตั้งแต่การลดต้นทุนในปี 1957 โน่นเลยครับ
ภาพที่ 7M 22-4 ไม่ใช่ปืนโชว์ มันคือปืนใช้งานจริง ที่ทรงอานุภาพและแม่นยำสำหรับการป้องกันตัว กลุ่มกระสุนในภาพคือการยิงจากระยะ 25 หลา
ชาติที่ 5 Good Old Guns never die. They just keep coming back!
ผมเกือบตกเก้าอี้ แถมต้องขยี้ตาหลายรอบให้แน่ใจว่าตาไม่ฝาด เขกหัวตัวเองอีกหลายรอบว่าไม่ได้ฝัน เมื่อผมเห็นโฆษณาหน้านี้ใน Shooting times
ภาพที่ 8เพราะมันคือการกลับมาสู่สายการผลิตของปืนลูกโม่คลาสสิคของสมิท แอนด์ เวสสันมากมายหลายรุ่น ทั้ง โมเดล 22, 24, 25, 27 29 ที่เป็นโครง N และ โมเดล 36 และ 40 ที่เป็นโครง J
และก็ยังมี โมเดล 22 ในรูปแบบดั้งเดิมของ 1917 อีกด้วย
ภาพที่ 9โมเดล 22 ลำกลอ้ง 4 นิ้ว ในรูปแบบเดียวกับ Model -22 Thunder Ranch แต่เพิ่มตัวล็อคปืนขึ้นมาเหนือปุ่มเปิดโม่ มีให้เลือกผิวทั้ง รมดำ, นิกเกิ้ล และ Color Case harden ว้าว!
ภาพที่ 10Model 22, Model of 1917 มาในรูบแบบดั้งเดิม ลำกล้อง 5 1/2 นิ้ว ด้าม Square Butt มีห่วง Land yard แต่เพิ่มตัวล็อคปืนขึ้นมาเหนือปุ่มเปิดโม่ มีให้เลือกผิว ในแบบ Color Case harden หรือ นิกเกิ้ล
โมเดล 22 ลำกลอ้ง 4 นิ้ว ในรูปแบบเดียวกับ Model -22 Thunder Ranch แต่เพิ่มตัวล็อคปืนขึ้นมาเหนือปุ่มเปิดโม่ มีให้เลือกผิวทั้ง รมดำ, นิกเกิ้ล และ Color Case harden ว้าว!
พอหายตกใจ เข้าไปดูใน internet แล้วก็มาต้องทำใจ เพราะที่อเมริกายังกระบอกละกว่าพันเหรียญ ปืน Glock กระบอกละ 5-600 เหรียญ บ้านเรายังขายกันเกือบแสน ถ้า Model 22, Model of 1917 มิต้องขายบ้านซื้อหรือ
แต่ก็ยังดีที่ยังได้รู้ว่าปืนดีไม่มีวันตาย และคนที่มองหาความงดงามในปืนของวันวานมิได้มีแต่ข้าพเจ้าแต่เพียงผู้เดียว
ภาคพิเศษ ความฝันที่เป็นจริง
ผมทำใจลืมลืม 1917 และ Model 22 ไปนานแล้ว แต่คำว่า”คู่กันแล้วไม่แคล้วกัน” ก็มีความจริงอยู่บ้าง
อยู่มาดีๆ เพื่อนสนิทของคุณพ่อ ก็แจ้งมาว่า ลุงชักจะชรามีปืนอยู่หลายกระบอก ลูกหลานก้ไม่สนใจ หลานมาช่วยกัดการให้หน่อย
ด้วยความชอบอยู่แล้วผมจึงรีบวิ่งแจ้นไปจักการให้ แต่พอเปิดกล่องหนึ่งขึ้นมาก็ต้องขยี้ตาเขกหัวตัวเองอีกรอบ เพราะหนึ่งในปืนของคุณลุงนั้นคือ Model 22 Model of 1950 ที่ผมเขียนไว้ข้างบนในชาติที่ 2 ของ 1917
เมื่อจัดการจำหน่ายจ่ายแจกกระบอกอื่นๆให้เพื่อนฝูงในราคายุติธรรมทั้งสองฝ่ายไปแล้ว คุณป้าจึงขอบคุณหลานที่แสนดีคนนี้ด้วยการขายปืนกระบอกโปรด (ที่คนอื่นไม่มีใครมอง) ให้ในราคามิตรภาพ
และนั่นก็ให้โอกาสผมที่จะสามารถจะทำบทความฉบับนี้ให้เสร็จสมบูรณ์ด้วยการยิงทดสอบ
ภาพที่ 11โมเดล 22 รุ่นแรกในสภาพเดิมๆที่ซื้อมาจากปืนสี่พระยาเมื่อ 47 ปีที่แล้ว มีแต่ด้ามเท่านั้นที่ไม่ใช่ของเดิม แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะหามาใส่
ภาพที่ 12ถ่ายภาพเปลือยให้เห็นความแตกต่างระหว่าง รุ่นเก่าก้นเหลี่ยม กับ ปืนรุ่นปัจจุบัน ก้นกลม ทั้ง 2 กระบอกเป็นปืน โครง N ด้วยกันทั้งคู่ครับ
ภาพที่ 13ข้อแตกต่างที่เห็นชัดอีกอย่างคือ ปืนรุ่นใหม่เข็มแทงชนวนจะฝังในโครงปืน ในขณะที่รุ่นเก่าอยู่ที่นกสับ
ภาพที่ 14เทียบให้เห็นความแตกต่างระหว่าง M 22 Model of 1950 กับกระบอกล่าง Model of 1955 ซึ่งเป็นปืนขนาด .45 ACP ในยุคเดียวกัน แต่เน้นการยิงเป้าแข่งขันด้วยการเพ่ิมลำกล้องที่หนาหนัก และศูนย์ปรับ (ต่อมาคือ Model 25)
ยิงทดสอบ
ภาพที่ 15คุณลุงดูเชยมากเมื่อวางเทียบกับ Glock
ภาพที่ 16ทดสอบปืนดีๆทั้งทีเลยต้องงัดเอากระสุน Semi-Wad Cutter Full Metal Jacket ขนาด 185 เกรนของ winchester มาใช้
ภาพที่ 17กลุ่มกระสุนที่ระยะ 15 เมตร น่าพอใจ วัดได้ 1.2 นิ้ว น่าจะยิงซ้อนรูเดียวได้ถ้ายิงให้คุ้นกว่านี้
กลุ่มขนาดนี้ไม่แพ้ปืนออโต้ซิ่งราคาหลายแสน
ภาพที่ 18กลุ่มกระสุนที่ระยะ 25 เมตรวัดได้ 2.7 นิ้ว น่าจะดีกว่านี้ถ้าไม่เป็นเพราะตาผู้ยิงที่เริ่มจะชราทำให้มองศูนย์เล็กๆเตี้ยๆไม่ค่อยชัดแล้ว ขนาดนี้ก็หายสงสัยได้ครับ ความแม่นยำเกินความจำเป็น เหนือกว่าปืนสมัยใหม่หลายๆกระบอกที่เคยทดสอบมาด้วยซ้ำไปขณะที่นั่งเขียนอยู่นี้ Model of 1950 ยังวางอยู่ข้างตัวผม หลังจากรอมากว่า 7 ปี คราวนี้ผมไม่ต้องไปส่งคืนที่ไหนอีกแล้ว อย่างที่บอกล่ะครับว่า “คู่กันแล้ว ย่อมไม่แคล้วกัน”
ขณะที่นั่งเขียนอยู่นี้ Model of 1950 ยังวางอยู่ข้างตัวผม หลังจากรอมากว่า 7 ปี คราวนี้ผมไม่ต้องไปส่งคืนที่ไหนอีกแล้ว อย่างที่บอกล่ะครับว่า “คู่กันแล้ว ย่อมไม่แคล้วกัน”
Good guns never die, they just keep coming back !
ภาพที่ 19โดย:ตาเกิ้น
บางภาพ บางข้อความอาจจะขาดหายไป ต้องขออภัยด้วยครับเนื่องจากบทความนี้ค่อนข้างยาว
และก็ขอขอบคุณเจ้าของโพสด้วยครับ สำหรับข้อมูลดีๆ
ขอบคุณครับ