ภาพที่ 1 ถึงโรงเหล้าเตากลั่นควันโขมง มีคันโยงผูกไว้ที่ปลายเสา
โอ้บาปกรรม น้ำนรก เจียวอกเรา ให้มัวเมาเหมือนหนึ่งบ้าดูน่าอาย
ท่านสุนทรภู่ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า น้ำเหล้า ก็คือ น้ำนรก แต่ตัวท่านเองก็มิได้ลดเลิกลา ชีวิตที่เคยรุ่งโรจน์สมัยแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศล้านภาลัย ต้องมาตกอับเร่ร่อนพายเรือขายบทกวี ในสมัยแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3
ว่ากันไปว่าก็เพราะติดสุราเป็นอาจิณนั่นเอง แต่ท่านเองก็ไม่เคยพายเรือล่มเพราะเมาเหล้า เลยไม่มีคำบอกกล่าวเตือนลูกๆหลานๆ ยันเหลนๆ ว่า เมาแล้วอย่าพายเรือ
ภาพที่ 2 เมาแล้วขับ อันที่จริงไม่น่านำมาเสนอให้ซ้ำซากจำเจ ข่าวคราวหรือการรณรงค์มีให้เห็นอยู่ตลอดต่อเนื่องอยู่แล้ว แต่เพื่อเตือนสติตอกย้ำกันเองในกลุ่มคนตกปลาด้วยกัน จึงขอใช้เวทีนี้บอกกล่าวให้ฟังอีกสักครั้ง
กระผมก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่ชื่นชอบน้ำเมาควบคู่กับการตระเวนเดินทางท่องเที่ยวและตกปลา ด้วยความเคยชินดื่มกินมานาน ตั้งแต่เริ่มหาเงินหาทองเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเองได้กว่า 20 ปี ไม่คิดลดคิดเลิกแถมไม่เชื่อการรณรงค์ เมาแล้วอย่าขับ มัวแต่หลงเชื่อมั่นในตัวเองมากจนเกินไป เพราะไม่เคยเมาจนขับรถไม่ไหว ลืมนึกถึงสภาพร่างกายมันอยู่ในช่วงขาลงเข้าไปแล้ว ก็เลยพลาดท่าเกือบเอาชีวิตไปทิ้งยังข้างถนน ด้วยเพราะ เมาแล้วขับ นี่แหละครับ
เหตูการณ์เกิดขึ้นต้นปี 2547 เป็นอุทาหรณ์เตือนใจ