ภาพที่ 1เริ่มจากส่วนตัวผมเองเป็นคนชอบตกปลา ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ก็ทำให้ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้ตกปลา
"A bad days fishing is better than a good days working"
จึงเป็นที่มาที่ผมจะพยายามเสาะแสวงหาชุดอุปกรณ์ที่ดีทึ่สุดในความคิดของตัวเอง จนได้มาพบกับคัน G-loomis โดยบังเอิญ คันหน้าธรรมาดา เชย ๆ แต่แฝงไว้ด้วยศักยภาพที่เหลือล้น
ทำให้ผมเริ่มค้นคว้าหาข้อมูล ประวัติความเป็นมาของคันๆ นี้ จนได้มาพบกับบทความดี ๆ จากเวป www.tackletour.com
วันนี้จึงอยากแชร์บทความเรื่องนี้ที่มีการดัดแปลงเป็นภาษาไทย โดยกลุ่ม TSF Thailand
เกี่ยวกับเรื่องราวของคัน G-loomis ที่หลายท่านอยากรู้มาฝากกันครับ น่าจะมีประโยชน์และทำให้รู้จักกับ G-loomis ไม่มากก็น้อยครับ
ต้องขอขอบคุณ TSF Thailand สำหรับบทความนี้ในเวอร์ชั่นไทยครับ อ่านแล้วรู้สึกประทับใจมากครับ เลยอยากแบ่งปันให้กับพี่น้องชาว SF มาเริ่มกันเลยครับ
Edge Fishing Rods by North Fork Composites
เมื่อพูดถึงผู้ผลิตคันเบ็ดในสหรัฐอเมริกา ชื่อที่ทุกคนรู้จักกันดีคงจะเป็นสองบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง G.Loomis และ St.Croix แต่ในความเป็นจริง ยังมีบริษัทผู้ผลิตคันเบ็ดอีกมากมายในสหรัฐอเมริกาซึ่งถือว่าเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในโลกสำหรับการตกปลาแบส
สำหรับคันเบ็ด Edge เพื่อนนักตกปลาหลายท่านคงจะไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนแต่สิ่งที่ทำให้เราเกิดความเราสนใจที่จะศึกษาข้อมูลของคันเบ็ดนี้คือชื่อของ Gary Loomis ที่ประทับอยู่บนแบลงค์ของคันเบ็ดทุกคัน ทำไมชื่อของชายผู้ก่อตั้งบริษัท G.Loomis ถึงได้มาปรากฏอยู่บนคันเบ็ดนี้ ที่มาที่ไปของเรื่องราวจะเป็นอย่างไร ย้อนหลังไปใน ค.ศ. 1973 บริษัท Fenwick ได้นำคันเบ็ดที่ผลิตจากกราไฟท์มาแสดงเป็นครั้งแรกในงาน AFTMA ซึ่งจัดขึ้นที่ชิคาโก Gary ซึ่งขณะนั้นทำงานให้กับบริษัท Lamiglas ได้รับมอบหมายให้ศึกษาการผลิตคันเบ็ดโดยใช้วัสดุกราไฟท์ทันที ในเวลาไม่นาน คันเบ็ดที่ผลิตจากกราไฟท์ของบริษัท Lamiglas ก็กลายเป็นที่ยอมรับจากนักตกปลาทั่วสหรัฐฯ แต่ใน ค.ศ. 1984 Gary ได้ออกจาก Lamiglas เพื่อเริ่มต้นกิจการทำคันธนูจากกราไฟท์ ซึ่งเป็นวัสดุที่ Gary มีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างยิ่ง แต่กิจการใหม่นี้ไม่ประสบความสำเร็จ Gary จึงกลับมาสู่วงการตกปลาอีกครั้ง ค.ศ. 1980 Gary ได้เริ่มต้นบริษัท Loomis Composites และบริษัท Loomis Composite ได้มีความร่วมมือกับบริษัทผลิตคันเบ็ดจากไต้หวันที่ชื่อ Loomis Franklin ที่นักตกไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่หลังจากนั้น Gary ก็ได้ออกจากบริษัท Loomis Composite และใช้เวลาคิดทบทวนวางแผนอนาคตของตัวเอง ซึ่งนั่นคือจุดเริ่มต้นของตำนาน G.Loomis การก่อตั้งบริษัท G.Loomis นั้นเป็นการตัดสินใจที่กล้าหาญอย่างยิ่งของ Gary !
ภาพที่ 2เมื่อได้ตัดสินใจที่จะเริ่มต้นธุรกิจผลิตคันเบ็ดของตัวเอง แกรี่ได้ขายของเกือบทุกอย่างที่มีเพื่อเริ่มต้น G.Loomis เมื่อเวลาผ่านไปครึ่งปี โรงงาน G.Loomis เกือบที่จะสามารถผลิตคันเบ็ดได้แล้ว ขาดแต่เพียงอุปกรณ์ชิ้นสุดท้ายเท่านั้น แต่ทุนที่แกรี่มีเหลืออยู่นั้นไม่เพียงพอ หนทางเดียวที่จะทำได้ก็คือกลับไปทำงานประจำเพื่อเก็บสะสมเงินทุนก้อนสุดท้ายนี้และเลื่อนการเปิด G.Loomis ออกไปก่อน แต่ก่อนที่แผนการทุกอย่างจะทุกอย่างจะถูกเลื่อน Dennis Shiebe จาก Cabelas ก็ได้ติดต่อแกรี่เพื่อจะว่าจ้างให้ผลิตแบลงค์ให้ จำนวนแบลงค์ที่ Cabelas ต้องการให้ G.Loomis ผลิตคือ 280 เส้นต่อวัน เป็นระยะเวลา 8 เดือน ซึ่งแกรี่ก็ได้ปฏิเสธไปเพราะว่าอุปกรณ์ที่มีอยู่นั้นยังไม่สามารถที่จะทำการผลิตได้ Dennis Shiebe ได้ขอให้แกรี่ไปคำนวณเงินทุนที่ยังขาดอยู่ ในตอนที่แกรี่ติดต่อกลับเพื่อแจ้งว่าราคาอุปกรณ์ชิ้นสุดท้ายอยู่ที่ 50,000 ดอลลาร์ (ในขณะนั้นเป็นจำนวนเงินที่มากมายทีเดียวครับ) แกรี่ไม่คิดว่า Cabelas จะยอมให้กู้ยืมเงินจำนวนมากขนาดนั้น แต่หลังจากนั้น 3 วัน เงินจำนวน 50,000 ดอลลาร์ก็ได้ถูกโอนเข้าบัญชีของแกรี่ โดยไม่มีการเซ็นเอกสารหรือทำสัญญาใดๆระหว่าง G.Loomis และ Cabelas แม้แต่แผ่นเดียว ซึ่งสำหรับแกรี่ จุดเริ่มต้นของ G.Loomis เกิดจากความฝันและการจับมือ Thats how G.Loomis began on a dream and a handshake."
ภาพที่ 3เรื่องราวความยิ่งใหญ่ของ G.Loomis และการขายบริษัทให้กับ Shimano American Corp.
เคล็ดลับความสำเร็จของ G.Loomis นั้นเกิดจากอุปกรณ์ที่ใช้ในการพันวัสดุกราไฟท์บนแท่งเหล็กเพื่อขึ้นรูปเป็นแบลงค์ ในเวลานั้นวัสดุกราไฟท์จะถูกผลิตที่ความดัน 40 psi แต่ด้วยอุปกรณ์ที่ออกแบบโดยแกรี่เอง แบลงค์ของ G.Loomis จะถูกพันโดยความดันถึง 250 psi สิ่งที่ได้คือแบลงค์ที่เบาและแข็งแรงขึ้น
เมื่อชื่อเสียงของแบลงค์จาก G.Loomis เริ่มเป็นที่ยอมรับ ตั้งแต่นั้นจนถึง ค.ศ. 1997 G.Loomis ได้กลายเป็นยี่ห้อคันเบ็ดที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก อีกทั้ง G.Loomis ยังผลิตแบลงค์มากมายให้กับบริษัทต่างๆที่ไม่สามารถผลิตแบลงค์เองได้ แต่ใน ค.ศ. 1995 ได้มีเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงใน G.Loomis ใน ค.ศ. 1995 แกรี่ได้รับแจ้งข่าวร้าย แพทย์ตรวจพบว่าเขาเป็นมะเร็ง ภายหลังการรักษาทั้งโดยรังสีและยา อาการไม่มีท่าทีจะดีขึ้น แพทย์คาดว่าแกรี่จะมีชิวิตอยู่ได้อีกไม่เกิน 3 ปี นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เขาตัดสินใจขาย G.Loomis หลังจากพิจารณาข้อเสนอจำนวนมาก แกรี่ตัดสินใจขาย G.Loomis ให้กับ Shimano American Corp. เพราะว่า Shimano เป็นรอกที่แกรี่ใช้ในการตกปลา ซึ่งเขาเชื่อว่าควรขายบริษัทคันเบ็ดที่ดีที่สุดให้กับผู้ผลิตรอกที่ดีที่สุดในความคิดของเขา Shimano สัญญาว่าจะไม่สร้างความเปลี่ยนแปลงใดในบริษัท G.Loomis เป็นเวลา 5 ปี ซึ่งทำให้แกรี่มั่นใจว่าทีมงานผู้ร่วมสร้าง G.Loomis ขึ้นพร้อมกับเขาจะยังมีงานทำอยู่ในระยะเวลาที่พอเพียง และ Shimano ก็ยังจ้างแกรี่เป็นที่ปรึกษาด้วยสัญญาระยะสั้น 3 ปี
หลังจากขาย G.Loomis แล้ว แกรี่ก็ได้ทำในสิ่งที่ต้องการอย่างเต็มที่ตามเวลาที่เหลือแค่ 18 เดือน เขาไปตกปลาและล่าสัตว์ในที่ที่ต้องการ และยังมีส่วนร่วมในการรณรงค์อนุรักษ์พันธ์ปลาในสหรัฐฯกับหน่วยงานต่างๆ เหลือเชื่อที่อาการป่วยของเขาเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ แกรี่มีสุขภาพแข็งแรงดีจนผ่านระยะเวลา 3 ปีตามที่แพทย์ได้แจ้งไว้ ซึ่งนั่นทำให้แกรี่กลับสู่วงการตกปลาอีกครั้ง
ภาพที่ 4จุดเริ่มต้นของEdge Fishing Rods by North Fork Composites
หลังจากที่แกรี่ได้ขายหุ้น G.Loomis ให้กับ Shimano American Corp. ไปแล้วนั้น เมื่อเวลาผ่านไป Shimano American Corp. ก็ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นภายใน G.Loomis อย่างช้าๆ และแม้ว่าแกรี่จะไม่ได้เป็นเจ้าของ G.Loomis อีกแล้วก็ตาม พนักงานของ G.Loomis จำนวนมากก็ยังให้ความนับถือและเชื่อฟังแกรี่ซึ่งมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษามากกว่าผู้บริหารที่มาจาก Shimano American Corp. ซึ่งนั่นทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นภายใน G.Loomis ยุคใหม่ แกรี่จึงได้ตัดสินใจยุติบทบาทใน G.Loomis ทั้งหมดลงเพื่อแก้ปัญหา หลังจากออกมาจาก G.Loomis อย่างเต็มรูปแบบ แกรี่ได้เข้าไปเป็นหุ้นส่วนของบริษัทผลิตเหยื่อปลอมและเหยื่อฟลาย ชื่อของ Gary Loomis ได้ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นผู้ออกแบบเหยื่อปลอม ซึ่งเรื่องนี้สร้างความไม่พอใจให้กับ Shimano American Corp. ที่เข้าใจว่าพวกเขามีสิทธิ์ในชื่อของแกรี่จากการซื้อบริษัท G.Loomis แล้ว ต่อมา Shimano American Corp. ได้ทำการฟ้องร้องแกรี่ต่อศาลรายละเอียดการพิจารณาคดีนั้นไม่เป็นที่เปิดเผย แต่ผลการตัดสินกลับกลายเป็นว่าแกรี่ชนะคดีและ Shimano American Corp. ต้องจ่ายค่าเสียหายจำนวนหนึ่งให้กับแกรี่ หลังจากนั้น Shimano American Corp. และแกรี่ได้มีการพูดคุยและทำข้อตกลงกันใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าจากจากข้อตกลงดังกล่าว แกรี่สามารถใช้ชื่อของตัวเองในการทำธุรกิจได้ เมื่อแกรี่กลับมามีสุขภาพที่แข็งแรงและมีสิทธิ์ที่จะใช้ชื่อของตัวเองเพื่อทำธุรกิจได้ ผู้คนจำนวนมากได้เรียกร้องให้เขากลับมาผลิตแบลงค์คันเบ็ดอีกครั้ง ซึ่งนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของบริษัทผลิตแบลงค์คันเบ็ดที่จะสืบต่อความยิ่งใหญ่ของชื่อ Gary Loomis ในนามของ North Fork Composites
เรื่องราวยังไม่จบครับโปรดติดตามได้ที่ FB:Thai Street Fishing
แปลและเรียบเรียงโดย: Thai Street Fishing
ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ครับ สำหรับบทความดี ๆ