ภาพที่ 1
ภาพยนตร์เรื่องนี้ ปรากฏอยู่บนหน้าวอลล์ของคนดังคนหนึ่ง
เขาหรือเธอเป็นใครไม่ใช่สิ่งที่สำคัญ แต่สิ่งที่น่าสนใจและชวนให้คิดเมื่อดูหนังสั้นเรื่องนี้จบเป็นสิ่งที่เราในฐานะผู้ชม น่าจะเก็บไปขบคิด
_______________
เหตุการณ์เกิดขึ้นที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในชั้นเรียนสมมุติ
ห้องเรียนสีทึม บรรยากาศชวนให้อึดอัด
ครูหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง พร้อมการประกาศผ่านเสียงตามสาย ที่ระบุว่า จะการเปลี่ยนแปลงบางเกิดขึ้นในโรงเรียน และย้ำให้ตั้งใจและ"เชื่อฟัง"ในสิ่งที่ครูบอก
ก่อนจดชอล์คลงบนกระดานดำว่า "2 + 2 = 5" พร้อมทั้งย้ำให้นักเรียนทั้งชั้นพูดตามว่า "สอง บวก สอง เท่ากับ ห้า" ซ้ำแล้วซ้ำอีก
แน่นอนว่าในความเป็นจริง 2+2 ก็ย่อมเท่ากับ 4
นักเรียนคนหนึ่งลุกขึ้น และกล่าวแย้งว่า ผลของมันควรจะเป็น 4 ไม่ใช่ 5
ครูตอบอย่างหงุดหงิดว่า "ไม่ต้องคิด คุณไม่จำเป็นต้องคิด" ก่อนที่จะถูกสั่งให้นั่งเรียนอย่างสงบ
เรื่องราวไม่ได้จบแค่นี้ นักเรียนอีกคนหนึ่งลุกขึ้นมา และย้ำคำตอบเดิมว่า 2+2 อย่างไรก็ต้องเท่ากับคำว่า 4
แน่นอนว่า นี่ได้สร้างความโกรธเกรี้ยวให้แก่ครูอย่างมาก ผลที่ตามมาเราคงไม่ต้องคาดเดา ว่าผู้ที่ไม่เชื่อครูจะเป็นอย่างไร
ตัวหนังเล่าผ่านบริบทง่ายๆ คือเหตุการณ์ปกติที่เกิดขึ้นในห้องเรียน ครู นักเรียน และบทเรียน แต่ถูกแต่งเติมด้วยความเหนือจริงในบางช่วง ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า "ความเหนือจริง"ในความคิดของคนบางกลุ่ม อาจแปลงรูปไปเป็น"ความเป็นจริง" ในคนบางกลุ่มหรือบางเหตุการณ์
แน่นอนว่าครูในเรื่องนี้ คือผู้มีอำนาจสูงสุดในห้องเรียน ย่อมมีสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจในทุกเรื่อง ผิด-ถูกหรือไม่ อาจไม่ใช่ประเด็น สิ่งที่เรามองเห็นก็คือ การใช้"อำนาจ"ที่มี อยู่ เพื่อสร้าง ความจริง ขึ้นจาก ความลวง
นักเรียนที่คิดตาม ก็ย่อมรู้ดีว่า บางสิ่งที่ถูกสอน มิได้เป็นความจริงเสมอไป การกล่าวแย้ง จึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ใน"ห้องเรียนปกติ"
แต่เมื่อเหตุการณ์เกิดในห้องเรียน"ที่ไม่ปกติ" การโต้แย้ง ย่อมกลายเป็นการแสดงความเป็น"ปฏิปักษ์"
ปฏิปักษ์ ผู้อ่อนน้อมหรือรักตัวกลัวตาย ก็ย่อมโอนอ่อนไปตามเสียงข่มขู่ แต่ผู้ที่ยังยืนกรานในสิ่งที่ตนเชื่อ "จุดจบ"ย่อมเป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้เสมอ
แล้วเราจะสามารถยืนหยัดเพื่อความจริง เพื่อคงไว้ซึ่งจิตวิญญาณของเรา ภายใต้อำนาจเผด็จการได้อย่างไร? ยังคงเป็นคำตอบสำหรับคนในหลายประเทศของโลกที่ต้องตามหากันต่อไป
ภาพที่ 2ลองดูเพิ่มเติมที่ YouTube : 2 + 2 = 5