ภาพที่ 1
ชุดตกปลาหานิพพาน
หายเสียว...กับปลาเรียวเซียวและไอ้คุด
ขากลับจากสีชังในช่วงสายผมแวะเช็คหมายที่กองปะการังเทียมหน้าแหลมแท่นที่มีอยู่สามกอง เป็นซากคอนกรีตจากการทุบอาคาร สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ บนแหลมแท่น และนำมาทิ้งไว้หลายปีแล้ว...ก่อนจะสร้างอาคารสวยงามที่เห็นอยู่ในปัจจุบันแทน
ด้วยเป็นช่วงน้ำตาย ถึงจะเป็นกองหินขนาดใหญ่ แต่ก็ไม่มีอะไรมาฉวยเบ็ด เลยถอนสมอจะวิ่งเข้าบางปะกง มาถึงหน้าอ่างศิลาเห็นเรือตกปลาจากชลบุรีมาจอดอยู่ที่หลักหอยสองลำ ซึ่งน่าจะเป็นหมายหากินของไต๋ถิ่นนี้ ผมผ่านมาหลายครั้งเห็นนักตกปลาเช่าเรือมาจอดตกกัน ขอลองดูสักทีก่อนจะเข้าบ้าน
ระดับน้ำหกเมตร ผมผูกเรือติดกับหลักไม้ไผ่ ห่างจากเรือสองลำพอตะโกนกันได้ยิน...น้ำเริ่มขยับลงนิดหน่อย เอากุ้งตายเกี่ยวเบ็ดหย่อนลงไป และหันมาจุดไฟต้มมาม่ากิน พออิ่มก็ตามด้วยองุ่นสด และส้มอีกสองลูก ปลาก็ฉวยอย่างแรง พอคว้าคันมันก็ลากเข้าซากไม้ไผ่ จะเหลืออะไรกับสายขนาด 20 ปอนด์ ขาดกระจุย เป็นอยู่อย่างนี้สองหน จนคนบนเรือข้างเคียงหันมาถามว่าได้มั๊ย ?
ขาดหมด...ลากเข้าซากหมดผมตอบพร้อมกับถามกลับว่าได้มั้ย?
สงสัยจะเป็นไอ้คุด...นี่ก็มีลากขาดไป คนบนเรือลำหนึ่งตอบ
พี่มาจากไหนล่ะ
บางปะกง
มาคนเดียวหรือ
ใช่...กลับจากสีชัง...ได้ปลาจากแหลมฉบังมา 4-5 ตัว...กุเลา สร้อยนกเขา
โอ้...ไปไกลจัง...บ้านเราก็มีตัว
ขับเรือเล่น...สนุกดี ผมตอบพร้อมกับเช็คเหยื่อ
สักพักเรือลำหนึ่งก็ลาจากไปเฝ้าหลักหอย อากาศเริ่มร้อนจัดในช่วงใกล้เที่ยงวัน ผิวน้ำเริ่มเป็นลอนระยิบระยับ บอกสัญญาณว่าอีกไม่นานลมตะวันตกเฉียงใต้ก็จะเริ่มพัด ยิ่งบ่ายยิ่งจัด เป็นที่รู้กันของชาวประมง...ว่าช่วงหน้าร้อนลมทะเลจะเป็นแบบนี้เกือบทุกวัน หน้าฝนถึงจะเรียบ ยกเว้นช่วงมรสุม...กลับบ้านดีกว่า
ภาพที่ 2 หน้าแหลมแท่น
ผมปลดเชือกออกจากหลัก ติดเครื่องแล้วผลักคันเร่ง...มุ่งหน้าบางปะกง มาได้ไม่นานลมก็พัดไล่หลัง วิ่งตามคลื่นตามลมก็สบายไม่มีปัญหาอะไร เคยเจอะคลื่นใหญ่ ๆ มาแล้ว...แบบนี้เด็ก ๆ มาเปียกบ้างเล็กน้อยตอนเข้าปากอ่าว คลื่นจะเป็นสามเหลี่ยมและสับสน บางลูกก็โต ถี่ แบบไร้ทิศทาง ผู้ไม่ชำนาญ จะหลงคลื่น และทำให้เรือเสียการทรงตัว อาจล่มได้มากกว่ากลางทะเล ที่เขาเรียกกันว่า ล่มปากอ่าว ก็มีที่มาจากนี่แหละ ผมขับเรือเก่งยังเป็นเลย ฮา ฮา !
พักออกทะเล กินปลาให้หมดก่อน ทั้งทำบุญ และเลี้ยงเพื่อนบ้านก็ยังกินได้นานอาทิตย์กว่า ใช้ทุกส่วนของปลาให้คุ้มกับค่าน้ำมัน 60 ลิตร ถึงราคาขณะนี้จะลดลงมามากกว่าอดีต แต่ก็นับว่ายังแพงอยู่มาก เมื่อเทียบกับค่าแรง และปัจจัยทางเศรษฐกิจอื่น ๆ
ผมผ่านช่วงตกต่ำของปี 40 มาได้แทบจะเอาชีวิตไม่รอด ต้องอาศัยธรรมะเป็นที่พึ่งทางใจ ถึงจะรอดมาได้จึงไม่ลืมตัว ตอนนี้ใช้แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ของพ่อหลวงนำทาง และทำทุกอย่าง...เพื่อทดแทนคุณแผ่นดิน...โดยเฉพาะการปลูกป่า สู้ทะเลกลืนผืนดิน กำลังทดลองอยู่หลายพื้นที่
ยังไม่ทันฟื้นดีจากวิกฤตปี 40 ก็ต้องมาเจอะกับการล่มสลายของเศรษฐกิจโลก ที่ดูท่าแล้วน่ากลัวว่าจะรุนแรง และยาวนานถึง 5 ปี 10 ปีนับต่อจากนี้ไป นี่แค่เริ่มต้น ที่เขาเรียกกันว่าเผาหลอก คนยังตกงานกันเป็นล้าน แล้วปีหน้าเผาจริง มนุษย์ผู้เย่อหยิ่งจะอยู่กันอย่างไร ?
นี่ก็เป็นตัวอย่าง...ให้เห็นถึงความโลภของมนุษย์บางกลุ่ม ซึ่งส่วนมากก็จะเรียนกันสูง ๆระดับ เอ็มบีเอ. กันทั้งนั้น ผมมันแค่มินิ ได้แต่มองดู เขาผลาญทรัพยากรโลกแบบไม่ยั้งคิด ทั้งด้วยการใช้ ปั่นราคาเกินความเป็นจริง หวังร่ำรวยอยู่กลุ่มเดียว คนอื่นจะเป็นหรือตายอย่างไร เขาไม่สนใจ สุดท้ายก็เหมือนตึกสูงใหญ่ ที่ดันสร้างกันเข้าไป โดยไม่คิดถึงฐานรากว่าจะรับน้ำหนักไหวมั๊ย... พังซิครับ... แล้วใครล่ะที่เดือดร้อน ?
คิดแล้วเศร้าจิต...ทรัพยากรธรรมชาติ เป็นของมนุษย์ และสัตว์ทั้งมวล...ที่จะให้ทุกชีวิต...ใช้ได้อย่างมีความสุขเท่าเทียมกัน...แบบพอเพียง...แต่ไม่พอสำหรับความโลภ...ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาล้วนไร้ค่า...ถ้าไม่นำเอามาคิด
แล้วมันเป็นความผิดของใคร... พระเจ้าหรือความโง่เขลาของคน ?
ภาพที่ 3
เรืออีแปะลำนี้...ย้อนอดีตให้ผม
ผมพักรบ หลบมาซ่อมเรืออีแปะลำเก่า ๆ ขนาด 3 วา 2 ศอก ที่ซื้อมาใหม่ นั่งทำ นอนทำ ถึงเที่ยงคืนอยู่เกือบเดือนก็เสร็จสมดังใจปรารถนา นี่คือมาตรการต่อต้านน้ำมันแพง ค่าแรงถูก และลดการใช้พลังงานน้ำมันลง โดยไปขุดเอาเครื่องยนต์ฮอนด้า ขนาด 5.5 แรงม้า สมัยทำนากุ้งเมื่อ 15 ปีที่แล้วมาใช้...ขณะรอซ่อม เลยไปถอยเครื่องขนาดเดียวกันยี่ห้อไทเกอร์ ของจีนแดงมาใช้ด้วยอีกตัว พร้อมกับไปเอาเครื่องเจโล่ โรแทก สมัยพ่อ เก่ากว่า 50ปี มาซ่อมไว้เล่นอีกสองตัว
เพื่อสลับสับเปลี่ยนกันตามความเหมาะสมของระยะทาง และน้ำหนักบรรทุก คิดว่าจะบุกถึงแปดริ้ว...ผลจะเป็นอย่างไรติดตามได้ใน...ลูกผู้ชาย... เรือพายกับสายน้ำ
เรือลงน้ำวันแรก ก็ทดลองวิ่งไปท่าสะอ้าน สะพานมอเตอร์เวย์ ทำความเร็วได้ 7-9 ไมล์ทะเล ไปกลับใช้น้ำมัน 2 ลิตร...เข้าท่า...สุดประหยัด...ขากลับลมเริ่มแรงในช่วงเที่ยง ในแม่น้ำคลื่นยังขนาดนี้ ถ้าออกทะเลจะไหวมั้ย ทดสอบขับสู้กับคลื่นขนาดครึ่งเมตรหน้าการไฟฟ้าดู...พอรับได้เปียกบ้างเล็กน้อย...อย่ากระนั้นเลย...ลองออกปากอ่าววิ่งไปหน้าชลบุรีดูซิว่าจะเป็นอย่างไร ?
แผนการทดสอบเรือก็เริ่มขึ้นในช่วงบ่าย กะว่าจะไปนอนค้างคืนด้วย ลงน้ำมัน ลังน้ำแข็ง เสบียง อาหารแห้ง ถูกใส่ลงเรือเพียบจนเมียแซวว่า ดูท่าจะไปหลายวัน เราไม่ตอบ...ถึงแผนการทดสอบคราวนี้ อย่าลืมน้องปลา...มาฝากเด้อ
ลงจากเฉลียงหน้าบ้านร่ำลาเมียจ๋า...ว่าจะไปหลายวัน...พร้อมกับหันหัวเรือออกจากท่า...คลื่นลมก็ไม่ยอมซา...กลับโหมหนักกว่าเดิม...ถึงปากอ่าวก็ต้องส่ายหน้า...คลื่นลูกแล้ว ลูกเล่า...สูงราว ๆ เมตร ซัดซาดหัวเรือ ข้าวของเปียกหมด เรือแข็งน้ำใช้ได้ แต่คนสู้ได้ไม่กี่น้ำก็ต้องถอดใจ...หันหัวเรือกลับมาทิ้งสมอข้างเกาะนกอย่างเดียวดาย...แล้วก็โทรบอกเมียจ๋า...ให้หุงข้าว ทอดปลา เดี๋ยวสามีสุดที่รัก...จะกลับบ้านแล้ว...ไปไม่ไหว...นี่ก็ล่มปากอ่าวเหมือนกัน...พรุ่งนี้จะเอาเรือเร็วออก...ลำนี้มันเหมาะสำหรับ ในแม่น้ำ ถ้าจะออกทะเลก็ต้องเรียบจริง ๆ คลื่นไม่เกิน 50 เซนติเมตร...ถึงจะซิ่งไปได้...อีกบทเรียนหนึ่ง
ภาพที่ 4
ดูลูกคลื่นกับหัวเรือประมง
นอนพักผ่อนก่อนหนึ่งคืน เหนื่อยกับเรือมาหลายวันแล้ว แขนขาเริ่มชา ปวด ต้องใช้ยานวดแผนโบราณ กว่าจะนอนหลับก็เที่ยงคืนกว่า จิตใจที่ฟุ้งซาน ถึงแผนการต่าง ๆ ที่จะไปในวันพรุ่งนี้ ด้วยไม่อยากเดินทางไกล จะผลาญน้ำมันเสียมากกว่าได้ปลา ทดสอบหมายใกล้บ้านจากฐานข้อมูลที่เก็บไว้ดีกว่า วางกติกา น้ำมันไป-กลับต้องไม่เกิน 1 ถังขนาด 20-25 ลิตร ระยะทางวิ่ง 20-30 ไมล์ แค่นี้ก็คลุมพื้นที่อ่าวบางปะกง หน้าชลบุรี อ่างศิลา เขาสามมุข ปากร่อง ถึงคลองด่านแล้ว เลือกเอาว่าจะไปเส้นทางไหน วนได้ไม่มากนัก ถ้าคิดจะประหยัด... ก็ต้องวัดใจตัวเอง
เสบียง และอุปกรณ์ต่าง ๆ ถูกถ่ายย้ายลงเรือเร็วในช่วงเช้า...หัวเรือแล่นออกทะเลอีกครั้ง...พื้นน้ำที่ราบเรียบ ผิดกับเมื่อเย็นวาน...นี่แหละ ! สวรรค์ของนักเล่นเรือ ต้องรีบไปก่อนที่จะสาย เพื่อค้นหาหมายที่คาดไว้ในลายแทง เส้นทางหาดบางแสน ระยะทางกำลังดี
มาถึงหมายกลางทาง ที่เคยโดนปลาไอ้คุดลากเข้าต่อไม้ไผ่ขาดหมด แต่ช่างนี้น้ำตาย จะไหลอีกทีก่อนค่ำ เฝ้าอยู่พักหนึ่ง ไม่มีอะไรมาฉวย ก็ย้ายไปอีกสองหมาย วนดูซากเก่าจากจอซาวเดอร์ ก็น่าสนใจ หมายบริวเณหน้าเมืองชล อ่างศิลาควรมาตอนช่วง 1-5 ค่ำ น้ำจึงจะไหลกำลังดี ขณะที่ข้างนอกน้ำจะแรง ด้วยเป็นลักษณะอ่าวปิด และน้ำไม่ลึกมากนักระดับ 2-6 เมตรเท่านั้น
ใกล้จะเที่ยงลมตะวันตกเฉียงใต้ก็พัดมาอีกครั้ง ขับเรือหลบลมมาหน้าอ่างศิลา เห็นเครื่องจักรขนาดใหญ่ เรือขนหิน ดูแล้วคงกำลังสร้างท่าเรือแห่งใหม่ แต่ใหญ่ ยาวออกมานอกชายฝั่งกว่าของเดิมมาก นี่น่าจะเป็นแหล่งตกปลาชายฝั่งแห่งใหม่ในอนาคต ระดับน้ำ 3-4 เมตร ดูแล้วพอได้ แต่ที่ดีคือบังลมฝ่ายใต้ได้สนิท
ภาพที่ 5
บ้านเรียวเซียว
ขับผ่านหน้าศาลเจ้าแม่สามมุข มาแหลมแท่น ลมก็เริ่มแรงขึ้น ที่นี่มีเสาเหล็กมากมาย สำหรับผูกทุ่นกั้นขยะของชายหาดบางแสนยาวเป็นกิโลเมตร ตลอดชายหาด นับว่าเป็นทำเลทองอีกแห่งหนึ่งสำหรับตกปลา จอดเรือ ด้วยว่าเรืออวนลากจะไม่เข้ามาบริเวณนี้ ฝูงปลาน่าจะหลบมาอาศัย ได้อย่างปลอดภัย อย่างน้อยปลาสาก สร้อยนกเขา กุเลา ไอ้คุดน่าจะหาตัวได้ ตามซากเสาต่าง ๆ เหล่านี้...ระดับน้ำ 8 เมตร...สีน้ำก็สวยใส
มองทำเลต่าง ๆ แล้ว น้ำไหลลงจะแทงมาทางหัวเขาสามมุข ผ่านหน้าแหลมแท่น บริเวณกลุ่มเสาเหล็กสี่ห้าต้นนี้ มีกองซากอยู่มากใต้น้ำ มีทุ่นเก่า ๆ หลายใบให้ผูกเรือด้วย จึงตัดสินใจเอาตรงนี้เป็นที่ทดสอบ หลังพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว...ว่าน่าจะดี...นอกนั้นเป็นหน้าที่ของธรรมชาติ...ที่จะให้อะไรให้กับเรา
ผ่านมาหลายชั่วโมงลมก็ทวีกำลังแรงขึ้นในช่วงบ่ายแก่ ๆ จะย้ายหมายหลบลมเข้าข้างเขาก็ทำได้ แต่ก็ห่วงเรื่องปลา และเวลากลางคืนที่จะตกหมึก มีปลาไอ้คุดเด็ก ๆ มาฉวยเบ็ดหนึ่งตัว เริ่มใจชื้นขึ้น...เดี๋ยวพี่มันคงมา แต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า สวนน้ำสวนลมอย่างนี้นอนดีกว่า นั่งมากชักจะเวียนหัว หัวเรือขยับขึ้น-ลงส่ายไปมา ยิ่งกว่าชิงช้าสวรรค์ แต่ก็เพลินดี คนบนหาดมากมาย จะมีใครสักกี่คน...จะมาทนลำบากได้อย่างนี้ เขา สั่งหอย ปู ปลา นอนกินอยู่บนเตียงผ้าใบ ดื่มเหล้า จิบไวน์ เขาก็บอกว่าสบายดี...ไม่เห็นจะต้องมาตกปลา ลงทุนก็แพงกว่า ...บาปกรรมก็มาก...กว่าจะได้กินของดี !
นั่งนึกนอนนึกจนค่ำมืด ดึก ปลาก็ไม่ฉวยสักที นี่ขนาดกุ้งเป็นที่อ๊อกมาให้ หรือว่าไม่ชอบจะเอาหมึกเป็น มันหายากแสนเข็ญ... เมื่อก่อนมันไม่ได้เป็นอย่างนี้ หลังเที่ยงคืนน้ำเริ่มขยับขึ้น ลมก็เบาลงตามน้ำตามลม ขยับเรือย้ายหมายมากองปะการังเทียม 2 ก็ใกล้ตีสามพอดี ซากกองหินขนาดใหญ่ทิ้งมาหลายปี แต่ก็แปลกใจไม่มีอะไรฉวยเบ็ดสักที
ภาพที่ 6
สุดเสียวกับปลาเรียวเซียว
รอจนสว่างก็ไม่ได้อะไร จึงถอนสมอออกสำรวจหมาย ตามซากโป๊ะ หลักหอยมาทางปากร่อง เห็นซากโป๊ะเก่าที่ถูกทิ้งไว้ ถัดออกไปถูกสร้างขึ้นใหม่ ทำเลสวยดี ผูกเชือกกับหลัก หย่อนเบ็ดตามหลัง ปลาก็ฉวยทันที สุดแสนดีใจเป็นของแปลกใหม่ที่ไม่เคยตกได้สักที ปลาเรียวเซียวแสนสวย... มาได้อย่างไร ? ข่าวจริงวงในไม่มีใครพบมาหลายปี คิดว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว เห็นแต่ในหนังสือสารคดี เจ้ามากี่ตัว จะส่งขึ้นสวรรค์ ไปอยู่วิมานฉิมพลี รออยู่ตั้งนานไม่มีผู้ติดตาม เลยย้ายหมายหนี
มาโป๊ะปากร่อง เห็นทำเลสวยระดับน้ำ 4 วา ก็ขอลองอีกที จอดได้ไม่นาน มีปลากุเลาขนาดกลาง มากล่าวสวัสดี มาแค่สองตัว น้ำก็หยุดไหล ลมก็เริ่มแรง ต้องรีบกลับบ้านก่อนถึงช่วงบ่าย คลื่นจะลูกใหญ่เกินความพอดี เดี๋ยวจะมาใหม่ ยังติดใจขอสำรวจอีกที มีโป๊ะแนวนอกออกไปน้ำลึก 5 วา
เซียนแถวคลองด่าน...เขาว่ามีปลาเข้าดี
จะใครที่ไหน...คุณหวอคลองด่าน...นักเล่นเรือเร็วตกปลาด้วย...ชวนไปฟังการเล่าขานจากไต๋ตึ๋งตัวจริง...ทำมาหากินออกตกเบ็ด...หาปลามาขายก็อยู่ได้สบาย...ช่วงนี้มีปลาสีขนขนาด 3-4 ตัวโล...ใกล้ถึงช่วงมันเข้า...ตกแค่ช่วงเช้า 60-70 โล... แล้วเอามาขายโลละ 25 บาท...พอมีกำไร ก็ของมันชอบให้ไปทำอย่างอื่น ๆ มันไม่สนุก ถึงจะหาตัวยากต้องออกเรือไปไกล บางครั้งก็ไม่ได้สมดังใจ ก็ทะเลไทยมันเปลี่ยนไปทุกปี ผมพูดเสริมว่า...ด้วยภาวะโลกร้อน แผ่นดินก็ทรุด ถ้าไม่รีบแก้ไข คลองด่านก็จะจมธรณี เท่าที่มองเห็นก็ทรุดไปกว่าเมตร...แล้วจะทำอย่างไรกันนี่ ?
พักอยู่หลายวัน เฝ้าแต่หมายใกล้บ้านด้วยเรืออีแปะ ก็ผมมันมีเพื่อนแยะ โทรมาแต่ละครั้งไม่หนีเรื่องตกปลา ให้หากุ้งเป็นว่าจะออกรอบตอนเย็น ผมนึกว่าจะชวนไปตีกอล์ฟทุกที คนมันไม่ชอบ เพราะใจมันไม่รักดี มันชอบทะเล และป่าเขา แต่ให้ไปนอนดู อยู่ในโรงแรมหรู ผมกลับอึดอัด ปฎิเสธทุกที ขอนอนลอยเรือไปตามลำน้ำ ปรับธาตุสูง-ต่ำ ให้สมดุลกัน...ชีวิตก็มีความสุขแบบชีววิถี
ภาพที่ 7
โป๊ะน้ำ 4 วา
กลางเดือนมีนา แรม 5 ค่ำเดือน 4 ความกดอากาศสูงจากจีนแผ่นดินใหญ่ ก็พัดมาสั่งลาพอดี เป็นครั้งสุดท้าย มีพายุฤดูร้อนในหลายพื้นที่ ต้องรีบลักไก่ก่อนที่จะสาย คลื่นลมเรียบ ตามความตั้งใจหมายน้ำ 5 วา...น่าจะมีปลา ตามที่ไต๋ตึ๋งว่า ขอไปลองอีกที
เตรียมเรือลงแต่เช้าในช่วงน้ำขึ้น กว่าจะเสร็จก็บ่าย ไม่ใช่ของง่าย ๆ ก่อนจะออกหมายต้องเช็คทุกอย่างให้ดี...ทอดแห่หากุ้งเป็นในช่วงน้ำลง โดยเอารำข้าวอ่อยหน้าท่าเรือ...ทอดแต่ละครั้งก็ได้ 10-20 ตัว มีกุ้งตายอยู่ส่วนหนึ่งแล้ว พอสี่โมงเย็นน้ำก็เริ่มขึ้น อากาศกำลังสบาย จึงได้เวลาออกเรือ
ทะเลแสนสวย วิ่งตามลมเหนือที่พัดมาแผ่ว ๆ ครึ่งชั่งโมงก็ถึงหมาย ที่ได้กุเลาไปคราวที่แล้ว จอดเรือข้างโป๊ะ แล้วก็หย่อนเบ็ด เสียงฝูงปลาแตกซู่ ตามแนวไม้หอย เห็นกุเลาขึ้นสอยไล่กัดลูกปลา ขนาดไม่เบา 4-5 กิโลกรัม ดูแล้วคงมีความหวัง...เห็นกันจะ ๆ ไม่ได้เดาเอานา รอแล้วรอเล่า มันก็ไม่ยอมมาฉวย พิงกายนอนเอียง คอยฟังเสียงปลานักล่า
นกนางนวล ที่เกาะยอดเสา ร้องกันไปมา ใยเจ้าไม่นอนเหมือนเราตอนนี้...มัวทำอะไรหว่า มีหมึกตัวเล็กกระโดดลงเรือ ผมเลยเอามาเกี่ยวเบ็ดตกปลา ไม่นานนักปลากระเบนขนาดเบอร์ห้า ก็ถูกอัดขึ้นมา ก่อนจะปล่อยลงน้ำ พร้อมกับย้ำว่า...ดูให้ดี ๆ ก่อนจะกินเหยื่อ...อย่านึกว่าปลอดภัยทุกครา...รอจนสว่างก็ไม่มีความคืบหน้า...กาแฟสักแก้ว...ตามด้วยมาม่า...ก็ได้กำลังวังชากลับคืนมา
ภาพที่ 8 ตัวเดียวก็หายเสียว
เริ่มมองหาหมายไปที่ไหนดีหว่า...มองเห็นรำไร...ปลายไม้ไผ่สีขาวตัดพื้นทะเลสีเขียว...ดูว่าเป็นแนวสุดท้าย ที่ระดับความลึก 5 วา คงจะดีกว่าในช่วงน้ำลง ขยับเรือย้ายหมายวิ่งไปแค่ห้านาที น้ำใสสวยมาก เป็นทำเลที่ดี ตามศาสตร์ฮวงจุ้ย ซากเก่าล้อมรอบ เหมือนภูเขาใหญ่ น้ำไหลด้านหน้า ซากที่ผุพังนอนรับใต้ล่าง เป็นบ้านอยู่อาศัย สถานที่ปลอดภัย น่าจะมีปลา เกี่ยวกุ้งส่งเบ็ดมาเหนือยอดกอง เตรียมไว้รออีกคัน รอกก็ร้องเสียงหลง คันโค้งวูบลง ก่อนปลาจะลากเข้าพงซากไม้ รีบอัดขึ้นมา โอ้ ! แม่ เมียจ๋า ไอ้คุดนี่หว่า ปลาที่ตามหาดูด้วยสายตา เกือบ 2 กิโล...รออีกไม่นานปลาสร้อยนกเขาก็ตามมา...จวนจะเที่ยงวัน ลมเริ่มแปรปรวน...กุเลาใจกล้าก็ขึ้นมาอีกตัว...
ผมไม่ได้เล่ามั่ว...แต่กว่าจะได้มา...ต้องใช้ความกล้า...และความอดทน... สุดท้ายก็หายเสียว...เมื่อได้ปลาเรียวเซียวและไอ้คุดมา...ฮา...ฮา
.................................. จบ ........................................................
ภาพที่ 9 ปลาสร้อยนกเขาก็มี...กุเลาก็ตามมา