ภาพที่ 1ความรักก็เปรียบเสมือนการเฝ้ารอรถเมล์
เมื่อรถเมล์มาถึงคุณมองมันและพูดกับตัวเองว่า..
"อี๋..รถแน่นเอี้ยด ไม่มีที่นั่งเลย" แล้วก็คุณก็บอกว่า
"ฉันจะรอรถคันต่อไป" คุณปล่อยให้รถคันนั้นผ่านไป
และรอรถคันที่สอง เมื่อรถคันที่สองมาถึง
คุณมองมันและพูดว่า
"อี๋...รถเก่ามาก ข้างในคงไม่สะดวกสบาย" แล้วคุณ
ก็ปล่อยให้มันผ่านไป และรอรถคันใหม่
สักพักหนึ่ง ก็มีรถคันต่อไปเข้ามา เป็นรถที่ไม่แน่น
และไม่เก่า แต่คุณก็ยังพูดว่า
"อี๋...ไม่ใช่รถแอร์ อากาศตอนนี้ก็ร้อนด้วย
รอคันต่อไปดีกว่า" แล้วคุณก็ปล่อยให้มันผ่านไปอีกครั้ง
เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืด คุณเริ่มตื่นตระหนกและกระโดดขึ้น
รถเมล์คันหนึ่งแต่ไม่นานคุณก็รู้ตัวว่าขึ้นรถผิดคัน
คุณเสียเวลาและเสียเงินเพื่อรอในสิ่งที่คุณต้องการ
ถึงแม้ว่ารถปรับอากาศจะมาถึง แต่คุณจะรู้ได้อย่างไรว่า
รถคันนั้นจะไม่เสียกลางทางหรือแอร์จะเย็นเกินไปหรือเปล่า
คนที่เฝ้ารอในสิ่งที่ตัวเองต้องการนั้นไม่ผิด
และมันไม่เลวร้ายเกินไปหรอกที่จะให้โอกาสคนอื่น
ถ้าคุณรู้ว่ารถเมล์คันนั้นไม่เหมาะกับคุณ
ก็เพียงแค่กดกริ่งสีแดงแล้วก็ลงจากรถไป
คุณเองก็เคยเจอประสบการณ์แบบนี้มาก่อน
เวลาคุณเห็นรถเมล์คันหนึ่งกำลังวิ่งมา
(และเป็นรถที่คุณต้องการด้วย) คุณโบกให้มันหยุด
แต่คนขับกลับแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นคุณและก็ผ่านคุณไป
เมื่อรถผ่านไปคุณก็ต้องเดิน
ความรักก็เปรียบเสมือนรถเมล์ ที่คุณต้องการ
คุณจะเลือกขึ้นรถเมล์คันไหน ให้โอกาสรถเมล์คันไหน
มันก็ขึ้นอยู่กับคุณเอง และการที่คุณต้องเดิน
ก็ถือว่าคุณพลาดในความรัก...
"เรามักไม่สูญเสียความรักเพราะความรัก
.......แต่........
เรามักจะสูญเสียก็เพราะความลังเล..."