ภาพที่ 1 .......จริงๆแล้วทริพนี้เราจองเรือตั้งแต่ปีกลาย แต่บังเอิญวันลงเรือไปตรงกับวันสิ้นโลกพอดี
ถ้าโลกจะแตก ไม่ว่าเราจะหนีไปส่วนไหนของโลกก็คงไม่รอดครับ...ฟันธง
ภาพที่ 2 ขณะที่เรือแล่นออกจากคลองน้ำเชี่ยว พวกเราจับกลุ่มทักทายสารทุกข์สุขดิบของกันและกัน
ตอนหนึ่งคุณหนุ่ยเปรยกับตัวเองว่า
"ได้ลงเรือแล้ว"
ผมเข้าใจความหมายที่เขาพูด ทำให้ผมนึกถึงคำสอนของท่านพุทธทาสที่เขียนไว้หลังป้ายประตูขาออกของโรงเรียนแห่งหนึ่งว่า
ภาพที่ 3 มนุษย์หากได้ทุกอย่างตามที่คิด
ชั่วชีวิตจะเอาของกองที่ไหน
ได้บ้างเสียบ้างจะเป็นไร
ความสุขอยู่ที่ใจก็เพียงพอ
ไม่ทราบว่าคุณหนุ่ยหมายถึงประโยคสุดท้ายหรือเปล่าครับ?
เราต้องลงเรือในช่วงเย็น เพราะมีแขกจะขึ้นจากเรือในช่วงบ่าย
ภาพที่ 4 เสือนกแจ้งให้เรารู้ตั้งแต่เมื่อวาน เพื่อให้เรามาลงเรือแบบสบายๆไม่เร่งรีบเกินไป
แขกเลื่อนกลับก่อนหนึ่งวัน เนื่องจากไม่มีเหยื่อ
เป็นคำชี้แจงของสิงห์ดอยเมื่อเราลงเรือ
...อ้าว!!!...แล้วเราจะได้เหยื่อไหมหนอ?....
ภาพที่ 5 6 ทุ่มไต๋ยอหมึกได้ 1 ตัว ตี1 กับตี 5 ยอได้อีกร่วม 50 ตัว
ภาพที่ 6 แจ้งสิงห์ดอยแวะหาเรือไดน์ลำที่สองได้กระสุนมาเพียงหนึ่งถาด เออ...พอไหว
ภาพที่ 7 อีก 7 ชั่วโมงถึงหมาย ท้ายเรือเสือสิทธิ์ปล่อยเบร์ดทางกราบซ้าย ส่วนเบร์ดของเสือเปิ้ลอยู่อีกด้าน
เขาปล่อยเอ็นไปท้ายเรือยังไม่ทันได้ระยะ ก็มีปลาติดเบ็ดเรียกความฉงนสนเท่ห์ให้กับเหล่านักรบ
ทายไปต่างๆนาๆก่อนตัวปลาจะโผล่พ้นน้ำ เต็กเล้งจ้า...
ภาพที่ 8 สิงห์ดอยแวะซั้งโสกสีกุนได้มาไม่กี่ตัว จึงเตลิดไปจอดหมายข้างทางหลังเที่ยง
สำรับกับข้าวเสริฟเต็มโต๊ะแต่โทษทีไม่มีใครสน ขอตกปลาก่อน กลางน้ำ หน้าดิน ตาแดง นางโฉม
นางช่อน นางเก๋าแข่งกันขึ้นเรือเป็นว่าเล่น คนไม่ลงเบ็ดเท่านั้นที่ไม่ได้ปลาว่างั้นเถอะ
แต่ก็เป็นเพียงเวลาช่วงสั้นๆแล้วก็เงียบ ทีนี้ปลาไม่กินคนก็รับประทานแทนซิครับ
ภาพที่ 9 ราวสองทุ่มเราก็ถึงหมายกล่อง เป็นกล่องห่อด้วยผ้าเต้นมัดด้วยเชือกลอยเท้งเต้งอยู่กลางทะเล
พอเสียงเครื่องเรือเงียบลง เสียงเครื่องปั่นไฟดังขึ้นพร้อมความสว่างรอบเรือ เบ็ดหลายคันโดนเจ้าถิ่นถล่มทันทีที่ตะกั่วถึงพื้น
ข้างปาน โฉม เก๋า ช่อน ยังมีให้เล่น แล้วกล่องโฟมก็ค่อยๆลอยห่างจากเรือ...เออไม่ใช่...
เรือลอยออกจากกล่อง ปลาที่ตกได้ตัวเล็กลง และห่างตัว ประเมินจากเฉลยในเข่งที่หัวเรือ
ภาพที่ 10 สิงห์ดอยรุกมาขยับเรือใหม่...แต่ก็ยังเงียบ.....เงียบ ท้ายเรือไม่ต้องพูดถึงเงียบสนิท ตีหนึ่งกว่าสมอไต่ขึ้นเรือ
และมุดน้ำอีกทีตอนตีสองกว่า เสือจิ๊กยังสอยตาแดงได้เป็นระยะๆ อั้งเกยนางช่อนขึ้นท่าที่หัวเรือ
นางนกต่อที่ผมส่งลงน้ำตั้งแต่ตอนทิ้งสมอจวบจนใกล้สางแล้ว หล่อนยังอยู่สุขสบายดี
จะเอาขึ้นก็เสียดาย เหยื่อเป็นหายาก จึงปล่อยลงน้ำไปทำหน้าที่ต่อ
ภาพที่ 11 แจ้งแล้วนอนดีกว่า พอยกคันขึ้นปลายสายมีกระตุกด้วย เป็นปลาจาน
ภาพที่ 12 ดวงดาวหายไปจากท้องฟ้าแล้ว สิงห์ดอยดับเครื่องปั่นไฟแล้วสตาร์ทเครื่องเรือเข้าหมายใหม่
ผมอาบน้ำจะนอนหัวถึงหมอนไต๋ก็ทิ้งสมอ
หมายนี้มีเก๋าใหญ่
ภาพที่ 13 สิงห์ดอยกระซิบผ่านลูกกรงตรงหัวนอน
.อ้าว...แล้วจานอนได้ไง รุกไปลงเบ็ดต่อ แต่ช้าไปแล้วต๋อย
เสือเอ็ดดี้ล่อนางช่อนตุ้ยนุ้ยเทพธิดาช้างเสียแล้ว เสือเอ็ดดี้ประคองคันเดินรอบนาวาก่อนนางช่อนจะยอมสิโลราบ
หมายนี้นางเก๋า สำลีไซร์น่าเกียจน่าชังทั้งนั้น
ภาพที่ 14 ทานข้าวเช้าแล้วเรือเคลื่อนลำไปอีกหลายหมายใกล้ๆกัน เป็นไอ้เปาเสียส่วนใหญ่
ราว10 โมงไต๋ขยับเรือไกลเลยของีบดีกว่า
ภาพที่ 15 เที่ยงสิงห์ดอยจอดเรือชิดหมายกล่อง น่าจะเป็นกล่องเดียวกันกับเมื่อคืน
ทีนี้ก็เป็นคิวของปาปาย่าป๊อกๆครับ ไลกอไต่ขึ้นเรือเป็นแถว
สำหรับกระมงแล้วไม่ว่ากลางวันกลางคืนยังเป็นไฮไลท์สำหรับมือจิ๊ก
ภาพที่ 16 พระอาทิตย์จวนตกน้ำต๋อมแต๋ม เสือสิทธิ์ล้วงเอานางเก๋าเชฟระเบิดขึ้นเรือเรียกความอิจฉาได้จากสายตาหลายคู่
ภาพที่ 17 หมึกเป็นหมดไปนานแล้ว ปลาสีกุนในห้องขังเหยื่อมีแต่รุ่นปู่ย่าตายาย
หลังอาหารค่ำเสือนกสั่งถอนสมอ หมึก เป็นไม่มีอยู่ไปก็ไลฟ์บอยยกทัพกลับฝั่งดีกว่า
โอกาสหน้าค่อยกลับมาหาหล่อนใหม่ บ๊ายบายๆๆๆ
ภาพที่ 18 ..........ขอบคุณทุกท่านที่แวะชมและทักทายครับ
สวัสดีครับ