อารัมภบท
หลังจากที่ห่างเหินไปนาน และแล้ววันเวลาและความทรงจำเก่าๆ ก็เหมือนได้หวนคืนมาอีกครั้ง ผมได้ชักชวนเพื่อนบ้าน 2 ท่านแบบกระทันหัน ซึ่งเป็นผู้มีความนิยมชมชอบในการตกปลาเหมือนๆ กัน และที่ผ่านมาได้ร่วมกิจกรรมตกปลา ณ หลังบ้าน กันอยู่หลายครา เพราะหากนัดหมายกันล่วงหน้าก็มีอันต้องคลาดเคลื่อนไม่ได้ไปกันสักทีจึงต้องชักชวนและไปกันเลย โดยผมและเพื่อนบ้าน 2 ท่าน คือ แจ๊ค หลังเขา กับพี่เป๊ะ สวนตะไคร้ กลับไปเยือนเมืองราชบุรี เมืองโอ่ง บ้านเพื่อน บ้านปลาบึก บ่อหมอเชาวน์ อีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2551 หลังจากที่ผมไม่ได้ไปมาประมาณ 2-3 ปีแล้ว และการกลับไปในครั้งนี้ไม่ได้สร้างความรู้สึกผิดหวังแต่ประการใด ตรงกันข้ามกลับประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย ตามผมมานะครับ จะเล่าให้ฟัง(อ่าน) ณ บัดนี้
เนื้อหา
ผมได้นัดหมายเพื่อนบ้านทั้ง 2 โดยใช้เวลาในการตัดสินใจและวางแผนเพียงเสี้ยววินาที ที่จะชวนกันไปตกปลาที่บ่อหมอเชาวน์ เพราะที่ผ่านมาพอวางแผนกันล่วงหน้ามักต้องมีเหตุทำให้คลาดเคลื่อนไม่ได้ไปจนได้ คราวนี้จึงต้องนัดหมายกันแบบนี้ ก่อนออกเดินทางจึงได้ตระเตรียมอุปกรณ์ รอกเบทบางตัวของผมห่างสนามไปนาน ลูกปืนในรอกบางตัวเกิดอาการล๊อค ฝืด หมุนยาก จึงต้องหยอดน้ำมันกันใหม่ รวมทั้งตระเตรียมอุปกรณ์ทั้งหลายได้แก่ คันเบ็ด รอก อุปกรณ์ ส่วนเพื่อนบ้านทั้ง 2 เป็นผู้ที่เคยตกปลาตามหมายธรรมชาติ แต่สำหรับปลาบึก เจ้าแห่งปลาบ่อ คงยังไม่เคยประมือด้วย วันนี้คงได้รู้ว่าหมู่หรือจ่า สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ เราเดินทางโดยรถยนต์ของผมเอง ซึ่งก็เป็นครั้งแรกเหมือนกัน เพราะก่อนหน้านี้ เวลาไปบ่อหมอเชาวน์ก็เดินทางโดยรถเครื่อง เราออกเดินทางจากนครปฐม ประมาณ 11.12 น. โดยใช้เส้นทางลัด ดอนเสาเกียด-บางแขม-บางแพ-แยกหัวโพ-บ้านไร่ชาวเหนือ ถึงบ่อหมอเชาวน์ประมาณ 12.00 น. พอไปถึงก็พบกับบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนไป ลงทะเบียนจ่ายค่าเบ็ดเสร็จ จึงพากันหิ้วสัมภาระเดินเข้าบ่อ มุ่งหน้าไปยังซุ้มฝั่งเดียวกับเคานเตอร์ เพราะที่ผ่านมาเคยตกแต่ฝั่งนี้มาตลอดไม่เคยไปตกอีกฝั่ง วันนี้มีเพื่อนนักตกปลามากันบ้างหลายคน แต่ยังไม่ถึงกับแน่นบ่อ จากนั้นวางสัมภาระ พากันประกอบอุปกรณ์ ผสมเหยื่อ แจ๊ค หลังเขาใช้คัน Berkley แบล๊งค์ดำด้าน 8ฟุต รอก banax si1300 สายเอ็น trilene 12 ปอนด์ ของผม ส่วนพี่เป๊ะ สวนตะไคร้ ใช้คัน 8 ฟุต รอก golden สายเอ็น 20 ปอนด์ ของเขาเอง สำหรับผม ใช้คัน penn power stick plus 7 ฟุต รอก banax ow730 สายเอ็น daiwa 30 ปอนด์ ชุดปลายสายใช้ตะกร้อวิ่ง ส่วนพี่เป๊ะ สวนตะไคร้ ใช้ตะกร้อธรรมดาตกหน้าดิน และในวันนี้มีการแข่งขันเล็กๆ เกิดขึ้นระหว่างเรา ให้ปลาหลุดได้ 0.5 คะแนน ปลาขาดได้ 0.7 คะแนน และหากได้ปลา 1 ตัวได้ 1 คะแนน หลังจากที่ส่งเหยื่อลงน้ำไปไม่กี่ครั้ง แจ๊ค หลังเขา ประเดิมปลาบึกตัวแรกของวันด้วยปลาบึก ขนาด 7-8 กิโลกรัม นำไปด้วยคะแนน 1 ต่อ 0 ต่อ 0 ผมจึงเก็บภาพไว้เป็นหลักฐาน ดูมาดของเขาในการอัดปลา แล้วรู้เลยว่าเคยมีประสบการณ์กับปลาใหญ่มาก่อน มีมาดและพื้นฐานดีตามภาพครับ
ภาพที่ 2ภาพที่ 1 กำนัณแจ๊ค หลังเขา กำลังอัดปลาบึก
หลังจากนั้นไม่นาน ปลาบึกตัวที่สองของวันเข้าคว้าเหยื่อบนอุปกรณ์ของแจ๊ค หลังเขา อีกครั้ง แจ๊ค หลังเขา ตรงเข้าประจำตำแหน่ง กะว่าคะแนนที่สองต้องเป็นของข้าฯ และปลาตัวนี้ต้องใหญ่กว่าตัวที่แล้วแน่นอน หลังจากอัดปลาไปอัดปลามา ปรากฏว่าสายเอ็นมาขาดเอาที่บริเวณริมตลิ่ง แจ๊คหลังเขาจึงรับคะแนนไป 0.7 คะแนน รวมคะแนน 1.7 ต่อ 0 ต่อ 0 พอมาสำรวจสายเอ็นในรอกปรากฏว่าสายเอ็นเป็นรอยถลอกอยู่หลายแห่ง และสายเอ็นนี้มีสภาพค่อนข้างเก่าแล้ว แจ๊ค หลังเขา จึงเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ โดยใช้รอก daiwa sweepfire 4000 สายเอ็น 20 ปอนด์ ของเขาเองมาประกอบแทน หลังจากส่งเหยื่อลงน้ำไม่นานนัก ปลาบึกตัวที่สามของวันเข้าคว้าเหยื่อบนอุปกรณ์ของแจ๊คอีกประมาณว่าวันนี้ทำบาปขึ้น แจ๊ค หลังเขาอัดปลาไปได้แต่รำพึงรำพันไปว่าจะรอดไหมนี่ เนื่องจากว่ารู้สึกหลวมๆ คลอนๆ ที่บริเวณขารอกซึ่งเป็นวัสดุ ABS ไม่แข็งแรงแน่นหนาแบบวัสดุโลหะของ si1300 ใช้เวลาไม่นานนักอีกหนึ่งคะแนนก็ตกเป็นของเขา และนำไปด้วยคะแนน 2.7 ต่อ 0 ต่อ 0
กลับมาที่อุปกรณ์ของผมบ้าง หลังจากที่ไม่ได้ตีรอกเบทมานานกว่า 2 ปี แต่ก็ยังพอเอาตัวรอดได้ สายเอ็นไม่ฟู่ ส่วนระยะทางทำได้ไม่ดีพอควร กว่าจะปรับตัวและอุปกรณ์ให้เข้าที่เข้าทางได้ก็ใช้เวลานานเหมือนกัน ปลาบึกตัวแรกของผมก็เข้าคว้าเหยื่อบ้าง อัดปลาไปสักพัก ผมเลยส่งคันให้พี่เป๊ะ สวนตะไคร้ได้อัดปลาบ้าง ปรากฎว่าปลาตัวนี้ดันเป็นปลาเชลยซะนี่ ขึ้นมาเกยตลิ่งแถมมีชุดปลายสายตามติดขึ้นมาด้วยเป็นพวง คะแนนตอนนี้จึงเป็น 2.7 ต่อ 0.5 ต่อ 0
ย้อนกลับไปที่อุปกรณ์ของแจ๊ค หลังเขา หลังจากที่ใช้รอก sweepfire แต่เกรงว่าจะไปไม่รอด จึงได้เปลี่ยนมาใช้รอก shimano 500s ซึ่งเป็นรอกมือสองที่ผมได้นำกลับมาจากแดนปลาดิบด้วย จึงได้ถ่ายสายเอ็นจากรอก sweepfire มาใส่รอกตัวนี้แทน พังเป็นพังผมบอกกับแจ๊ค หลังเขา เพราะตั้งแต่ได้รอกตัวนี้มา ยังไม่เคยทดสอบและลงสนามที่ไหน เคยถามในเว็บนี้ก็ไม่มีใครรู้จัก รูปทรงรอกตัวนี้มีหุ่นคล้าย daiwa BG banax SX แต่วัสดุของรอกตัวนี้เป็นกราไฟท์ ซึ่งผมได้ซื้อมาทดแทน SX5000 ของผมที่หล่นจมอยู่ที่ปลายแหลมพรหมเทพเมื่อหลายปีก่อน หลังจากที่ส่งเหยื่อลงน้ำไม่นาน และทั้งๆ ที่ระยะทางก็ใกล้กว่าเดิมไปมาก ปลาบึกตัวดีของวันนี้เข้าคว้าเหยื่อ และพาสายวิ่งออกไปแบบไม่หยุดยั้ง แจ๊ค หลังเขา มอบให้พี่เป๊ะ สวนตะไคร้ เข้าประจำตำแหน่งแทน พี่เป๊ะ สวนตะไคร้ได้แต่ตั้งคันรั้งสายไว้อย่างเดียว สายเอ็นในรอกยุบตัวลงอย่างน่าใจหาย สายเอ็นจะหมดรอกไหมนี่ พี่เป๊ะ สวนตะไคร้ เปรย มันไม่เข้า ผมบอกเพื่อนบ้านตัวนี้ 3 รุม 1 สำหรับอุปกรณ์ที่ต่อกรกับเจ้าตัวนี้ มองดูคันเบ็ดค่อนข้างอ่อนเกินไปเมื่อเจอกับปลาบึกขนาดนี้ ทำให้อัดปลาไม่ค่อยเข้า แต่ว่าความเหนียวแน่นของคันใช้ได้เลยครับ ส่วนรอก 500s ถึงแม้จะเป็นวัสดุกราไฟท์แต่ว่ามีความแข็งแรงในระดับดี แต่พลังเบรกของรอกยังไม่มากพอหากเทียบกับรอกเบทในขนาดที่พอๆ กัน ต่อมาแจ๊ค หลังเขา เป็นไม้ที่สองที่รับมือกับปลาบึกตัวดังกล่าว สู้กันอยู่สักพักก็ส่งไม้ผลัดต่อมายังผม เมื่อรับคันมาแล้วแรงดึงมหาศาลทีเดียวครับ พอๆ กับหรืออาจจะมากกว่าปลาบึก 34 กิโลกรัม ที่เคยได้บริเวณนี้เมื่อหลายปีก่อน หลังจากเป็นปลาซ้ายอยู่พักหนึ่ง ก็กลายเป็นปลาขวาพาสายไปทางหัวบ่อ ผมเช็คสายพร้อมกับกล่าวคำปลาซ้ายและขอโทษเพื่อนนักตกปลาท่านอื่น เนื่องจากปลาพาสายไปพาดกับสายเอ็นของเพื่อนนักตกปลาเข้า หลายคนเข้าใจและไม่ว่ากันพร้อมหลบสายให้ แต่มีบางท่านไม่ค่อยพอใจเราเท่าที่ควร ตอนนี้ปลามาอยู่ที่หัวบ่อแล้ว ดึงกันไปกันมาอยู่สักพัก ทั้งๆ ที่ 3 รุม 1 ก็แล้วปลายังไม่ยอมเข้าฝั่งง่ายๆ เนื่องจากเป็นอุปกรณ์สปินและคันแรงงัดน้อยไปนิด หากเป็นอุปกรณ์เบทคงทำได้ดีกว่านี้ สุดท้ายใช้เวลาประมาณ 25-30 นาที ปลาบึกตัวดีของวันนี้จึงยอมจำนนเข้าเกยตื้นสู่ริมตลิ่ง ชั่งน้ำหนักด้วยสายตาแล้วน่าจะประมาณ 40 กิโลกรัม จึงได้ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน ปลดเบ็ด ปล่อยปลาไปครับ
ภาพที่ 4ภาพที่ 2 หนุมานถวายแหวน เอ๊ยไม่ใช่ ปลาบึกตัวดีของวันกำลังอัดเราครับ
ภาพที่ 5ภาพที่ 3 ปลดปล่อยปลาบึกตัวดีของวันนี้ครับ
เราตกปลากันสักพัก ได้ปลาเพิ่มบ้าง หลุดบ้าง ลากสายแต่ไม่ติดเบ็ดบ้าง แต่อุปกรณ์ของพี่เป๊ะ สวนตะไคร้ ยังไม่ทำงาน ผมและแจ๊ค หลังเขา เราคาดเดาว่าอาจมีสาเหตุมาจากชุดหน้าสายก็เป็นได้ เนื่องจากปลากินแต่อุปกรณ์ของผมกับแจ๊ค หลังเขา จึงได้เปลี่ยนชุดหน้าสายของอุปกรณ์พี่เป๊ะ สวนตะไคร้ เป็นตะกร้อวิ่งรูปแบบเดียวกัน และเปลี่ยนคันเบ็ดเป็นคันเบท Berkley แบล๊งค์ดำด้าน 8 ฟุต ของผมแทน แต่ใช้รอกสปินนิ่งของพี่เป๊ะ สวนตะไคร้ เหมือนเดิม หลังจากส่งเหยื่อลงน้ำไม่กี่ครั้งและไม่นานนัก ปลาบึกตัวแรกของพี่เป๊ะ สวนตะไคร้ เข้าคว้าเหยื่อในที่สุด ซึ่งเราก็พากันแปลกใจว่าเป็นไปได้ว่าวันนี้ตะกร้อแบบธรรมดาสู้ตะกร้อวิ่งไม่ได้ พี่เป๊ะ สวนตะไคร้ เข้าประจำตำแหน่ง ปรากฎว่ารอกต้องปรับปรุงครับ เนื่องจากเบรกไม่ค่อยอยู่ ต้องใช้นิ้วราสปูลช่วย ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ปลาบึกตัวแรกของพี่เป๊ะเข้าสู่ฝั่ง ปลดเบ็ด ปล่อยปลา ส่งเหยื่อลงน้ำ นั่งรอต่อไป
ภาพที่ 7ภาพที่ 4 พี่เป๊ะ สวนตะไคร้ อัดปลาบึกตัวแรกของวัน
วันนี้ บรรยากาศช่วงแรกที่ผมและเพื่อนบ้านมาถึง ท้องฟ้าปิด บรรยากาศดี ไม่ร้อนมากนัก น้ำในบ่อเป็นสีเขียวขุ่น แต่พอช่วงบ่าย ท้องฟ้าเปิด อากาศค่อนข้างร้อน ส่วนเพื่อนนักตกปลาช่วงแรกที่ผมและเพื่อนบ้านมาถึง มีอยู่มากนัก พอช่วงบ่ายมีเพื่อนนักตกปลามากันมากขึ้น แต่มีเหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้น คือ ระหว่างที่ผมและเพื่อนบ้านอัดปลาบึกตัวดีของวันนี้ ปรากฏว่ามีเพื่อนนักตกปลา 1 ท่าน ที่อยู่ซุ้มฝั่งตรงกันข้าม เดินมาที่ซุ้มของเราซึ่งไม่มีใครอยู่ที่นั่น สักพักจึงเดินกลับไป โดยที่เราไม่ทราบว่าเขามีเจตนาอย่างไรจึงมาที่ซุ้มของเราทั้งๆ ที่ไม่มีคนอยู่ จึงอยากจะฝากเพื่อนนักตกปลาให้ระมัดระวังกันไว้นะครับ เพราะเหตุการณ์แบบนี้อาจสร้างความบาดหมางแก่กันและกันได้นะครับ
หลังจากที่เฝ้ากันอยู่สักพัก ได้ปลาบึกเพิ่ม 1-2 ตัว รวมปลาบึกที่ได้ จำนวน 8 ตัว สมควรแก่เวลาเราจึงเก็บอุปกรณ์และเดินทางกลับบ้าน ถึงนครปฐมประมาณ 18.30 น.
สรุป
นับว่าเป็นการหวนกลับที่ประทับใจมากครับ เล่นเอาผมและเพื่อนบ้านสะบักสะบอมกันไปตามๆ กัน เพื่อนบ้านบางคนบอกว่ามาคราวหน้าขอมานั่งดูและจะช่วยอัดปลาให้ แล้วก็ว่าอุปกรณ์ที่เขามีอยู่ไม่เหมาะที่จะต่อกรกับปลาบึกจึงคิดจะไปหาอุปกรณ์ใหม่มาใช้แทน แต่ก็สร้างความประทับใจให้กับเพื่อนบ้านที่ไม่เคยตกปลาบึกมาก่อน สุดท้ายนี้ หากได้มีโอกาสกลับมาที่นี่อีก จะได้นำสิ่งต่างๆ ที่ได้ประสบ มาเล่าสู่กันฟังในครั้งต่อไป ขอให้มีความสุขกับการตกปลานะครับ
ปลาเข็ม
15 ธ.ค. 51