สยามฟิชชิ่ง
หน้าแรก|กระดาน|รีวิว|ประมูล|ตลาด|เปิดท้าย
login | สมัครสมาชิก | วิธีสมัครสมาชิก | ลืมชื่อ/รหัส | login ไม่ได้? | 26 พ.ย. 67
ฝนจางที่บางปะกง : Fishing Article
 ห้องบทความ/เทคนิค > บทความอื่นๆ
ความเห็น: 18 - [11 ก.ย. 53, 14:36] ดู: 11,261 - [25 พ.ย. 67, 22:13] ติดตาม: 1 โหวต: 5
ฝนจางที่บางปะกง
ป.ประจิณ (232 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้) offline
9 พ.ย. 52, 23:44
1
ฝนจางที่บางปะกง
ภาพที่ 1
    Prajin9@gmail.com  / 08-9097-8857
    http://samaeview.blogspot.com/   
                                             
                                                  ฝนจางที่บางปะกง

    แม่น้ำบางปะกง เป็นแม่น้ำสำคัญสายหนึ่งที่ไหลลงสู่อ่าวไทยตอนบน ทางด้านจังหวัดฉะเชิงเทรา มีต้นกำเนิดมาจากแม่น้ำนครนายกและแม่น้ำปราจีนบุรี ไหลมาบรรจบกันบริเวณ ตำบลบางแตน อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี มีความยาวของแม่น้ำสายหลักประมาณ 122 กิโลเมตรครอบคลุมพื้นที่ในเขตจังหวัดฉะเชิงเทรา 10 อำเภอ ชลบุรี 6 อำเภอ นครนายก 4 อำเภอ ปราจีนบุรี 1 อำเภอ สระบุรี 1 อำเภอ ลำน้ำสาขาที่สำคัญ คือ แม่น้ำนครนายก คลองท่าลาด คลองหลวง และแม่น้ำบางปะกง
      อ่างเก็บน้ำสำคัญในลุ่มน้ำนี้ คือ เขื่อนคลองสียัด เขื่อนคลองระบม เขื่อนคลองหลวง และอ่างห้วยปรือ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบต่ำ 7,978 ตารางกิโลเมตร คลุมสามจังหวัดของลุ่มน้ำบางปะกงแห่งนี้ ปริมาณการไหลของแม่น้ำบางปะกงในแต่ละปีเฉลี่ย 3,700 ล้าน ลบ.ม. เมื่อเริ่มเข้าฤดูฝนในช่วงหลังเดือนเมษายน ปริมาณน้ำในแม่น้ำบางปะกงจะเริ่มสูงขึ้น ไปจนถึงเดือนสิงหาคม- กันยายน หลังจากนั้นปริมาณน้ำจะน้อยลงเมื่อเข้าฤดูหนาว น้ำจะน้อยที่สุดในเดือนธันวาคม เมื่อเข้าเดือนเมษายนในปีถัดไปปริมาณการไหลของน้ำจะเพิ่มขึ้นอีกเป็นวัฏจักรแห่งลุ่มน้ำนี้
    นี่เป็นข้อมูลให้เห็นภาพรวมของพื้นที่ ๆ ผมใช้ชีวิตมาตั้งแต่เกิด จนบัดนี้ผมก็ยังมีความสุขพร้อม กับการทำกิจกรรมหลายอย่าง ภาพที่นำมาให้ชมเป็นภาพของช่วงเวลาที่ผ่านมา เมื่อปีที่แล้ว และปีนี้ มีทั้งรูปตกปลา ปลูกป่า ขี่จักรยานร่วมกับชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพฉะเชิงเทรา ที่ผมเป็นสมาชิกอยู่ด้วย ธงนำของกีฬานี้เพื่อสุขภาพ ทำให้เกิดความสัมพันธ์ ร่วมแรง ร่วมใจกันในหลายรูปแบบ ที่เกี่ยวกับธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม สังคม ได้เห็นมุมมองอีกด้านหนึ่งซึ่งแต่งต่างจากวงการตกปลาของเรา แบบว่าตัวใครตัวมันมากกว่า ไม่มีธงที่ปักไว้ร่วมกัน ทิศทางเลยไม่แน่นอน...ว่าจะเดินไปทางไหน มีประโยชน์อะไรที่เด่นชัดให้กับส่วนรวมบ้าง... หรือจะแปรปรวนเหมือนลมฟ้าพยากรณ์



   

 
 
 
   
   
   

ฝนจางที่บางปะกง
ภาพที่ 2
    คาดหมาย...บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนเป็นช่วง ๆ ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือหรือลมหนาวจะพัดปกคลุมประเทศไทยตลอดเดือน และจะมีกำลังแรงเป็นช่วง ๆ โดยระยะแรกที่ลมหนาวพัดปกคลุม จะทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในบางพื้นที่ ต่อจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีอากาศหนาวเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า บริเวณยอดดอยและยอดภูจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดกับมีหมอกหนาในบางพื้นที่ สำหรับภาคกลางและภาคตะวันออกจะมีอากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อนึ่ง ร่องความกดอากาศต่ำจะเลื่อนลงไปพาดผ่านภาคใต้ตอนล่าง และมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ตลอดเดือน ทำให้ภาคใต้โดยเฉพาะฝั่งตะวันออกจะมีฝนตกชุก...
ฝนจางที่บางปะกง
ภาพที่ 3
      นี่เป็นการพยากรณ์อากาศรายเดือน ของกรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งจะเปลี่ยนไปตลอดทั้งระยะสั้น ระยะยาว แต่ก็อยู่ในสาม 3 ฤดูหลักของประเทศไทย คือฤดูร้อน ฤดูฝน และฤดูหนาว นอกนั้นจะเป็นเหตุผลของธรรมชาติว่าจะเกิดอะไรขึ้น มากน้อย รุนแรงขนาดไหนที่จะปรากฏออกมาในรูปของร้อนจัด ขาดแคลนน้ำ ดินแยกแตกระแหงเพาะปลูกไม่ได้ ไฟไหม้ป่า... ฝนตกหนักจากร่องความกดอากาต่ำ สูง ดีเปรสชัน พายุโซนร้อน ไต้ฝุ่น ผลทำให้น้ำไหลบ่าท่วมบ้านเรือน คนหาย บ้างตาย บ้างไร้ที่อยู่ หรือหนาวจนถึงจุดเยือกแข็ง ผู้ไม่แข็งแรงจะตาย ผ้าห่มไม่มีจะใช้ ก่อกองไฟก็เอาไม่อยู่ หนูยังต้องวิ่งออกมาตาย เหล้าขาวพอแก้หนาวได้ แต่ให้ดีก็ต้องมีเมียสาวสักคน แม้จะขัดสน แต่เกิดเป็นคน ก็อย่าให้ต้องทนหนาวตาย

    มันเป็นเรื่องสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวพันกับทุกชีวิตอย่างแยกไม่ออก เราต้องรู้และปรับตัวใช้ชีวิตให้สอดคล้องและกลมกลืนไปกับความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติเหล่านี้ ไม่มีทางอื่น ยิ่งเป็นนักตกปลา ที่ต้องรอนแรมใช้ชีวิตบนสายน้ำ ป่าเขาลำเนาไพร ที่ห่างไกลจากบ้านเรือน ยิ่งต้องศึกษาให้เข้าใจทุกกระบวนท่า ที่ธรรมชาติจะถาโถมเข้าใส่... แล้วเราสามารถรักษาตัวรอดปลอดภัยมาได้แต่ละคราวอย่างมีความสุข เรียกว่า “ใช้ชีวิตกลางแจ้งเป็น”  แต่ถ้านอนคลุมผ้าหรือหามมา พระท่านว่า “ประมาทหรือกรรมมาตัดรอน”
    มันจะหาเรื่องไปทำไม ? เพื่อนชาวเลบอก ในเมื่อพายุเข้า คลื่นลมก็จัด น้ำไหลพัดสอดเป็นสองสี แดงไปทั้งทะเลอ่าวไทยตอนบน ลงไปถึงเกาะสีชัง เกาะไผ่ ชาวเรือเรียกว่า “ขี้ปลาวาฬ”  หรือแพลงตอนบูม ซึ่งเป็นพืชกำลังเจริญเติบโต ไม่มีปลาให้ตก มีแต่ลอยตายด้วยหายใจไม่ค่อยออก ช้อนเอาได้ง่าย ๆ ถ้าจะออกทะเลช่วงนี้…ถือสวิงได้มันกว่าถือคันเป็นไหน ๆ ฮา ฮา...
    ช่วงปลายฝนต้นหนาวทะเลก็จะเป็นเช่นนี้ทุกปี ด้วยน้ำจืดจำนวนมหาศาลไหลลงอ่าวไทยรูป ก. ไก่ เฉพาะแม่น้ำบางปะกงก็มีน้ำจืดไหลลงสามสี่พันล้าน ลบ.ม.  ไม่รวมจากแม่น้ำเจ้าพระยา แม่กลอง ท่าจีน พื้นดิน และคลองต่าง ๆ เป็นห่วงโซ่อาหารที่ต้องผ่านการหมักดองเสียก่อน จนเกิดสัตว์เล็กสายพันธุ์ต่าง ๆ นี่แหละ! ที่เป็นความหลากหลายทางชีวภาพ ที่มีประโยชน์กับทุกชีวิตในระบบนิเวศน์ของชายฝั่งแห่งนี้
    ประมาณว่าช่วงลอยกระทง น้ำจะเริ่มทรงได้ที่ สีเขียวสวยใส รับลมหนาวแรก เมื่อฝนจางหายไปจากบางปะกง ฝูงปลาน้อยใหญ่ก็จะทยอยกันเข้ามาหากินถึงถิ่นปากอ่าว เลยเข้ามาถึงในแม่น้ำ บ้านโพธิ์ หน้าเมืองแปดริ้วในราวปีใหม่ ก็จะสมใจพรานเบ็ดทั้งหลายที่รอคอยช่วงเวลานี้มานานหลายเดือน
    เหมือนกับผมเช่นกัน...วันเวลาของการถือศีล งดตกปลาสามเดือนได้สิ้นสุดลง ด้วยอานิสงค์ของคลื่น ลม ฝน ที่เป็นธรรมชาติหรือธรรมะ การพักรบคราวนี้ได้เฝ้าดูกาย ดูจิต เพื่อเอามาปรับใช้กับชีวิตในปัจจุบันให้ได้ในทุกเวลา ทุกสถานที่ ทุกกิจกรรม ทุกการกระทำ...เป็นธรรมะล้วน ๆ ธรรมะไม่ได้อยู่บนหิ้ง ในวัด หรือจำกัดเฉพาะพระ คนบวชเรียน หรือต้องพากเพียรแบบฤษี ชีไพร

   
ฝนจางที่บางปะกง
ภาพที่ 4
  การดำรงชีวิตอย่างมีสติให้ได้ในชีวิตประจำวัน ถือเป็นที่สุดของการปฏิบัติธรรม ตามนัยแห่งพระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนไว้...ในอริยาบทต่าง ๆ ยืน เดิน นั่ง นอน กริยาหลักสี่อย่างนี้ให้ตามรู้ ตามดูซื่อ ๆ ไม่ต้องไปปรุงแต่งอะไร “ดูสภาวธรรมที่เกิดขึ้น” ว่ากาย จิต เขาทำงานของเขาเองได้ เขาไม่ใช่เรา เป็นของชั่วคราว เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ตามกฎของไตรลักษณ์ ที่เป็นความจริงแท้แน่นอน
    เช่นว่า...เราเป็นนักตกปลา อยากออกไปตกปลาก็ให้รู้ว่า “อยาก” ตกปลามาได้ดีใจก็ให้รู้ว่า “ดีใจ”  ทำปลาตัวใหญ่ขาดไปแสนเสียดายก็ให้รู้ว่า “เสียดาย” ออกไปตั้งไกลเสียค่าใช้จ่ายไปมากรู้สึกว่าไม่คุ้มก็ไห้รู้ว่า “ไม่คุ้ม” อย่าไปด่าไต๋ที่ทำให้เราไม่ได้ปลา หรือโดนภรรยาต่อว่าที่แอบไปเสียวคนเดียว รู้สึกว่าโมโหก็ให้รู้ว่า “โมโห” ขอโทษเธอซะแล้วพาไปขึ้นชิงช้าสวรรค์... เดี๋ยวเธอก็หาย สบายใจด้วยกัน แต่อย่าดันไปมีน้อย  บ้านจะแตกเพราะเราจำแนกจิตผิดก็ให้รู้ว่า “ผิด” แต่อย่าไปทำอีกนะ   
        ต้องยอมรับว่าตกปลามีกรรมจริง  แต่ปลาเป็นสัตว์เล็ก ไม่อาฆาตมาดร้ายเหมือนสัตว์ใหญ่บางชนิด เช่นเสือ ช้าง กระทิง ควายป่า หมี งูมีพิษ  ที่จะตามทวงคืนชีวิตเราไปหลายภพชาติ ยิ่งมนุษย์ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะความจำดีสิบปี หรือสิบชาติ แก้แค้นก็ยังไม่สาย...บอกนัยมากมาย  ผมถึงขอบอกกล่าวเล่าเรื่องให้นักล่าทั้งหลายทำบุญ ทาน และภาวนาไว้ในใจตลอด ยามเดินทาง ออกเรือ หรือกำลังตกปลาก็ตาม กรรมจะได้เบาบาง แล้วอย่าลืมแผ่ส่วนกุศล คุณความดีที่เรามีให้เขาไป เราก็จะมีความสุขและสนุกแบบ “คนบาปในคราบนักบุญ”…หรือจะเอาแต่บาปอย่างเดียวก็ตามใจ...ชีวิตใครชีวิตมัน
    ขณะที่เขียนต้นฉบับใกล้ออกพรรษา ดูว่าจิตใจไม่ค่อยนิ่ง เฝ้าแต่ซ่อมเรือ ตรวจเช็คเครื่อง เช็ดถูอุปกรณ์ต่าง ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน  จนเมียสาวแซวว่าจะเอามุ้งมากางให้นอนในเรือ ต้องเน้น “ว่าสาว” เพราะเธอยังไม่แก่ (กว่าผม) และเป็นแม่ของลูกสาว คำว่าสาวจึงใช้ได้ตลอด  เดี๋ยวเธอจะเปลี่ยนใจไม่ให้เราออกไปเล่นเสียวกับน้องปลาคนเดียว ฮา ฮา
ฝนจางที่บางปะกง
ภาพที่ 5
    หมายเด็ดไว้สำหรับหากิน หรือรับแขกของผมเป็นประจำ เรียกว่าออกกันเกือบทุกวัน เฝ้ากันเป็นอาทิตย์ คือ หมายวังน้ำวนหน้าการไฟฟ้าบางปะกง (กฟผ.) เป็นปากคลองระบายน้ำหล่อเย็นจากกระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้า ไหลลงสู่แม่น้ำวันละ 7-8 แสน ลบ.ม. ตรงบริเวณนี้น้ำจะลึก 10-13 เมตร น้ำอุ่นออกมาผสมกับน้ำเย็นในแม่น้ำ มีกระแสตลอด ปลาชอบมาว่ายวนเวียนหากินลูกกุ้ง ลูกปลาที่เลาะริมเขื่อนคอนกรีต และถูกกระแสน้ำพัดออกมา มีทั้งปลากลางน้ำ และใต้วังวนแห่งนี้
    ด้วยเป็นหมายหน้าบ้าน ออกเรือมา 10 นาทีก็ถึง ตกแค่ช่วงหัวน้ำลง 2-3 ชั่วโมงก็พอ ปลารับแขกพวกปลากด ดุกทะเล มาเป็นอันดับหนึ่ง พอจะสั่งเตรียมน้ำพริกล่วงหน้าได้ไม่เคยผิดหวัง หางกิ่วพอมีตัวบ้าง ส่วนปลาเกมส์ กะพง กุเลา ขนาดใหญ่ก็แล้วแต่ดวง มีตัวแน่ ๆ พวกนักตกปลาบนเขื่อนหิ้วขึ้นมาเป็นประจำ 10 กิโลขึ้นไปก็มีให้เห็น ขนาดเล็ก ๆ ไม่ต้องพูดถึง ใหญ่กว่านี้เป็นของพวกอวนลอย 20 กิโลกรัมขึ้น เห็นแล้วน้ำลายไหล เมื่อไรจะมาฉวยเบ็ดเราบ้างนะ
      กุเลาตัวโต ๆ โดดกันตูมตาม... แต่ไม่ยอมฉวยเหยื่อ กุ้งเป็น ปลากระบอกเป็น มันแค่เข้ามาคาบเล่นแล้วก็ปล่อย นาน ๆ จะได้ตัวทีหนึ่ง ดูว่ามันฉลาดมาก ผมคุยให้พี่เจนศักดิ์ฟัง แกบอกมีเหยื่อดี “PUKA” คุณสุวรรณา แห่งนิตยสารท่องเที่ยวตกปลาที่นั่งคุยด้วยหยิบมาให้ 2 ตัว...ขอบคุณ ๆ หนาวนี้เอาแน่
    สำหรับบริเวณปากอ่าวคงไม่มีที่ไหนมันกว่าทุ่น 9 เป็นประภาคารนำร่อง น้ำลึก 6 เมตร เป็นศูนย์รวมปลาน้ำกร่อย ที่ฉวยเบ็ดเด็ดที่สุดเท่าที่ตกมา หัวน้ำลงตรงกับข้างแรม หรือขึ้น 6-12 ค่ำ ดูว่าจะได้ผลดี แต่ทั้งนั้นต้องกระแสลมเป็นใจด้วย เป็นลมหนาวที่พัดมาเบา ๆ  ถ้ามีคลื่นจะทำให้เราจอดเรือลำบาก ปลาหางกิ่วตัวโต ๆ กุเลาวัยรุ่น ดุกทะเลตัวอ้วนพี ปลาจวดเทียนก็เวียนมาให้ตก เก๋าก็มี ถัดจากนี้ไปจะเป็นแนวหลักไม้หอย ร่องเดินเรือ ถ้าเจอะหมายดี จะสอยกันไม่รู้เบื่อ เตรียมเกลือไปด้วย ช่วยกันทำปลาเค็ม
ฝนจางที่บางปะกง
ภาพที่ 6

  ถ้าไม่อยากออกแนวนอก หรือคลื่นลมแรง ผมก็มักจะใช้หมายรอบ ๆ เกาะนก หรือเกาะลัด เป็นที่พักพิง ตกได้รอบเกาะมีปลาทุกอย่างเท่าที่นักตกปลาน้ำกร่อยต้องการตามที่เขียนมาข้างบน ด้วยมีกระชังเลี้ยงปลาจำนวนมากยึดบริเวณนี้ทำมาหากิน หลบลม ชายร่องน้ำที่ระดับความลึก 1-10 เมตร เลือกเอาตามความพอใจ น้ำอ่อนหรือทรงลงที่ลึก ไหลแรงนักเข้าที่ตื้น เหนื่อยนักแวะขึ้นพักบนเกาะนก มีสะพานเดินได้รอบ ชมนกชมไม้ ศาลารายทาง ไม่ต่างอะไรกับสวนสวรรค์แห่งอีเดน ถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยเห็น เอาตัวเป็น ๆ กันดีกว่า ตามที่ท่านนายกอ้วนฯ บอก
        คุณสมจิตร์ พันธ์สุววรรณ นายกเทศมนตรีตำบลท่าข้าม กล่าวว่า “ เกาะท่าข้ามบางปะกง มีชื่อเดิมว่า เกาะลัด หรือ เกาะแหลมตาม้วน เป็นเกาะเล็ก ๆ มีพื้นที่ประมาณ 125 ไร่ อยู่ในความดูแลของกรมป่าไม้ ซึ่งเป็นป่าชายเลนตามมติของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2530 เกาะแห่งนี้มีสภาพเป็นป่าชายเลน มีต้นจากและแสมขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อประมาณปี 2530 ได้มีชาวบ้านบุกรุกเข้าไป ตัดไม้ออกแล้วขุดดินทำบ่อเลี้ยงกุ้งและได้เลิกไป เมื่อปี 2535 ทำให้ป่าไม้บนเกาะเริ่มฟื้นตัว มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น แต่ก็เป็นไปด้วยความล่าช้า ปัจจุบันยังคงเป็นป่าจากและต้นแสม อาจมีไม้พันธ์อื่นแซมบ้างเป็นส่วนน้อย แต่เมื่อสำนักงานเขตป่าไม้ปราจีนบุรีได้ใช้เครื่องบินสำรวจทางอากาศ เมื่อปี 2544 พบว่าบริเวณรอบเกาะมีต้นไม้ป่าชายเลนขึ้นหนาแน่น ในช่วงกลางเกาะมีต้นไม้ประปราย โดยเฉพาะด้านทิศใต้ของเกาะได้ถูกน้ำเซาะทำให้ตลิ่งพังลง การแก้ปัญหาชั่วคราวได้ใช้ไม้ปักเป็นแนวป้องกัน  เพื่อชะลอความแรงของคลื่นที่กระทบฝั่ง  ส่วนทิศตะวันตกเฉียงใต้มีเลนงอกออกมาใหม่พื้นที่ประมาณ 50 ไร่ เมื่อน้ำลงจะมองเห็นได้ชัด”
ฝนจางที่บางปะกง
ภาพที่ 7

  ปัจจุบันทางเทศบาลท่าข้ามได้เน้นการปลูกป่าเพิ่มเติม เป็นต้นโกงกางจำนวนมาก มีหลายหน่วยงาน นักเรียน นักศึกษาเข้าไปช่วยกันปลูก และศึกษาระบบนิเวศน์ของพื้นที่นี้  มีหอดูนกสูงเท่ายอดไม้ นกนับแสนตัวอาศัยเป็นบ้านหลังสุดท้าย โดยเฉพาะนกปากห่างมีมากที่สุด ภายในเกาะมีหลอดน้ำ หรือคลองซอยเล็ก ๆ ทำให้มีกุ้ง หอย ปู ปลา เข้ามาหากินตามกระแสน้ำขึ้นลง เท่าที่เห็นปูก้ามดาบหลากสี สีส้ม สีฟ้า สีน้ำตาล ปลาตีนตัวโต ๆ  ตัวเงินตัวทองขนาดความใหญ่น้อง ๆ จระเข้  ยามตกใจโดดลงน้ำเสียงดัง...โครมคราม!
    ผมใช้พื้นที่นี้ทดลองปลูกป่าด้วยไม้มงคล 4 ชนิด ต้นโพธิ์ ไทร ไกร กร่าง จำนวนหลายร้อยต้น เพื่อเป็นกรณีศึกษา หาทางเพิ่มสีเขียวให้กับโลกในแนวป่าชายเลน เช่น ที่หลายหน่วยงานทำกันอยู่แล้ว แต่ไม้ที่ผมปลูกมีคุณสมบัติพิเศษ แตกต่างกับที่หลายคนคิดทำ นั้นคือการนำไม้สี่ชนิดนี้มาต่อสู้กับการกัดเซาะชายฝั่ง เพื่อป้องกันน้ำทะเลกลืนผืนดิน โดนอาศัยระบบรากที่แข็งแรงของเขาช่วยยึดหน้าดิน เหมือนหญ้าแฝกที่ในหลวงค้นพบ เป็นไม้ที่ขึ้นได้ทั้งน้ำกร่อย และออกเค็ม ดูของจริงได้ที่วัดหงส์ทองใกล้คลองด่าน ผมและพระลูกวัดช่วยกันปลูกไว้ 100 กว่าต้น ตอนนี้บางต้นสูงใหญ่กว่า 5-6 เมตรในระยะเวลา 3 ปี  และที่บ้านขุนสมุทรจีน ตำบลแหลมฟ้าผ่ากำลังเริ่มทดลองปลูก หลังจากพื้นดินหายไปในทะเลกว่าพันไร่... “ไม่มีใครช่วยได้ นอกจากตัวเอง” ผมบอกกับคนพื้นที่ และสนับสนุนต้นกล้าไม้กับเม็ดพันธุ์ ในช่วงแรกพอให้เห็นแนวทาง  ถ้ารอความหวังจากรัฐ วัด บ้าน อาคารทั้งหลายจะหายลงทะเลเหมือนที่ผ่านมา ผมช่วยด้วยศรัทธาเห็นความกล้าของ “ผู้ใหญ่สมร” หญิงแกร่งแห่งขุนสมุทรจีน
      ใครจะคิดอย่างไรก็ช่าง...แต่สิ่งที่ผมเห็นและทำในตอนนี้ มันจะเกิดประโยชน์ กับอนาคตของมนุษย์ชาติในวันข้างหน้า เมื่ออุณหภูมิโลกสูงขึ้น 2 องศาดีกรี น้ำทะเลจะสูงขึ้น 1 เมตรใน 20 ปี อะไรก็เกิดขึ้นได้กับกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของเรา ผมทำได้แค่กรณีศึกษา ที่แตกต่างจากหลายหน่วยงานที่ทำ ของเขามีงบประมาณ ของผมมีมันสมองกับสองมือ ด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่นใช้เงินน้อยมาก ช่วยกันปลูกให้ได้นับล้านต้นตามแนวถนน คันกั้นน้ำเค็ม บ่อปลา บ่อกุ้ง วัด โรงเรียน ฯลฯ ด้วยจิตกุศล มันจะส่งผลให้ทุกคนปลอดภัย เสียหายน้อยลง  มีเวลาปลูกแค่ 10 ปีนับจากวันนี้
ฝนจางที่บางปะกง
ภาพที่ 8

  ผมมาที่เกาะนี้เกือบทุกอาทิตย์ เพื่อมาให้ปุ๋ยต้นไม้  ด้วยปุ๋ยน้ำชีวภาพ ซึ่งประกอบด้วยจุลินทรีย์หลากหลายสายพันธุ์ ที่มีประโยชน์ต่อทุกชีวิต พืชและสัตว์... ผมทำขึ้นมาเองจากข้อมูลต่าง ๆ จนพัฒนาขึ้นมาสำหรับคน ใช้ดื่มกิน ผสมน้ำอาบ ต่อต้าน “โรคเบาหวาน”ปรับสมดุลของร่างกายได้ดีมาก มีส่วนผสมของสมุนไพรหลายชนิด  ลดความอ้วนโดยไม่ต้องลดอาหาร ไม่มีอาการแทรกซ้อน ทำแจกมานับพันขวด ใครมีญาติหรือตัวท่านเองเป็นเบาหวาน หมดเงินไปก็มากแล้ว รักษาไม่หาย เชิญมาทดลองได้ครับ “ฟรี” ไม่ได้ซื้อขาย เพราะเป็น “โอสถ” อาหารที่ไม่ใช่ยา เอามาจากพระไตรปิฎก  ผมทำด้วยจิตกุศลเหมือนกับการปลูกป่า เพื่อทดแทนคุณแผ่นดิน... เป็นเรื่องง่าย ๆ ใกล้ตัวคนศึกษาธรรมะถึงระดับหนึ่งจะเข้าใจและเห็นจริง...ไว้วันหน้าจะนำมาร่ายยาว
    ช่วงนี้จะพาไปชมของดีที่ปากอ่าว “โลมาเข้ามาแล้ว” ต้องรีบเอาเรือเร็ว เรือพายออกไปให้เห็นกับตา แล้วถามเขาว่าเข้ามาทำไม ? ทะเลไทยไกลออกไปมันยากไร้ด้วยอาหาร หรือโลมารู้ว่าปากอ่าวสมบูรณ์กว่า มันต้องมีที่มาที่ไป เมื่อก่อนเห็นเข้ามาไม่มากขนาดนี้ ที่นี่...บางปะกง มีดีอะไร ?
      ในช่วงต้นฤดูหนาวของทุกปี บริเวณปากแม่น้ำบางปะกง จะพบโลมาเข้ามาหากิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปลาดุกทะเล ซึ่งเป็นอาหารที่โปรดปรานและมีความชุกชุมมาก หลังฤดูฝนต่อกับฤดูหนาว โลมาจะว่ายเข้ามาในปากแม่น้ำและทะเลข้างเคียง ในระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงประมาณเดือนกุมภาพันธ์ โลมาที่พบได้แก่ “โลมาอิระวดี”และ “โลมาหลังโหนก” ซึ่งเป็นโลมาที่ชอบอาศัยตามชายฝั่งน้ำทั่วไป จนทำให้ปากแม่น้ำบางปะกงเป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวจากทุกสารทิศ เดินทางมา เพื่อดูโลมาในธรรมชาติ
      โลมาอิระวดีมีลักษณะเด่นที่ครีบหลังรูปสามเหลี่ยมขนาดเล็กปลายมน พบในตำแหน่งที่ห่างจุดกึ่งกลางลำตัวค่อนไปทางหาง เป็นโลมาขนาดเล็กที่ว่ายน้ำโดยปกติค่อนข้างช้า และอยู่เป็นกลุ่มเล็ก ๆ เมื่อพิจารณาภายนอก โลมาอิระวดีมีรูปร่างลักษณะคล้ายคลึงกับวาฬบลูก้า หรือโลมาหัวบาตร ที่ไม่มีครีบหลัง
      อุปนิสัยของโลมาอิระวดีมักอยู่รวมกันเป็นฝูงเล็ก แต่ละฝูงมีจำนวน 6 ตัวหรือน้อยกว่า ไม่ชอบปรากฏตัวให้เห็นตามผิวน้ำทะเล แต่ชอบโผล่หัวขึ้นมาที่ระดับผิวน้ำ มันไม่ชอบที่จะว่ายน้ำเล่นคู่กับเรือ บางครั้งช่วยเหลือชาวประมง โดยว่ายน้ำไล่ฝูงปลาให้ไปติดอวน
    “ มีเรื่องเล่าว่าที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในพม่าทางตอนเหนือของมันดาเลย์ มีชาวประมงกลุ่มหนึ่งที่ออกหาปลาร่วมกับโลมาอิระวดี ชาวประมงเข้าใจภาษาของโลมา โดยจดจำและถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษ ภาษาที่เขาใช้เรียกโลมา คือ สัญญาณเคาะที่กาบเรือด้วยกรวยไม้ที่ทำขึ้นมา หรือทำเสียงที่คอแบบเสียงเรียกไก่งวง
      ภาษาของโลมาเช่นว่า สะบัดหาง หมายถึงให้ตามเขาไป ถ้ายกหางขนานกับพื้นน้ำ หมายถึงให้เตรียมโยนตาข่ายจับปลา ถ้าหางโค้งไปทางซ้ายหรือขวา เป็นการบอกให้โยนตาข่ายไปทางนั้น และเมื่อชาวประมงยกตาข่ายที่จับปลาได้ขึ้นมา โลมาจะรี่เข้าไปหม่ำปลาที่หลุดลอดออกมา เป็นความสัมพันธ์ที่น่ารักระหว่างคนกับโลมา..”.
    อ่านแล้วเกิดศรัทธา อยากจะเอามาเป็นเพื่อนสักตัว มาอยู่หน้าโรงไฟฟ้า ช่วยล่าปลากะพงหน่อย แต่ตอนนี้เราต้องช่วยดูแลมันก่อน เมื่อเข้าใกล้ฝูงควรเคลื่อนเรือให้ช้าลง ดับเครื่องลอยลำ รักษาระยะห่างประมาณ 30 เมตร ไม่นำเรือฝ่ากลางฝูง ดักหน้า เร่งเครื่อง หรือให้อาหารปลา ช่วยกันบันทึกวันที่ เวลา สถานที่พบโลมา จำนวนตัว ลักษณะเด่นไว้ด้วย เขียนลงอินเตอร์เน็ตก็ได้เพื่อการค้นหา และอ้างอิงเป็นข้อมูลต่อไป
ฝนจางที่บางปะกง
ภาพที่ 9
ไฮไลท์ของแปดริ้วช่วงเดือน 9 ก่อนออกพรรษา คือ...งานคาร์ฟรีเดย์ประจำปีของจังหวัดฉะเชิงเทรา...ซึ่งปีนี้จัดได้สวยงาม และสอดคล้องกับสภาวะโลกร้อนได้ดีมาก จากกิจกรรมขี่จักรยานรอบเมือง มาเพิ่มสีสันด้วยการอนุรักษ์ลำน้ำบางปะกง “จากภูผาสู่มหานที 108 วันมหัศจรรย์พอเพียง มหกรรมฟื้นฟูลุ่มน้ำและทะเลไทย”  ด้วยพลังเบญจภาคี ใน “ยุทธการถอยหลังเข้าคลอง” ตอน “รักไม่จางที่บางปะกง” ยุทธวิธีที่เห็น จัดแบบการออกสงคราม แบ่งออกเป็น 3 เหล่าทัพ... ทัพบกประกอบด้วย กองทัพคนเดิน กองทัพช้าง ม้า รถยนต์รวมทั้งจักรยาน... ทัพเรือก็มีเรือหางยาว เรือท่องเที่ยวมาประดับลำน้ำ ที่สำคัญและดูตื่นเต้นคือ...กองทัพอากาศ ที่ขนร่มบินมาหลายเครื่อง บินผาดโผนให้ชม มีผู้ว่าราชการเป็นแม่ทัพ รับกับเสียงสวดเจริญพระพุทธมนต์ นั่งมาบนหลังช้าง ผู้คนเต็มสะพาน
      จุดเด่นฉากเด็ดของงานนี้คือการทิ้งบอมบ์ ด้วยก้อนปุ๋ยชีวภาพลงสู่แม่น้ำบางปะกง จากเหล่าทัพทั้งหลายจำนวนมาก เพื่อหวังให้จุลินทรีย์ ช่วยทำหน้าที่ปรับสมดุลย์ที่เสียไปของแม่น้ำสายนี้ให้กลับมา นับว่ามาถูกทาง ทำให้คนพื้นที่ตระหนักถึงของดีที่มีอยู่ ชีวิตกับสายน้ำแยกกันไม่ออก  ดุจน้ำในร่างกายคนหรือเลือดจะต้องดี ถ้าเน่าเสียชีวิตก็ไม่ปลอดภัย โรคร้ายก็ถามหา น้ำชีวภาพช่วยได้ หากนำมาใช้ให้ถูกวิธี ไม่ว่าคนว่าสัตว์ เกิดจากธาตุ 4 เหมือนกัน...ดิน น้ำ ลม ไฟ อยู่ในร่างกายนี้
    มาดูผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำแม่น้ำบางปะกง จากกรมควบคุมมลพิษในปี 2551 ที่สถานีบีเค01 ถึงสถานีบีเค16 หรือจากปากอ่าวบางปะกง มอเตอร์เวย์ ฉะเชิงเทรา ไปถึงต้นน้ำที่อำเภอบ้านสร้าง ผลออกมาว่า “เสื่อมโทรมถึงเสื่อมโทรมมากทุกจุด” นี่เป็นข้อมูลจริงจากหน่วยงานรัฐ
    แล้วเรายังจะปล่อยให้ปัญหานี้ผ่านไปได้อย่างไร ถึงเป็นนักตกปลาเราก็คงทราบว่า ปลาหลายชนิดลดน้อย หรือหายไปจากสายน้ำแห่งนี้ เช่น “ปลาแขยง” ปลาที่ชุกชุมที่สุด มันหายไปไหนแล้วทำไมจะได้คืน ?  การเพาะพันธุ์ขึ้นมา หรือปล่อยปลาอย่างเดียวโดยไม่ใส่ใจเรื่องคุณภาพของน้ำ ดูว่าจะไร้ประโยชน์ ปลายังอยู่ไม่ได้แล้วคนล่ะ!
    ผมก็จะช่วยขีดช่วยเขียนช่วยปลูกป่า ปรารถนาให้ได้ล้านต้น หรือจนกว่าตัวจะตาย นอกจากนั้นก็จะวางอุเบกขา ปล่อยให้เป็นเรื่องของธรรมชาติคัดสรร ตามบุญตามกรรม นรกกับสวรรค์มีไว้ให้ทุกท่านได้เดินอยู่แล้ว
ฝนจางที่บางปะกง
ภาพที่ 10
มีหลายท่านโทรมาหา ว่าจะเช่าเรือออกตกปลา ผมบอกว่าไม่รับ...รู้ตัวว่าเป็นไต๋ที่ดีไม่ได้ ด้วยไม่ตามใจแขก ประเภทต้องได้ปลามาก ๆ ตัวใหญ่ ๆ ย้ายหมายบ่อย ๆ ผมทำใจลำบาก การตกปลาของผมเรียบง่ายเรียนแบบ “วิถีแห่งไต๋”ก็จริง แต่ผมไม่ได้คิดเหมือนไต๋อาชีพ ที่เขาต้องทำมาหากินเอาใจแขก ผมตกปลาหาความสุขไปตามประสาแบบว่า “ตกปลาหานิพพาน”
      ไม่ได้หาเงินหาทองเป็นหลัก แต่เป็นการพักผ่อนและมีใจรักในสายน้ำนี้  ถ้าอยากตกปลากับผมก็มาได้ มาพักที่นี่ “แสมวิวรีสอร์ท”บริการแบบโฮมสเตย์ ผมออกเรือเกือบทุกวัน ตามจังหวะน้ำขึ้นลง 2-3 ชั่วโมงก็กลับรับได้ไม่เกิน3 คน...ด้วยเรืออีแปะ เรือเร็ว ผมถือว่าท่านเป็นผู้ร่วมทาง “ไม่ใช่ผู้ว่าจ้างให้พาออกไปล่าปลา” เงินที่ได้มาส่วนหนึ่งนำไปปลูกป่า และทำน้ำชีวภาพแจก ต่อยอดบุญ เอากุศลคืนท่าน พร้อมอุทิศให้กับชีวิตของปลาด้วย... “ แค่เปลี่ยนวิธีคิด...ชีวิตก็เปลี่ยน”
    ปีนี้ผมวางแผนสำรวจหมายตามซากไม้หอย โป๊ะ ปากอ่าวบางปะกง เกาะสีชัง ถึงเกาะไผ่ ด้วยเรือประมงญี่ปุ่นขนาดเล็กยาว 24 ฟุตชื่อ “ป.ประจิณ”ที่เคยไปลุย “ย้อนอดีตหมายดัง...ทะเลตราด”มาแล้ว ใครจะไปกับผมก็คุยกันก่อน ค่าใช้จ่ายช่วยกันออก สมอช่วยกันดึง เหยื่อช่วยกันหา หุงหาช่วยกันทำ เรือเสียช่วยกันซ่อม ไม่มีลูกน้อง ไม่มีนาย รับผิดชอบความปลอดภัยตัวเอง ... เรียนรู้ทุกอย่างตามวิถีแห่งไต๋ ขับเรือ อ่านแผนที่จีพีเอส ซาวเดอร์ ดูน้ำ ทิศทางลม เข้าหมาย วางแผน ร่วมกันคิด...
  มันต้องคนคอเดียวกันมีใจเกินร้อย ถึงจะยอมลำบากไปด้วยกันได้... “เพราะผมไม่ใช่เรือจ้าง...ฮา ฮา” แต่อยากให้ทุกคนที่พอมีโอกาสได้หัดเล่นเรือ หรือมีเรือด้วยก็เอามาลง เป็นกัปตันเอง ความคิดตกปลาให้ได้มาก ๆ คุ้มค่าเรือคงน้อยลง... เพราะแพงกว่าที่นึก แต่สนุกกว่าที่คิด... ผมหมดไปมากเหมือนกัน ถึงจะพอมีเรื่องมาเล่าให้ฟัง เพียงหวังว่าวงการตกปลาไทยจะพัฒนาขึ้นเหมือนประเทศที่เขาเจริญแล้วทั้งหลาย...จะได้ไม่อายพม่า !
      นี่! ผมฝันกลางวันหรือเปล่า...ลมหนาวก็มาแล้ว...ฝนกำลังจางที่บางปะกง...เชิญครับ
                                                                                                                    ...จบ...
ฝนจางที่บางปะกง
ภาพที่ 11
กรุณา ลงทะเบียน และ login ก่อนส่งความเห็นครับ
siamfishing.com © 2024
siamfishing.com/content/view.php?cat=article&id=1857