ภาพที่ 1
ป.ประจิณ
samaeview@thaimail.com
ชุด...ตกปลาหานิพพาน
ลุยคนเดียว...ก็เสียวได้ ( 1 )
ผมหายจากวงการตกปลาไปนาน ไม่ได้เขียนบทความหรือแสดงความคิดเห็นอะไรหน้าเวปบอร์ด ของสยามฟิชชิ่ง . คอม นั่นไม่ได้หมายความว่าผมเลิกตกปลา ผมยังเล่นเรืออยู่ตลอด และหยุดตกปลาในช่วงเข้าพรรษาของทุกปี การหยุดตกปลาในช่วงสามเดือน และเข้าปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ ปลูกต้นไม้ โพธิ์ ไทร ไกร กร่าง เพื่อโลกสีเขียวในหลายพื้นที่นับพันต้น ทำให้ได้ข้อคิด แนวทางของชีวิตมากมาย ที่จะได้เอามาเขียนให้พวกเราได้รับรู้ในชุดตกปลาหานิพพาน ที่จะทยอยออกมาหลายเรื่องเชิญ...เพื่อน ...พ้อง...น้อง...พี่...คอยติดตาม
ภาพที่ 2 ต้นไกร...ไม้ที่แจก
ช่วงหลังนี้ผมมักจะออกตกปลาคนเดียวอยู่เสมอ ลุยมันไปตั้งแต่ปากอ่าวบางปะกง ถึงแม่น้ำเจ้าพระยา เกาะหมาก เกาะกูด ด้วยเรือเร็วลำเล็ก ๆ ขนาด 15 ฟุต ติดเครื่องท้าย 70 แรง ก็วิ่งแซงไปทุกที่ ๆ ใจปรารถนา โดยไม่ค่อยจะได้ปลามากมาย ด้วยเหตุปัจจัยต่าง ๆ ทั้งจากธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป คลื่นลม บวกกับแรงกายใจของตัวเองที่เกินวัยกลางคนไปเล็กน้อย...พูดง่าย ๆ ค่อย ๆ ถอยไปตามสังขาร
แต่การถอยของผมไม่ได้จมอยู่แต่ในอดีต ความฝัน หรือ ความมันส์เพียงอย่างเดียว...แต่ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์จริง ทั้งที่ดี ไม่ดี ตามแง่มุมต่าง ๆ ล้วนแต่มีประโยชน์ ทั้งตนเอง และสรรพสัตว์ สรรพสิ่ง ที่จะนำมาอ้างอิงให้ได้เห็นเป็นแนวคิด ว่าชีวิตจริงที่ต้องเกิดมาคืออะไร ? ทำไมถึงต้องเป็นไปอย่างนี้...เรารักที่จะตกปลา...อยู่ในวงการนี้...ตกปลาแล้วทำแบบไหน ?... ถึงจะได้อะไรมากกว่าปลา...พูดง่าย ๆ มันคือการทำบาปแล้วได้บุญ..แล้วมันจะเป็นไปได้หรือนี่ !...หลายคนคงตั้งคำถาม...แต่คราวนี้จะเป็นงานเขียนที่เจาะลึกถึงจิต ถึงใจ โดยจะนำศาสตร์ทุกสาขามาร้อยเรียง โดยเฉพาะพุทธศาสนา แบบตามหาแก่นธรรมกันจริง ๆ
ลมหนาวปีนี้มาแรง นาน ทะเลก็บ้าคลั่ง จนเรือเร็วของผมต้องไปติดคลื่นลมที่เกาะกูด และร่องรังอยู่สองคืนในช่วงต้นหนาว โดยไม่ได้ปลาอะไร นอกจากเก๋าแห่งเกาะกูดเป็นอาหารจานเด็ด เหลือจะอดทนกับสภาพอากาศ จำต้องวิ่งเข้าฝั่งช่วงเช้าวันที่สาม ต้องสู้กับคลื่นใหญ่ขนาด 2-4 เมตร เกือบสองชั่วโมงจนมาถึงเกาะใบดั้ง สะบักสะบอม เปียกปอนทั้งคนทั้งของ พักเหนื่อยอยู่จนบ่ายลมก็ยังไม่ยอมเบา เลยตัดสินใจวิ่งเข้าฝั่ง...มาน้ำมันหมดก่อนถึงแหลมศอก โชคดีที่โทรหาพวกให้เอาน้ำมันมาส่ง ก่อนจะพลบค่ำ นี่ก็ผลของธรรมชาติที่ผิดเพี้ยนไปมาก ๆ จนเรานึกไม่ถึง ทำให้การตัดสินใจออกทะเล และคำนวณน้ำมันในครั้งนี้ผิดพลาด จนเพื่อนที่ไปด้วยถอดใจเว้นวรรคในเที่ยวหลัง ๆ ...คงคิดว่าเราจะพาเขาไปตาย
เป็นที่มาของการลุยเดี่ยวของผมในช่วงนี้...ซึ่งมันส์กว่ากันแยะเลย
ภาพที่ 3 ปลาสร้อยนกเขา...ไม่เหงาแล้วคืนนี้
หลังจากวันนั้นมาผมก็นั่งภาวนา ขี่จักรยานอยู่แถวบ้านเป็นเดือนโดยไม่ได้ออกทะเล ไกล ๆ นอกจากหมายใกล้ฝั่ง เล่นปลาดุก กด หางกิ่ว ปากอ่าวบางปะกง กลางดงโลมา ในช่วงน้ำลง ก็สนุกดีปีละครั้ง แปลกแต่จริง ปลาหางกิ่วตัวโต ๆ ขนาด 2-7 กิโลกรัม จะมาชุมนุมกันที่นี่ทุกปีช่วงรอยต่อน้ำทั้งช่วงหน้าหนาว และหน้าฝน...ช่วงที่ผ่านมาผมก็ได้มาหลายตัว...รวมถึงปลากุเลาด้วย...ต้องขอบคุณเหล่าปลาทั้งหลายที่ต้องมาตายเพราะผม....ถูกนำมาต้มยำ ทำแกง และแบ่งเอาไปทำบุญ ถวายพระ
เรื่องตกปลาแล้วเอาไปปรุงอาหาร ทำบุญ ถวายพระหรืออุทิศส่วนกุศลไปให้เขา ผมถือเป็นสิ่งสำคัญ ที่จำเป็นจะต้องทำในตอนนี้ เมื่อก่อนไม่เคยคิดถึง เขาเป็นผู้มีพระคุณที่ให้เลือดเนื้อ และชีวิตแก่เรา โดยปลา หรือสัตว์ต่าง ๆ อะไรก็ตาม ที่เรากินเป็นอาหาร ล้วนต้องสละชีวิตของเขาเหล่านั้น ทั้งทางตรง หรือทางอ้อม ไม่มีสัตว์ตัวไหนหรอกจะอยากสละร่างกาย หรือยอมตายโดยเต็มใจ แต่สิ่งที่เป็นไปล้วนถูกล่า ฆ่า ข่มขืน โดยมนุษย์ผู้สูงส่ง... ตามกฏแห่งกรรม เขาไม่มีทางต่อสู้ ด้วยความเป็นสัตว์เดรัจฉาน...กุ้ง หอย ปู ปลา...หมู...หมา...กา...ไก่...ก็รวมอยู่ในระดับชั้นของสัตว์เหล่านี้...มีสูง-ต่ำซึ่งแบ่งออกได้ 31 ภพภูมิ ล้วนต้องเป็นไปตามกฏนี้.เอาแค่เกริ่นนำไว้ก่อน แล้วจะย้อนกลับมายำขยาย
ภาพที่ 4
เรือลำนี้...ลุยไปได้ทุกที่
กลางเดือนกุมภาพันธ์ เหมันต์ก็ใกล้จะสิ้น อากาศเริ่มแปรปรวน เช้าหนาว กลางวันร้อน ตอนบ่ายเป็นลมฝ่ายใต้ เล่นเอาคันไม้คันมือ...เมื่อกลิ่นไอทะเลโชยมาตามสายลม เรือที่พร้อมอยู่ตลอดเวลาก็ถูกปล่อยลงน้ำ อาหาร น้ำมัน เหยื่อหมึกตายสด ๆ จากตลาดชลบุรี ซึ่งเป็นหมึกโป๊ะตัวใส ๆ อีก 5 กิโลกรัม...ก็คิดว่าพอทำต้มยำกลางทะเลได้...ถ้าทริปนี้ไม่ได้ปลา...ก็จะพล่าหมึกแทน
จนแฟนแซว...ว่าแก่แล้วยังทำซ่า...กับความบ้าของเรา...ที่จะออกเสียวคนเดียว
กว่าจะเตรียมของเสร็จก็ล่วงเข้าไปบ่ายแก่ ๆ ต้องแน่ใจทุกอย่าง เครื่องก็ชัวร์ทำมาใหม่...โดยร้านเฮียพรเทพมารีน ที่มีนัดจะลุยลองเรือกันอีกหลายรอบ คืบก็ทะเล ศอกก็ทะเล โบราณว่าไว้มีความหมายหลายอย่าง รวมความว่าอย่าประมาท...ข้อผิดพลาดเล็กน้อย...ก็จะพลอยไม่สนุก ถึงอาจทุกข์ถนัด เห็นได้จากพิกัดซากเรือจมเต็มอ่าวไทย....ต้องเตรียมใจไว้ก่อนที่จะเป็นหนึ่งในนั้น....แต่ความผิดพลาดของเขาในวันนั้น ก็เป็นความมันส์ของเราในวันนี้ คิดดูให้ดีก็ไม่มีอะไรสูญเปล่า
หัวเรือเริ่มออกปากอ่าว เห็นเขาสามมุขอยู่ลาง ๆ เป้าหมายปลายทางอยู่ที่ซากเครื่องบินตก เหนือเกาะนก ตะวันตกแหลมฉบัง เป็นหมายที่ถูกลืม และอยู่ห่างจากเซียนเบ็ดทั้งหลาย คงจะพอมีปลาอาศัยอยู่บ้าง สี่ห้าปีมาแล้วเคยพาเพื่อนไปดำน้ำ เขาขึ้นมาบอกว่ายังพอมีซากของเครื่องเหลืออยู่บ้าง หลังจากถูกตัดเหล็กไปขายกิโลละไม่กี่บาท คิดแล้วน่าเสียดาย ผมนึกในใจไปถึงหมายต่าง ๆ
มีปลาสร้อยนกเขาเป็นฝูงเลย เพื่อนบอก
แล้วแกเอาอะไรขึ้นมาด้วยล่ะ ผมถามเพื่อนที่ขึ้นมาจากน้ำ...โชวน์ซากวัตถุให้ดู
เหรียญเก่า ๆ ยังดูไม่ออก...ชิ้นส่วนของปีก แล้วก็พระเครื่อง...เอาไปเป็นที่ระลึก
เออดีขณะขับเรือศรนารายณ์ 380 ไปสีชัง... ผมจะไม่พาใครมาอีก...ก่อนอำลาซากเครื่องบินในวันนั้น...แต่วันนี้ผมกำลังนำตัวเองมาเอาปลาขึ้นจากน้ำ...เพื่อเลี้ยงปากท้อง หรือเก็บภาพความทรงจำไว้เป็นที่ระลึก...กำลังถามใจตัวเอง ?
ภาพที่ 5 หุงข้าวทอดปลา...ก่อนฟ้าจะมืด
คลื่นลมเริ่มแรง ต้องแล่นสวนลมไปตลอดทาง ผมขับเรือไปไม่เร็วนักด้วยระยะทางประมาณ 35 ไมล์ ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง หลุดหน้าศรีราชาไปหน่อยก็ถึงหมาย มีเรือสินค้าลำใหญ่ ๆ จอดอยู่รอบบริเวณนี้หลายลำ ทำให้แน่ใจว่าไม่ใช่เส้นทางเข้า-ออกของเรือ น่าจะเป็นทำเลที่ปลอดภัยในค่ำคืนนี้ วนหาอยู่หลายรอบ ด้วยจีพีเอส และซาวเดอร์ อ่านน้ำอ่านลมดู เป็นช่วงน้ำเริ่มลง แต่สวนกับลม จอดเรือยากต้องฝืน ๆ เอา น้ำไหลลงใต้ แต่ลมมาทางตะวันตกเฉียงใต้ ต้องเลือกทิ้งสมอที่ตะวันตกเฉียงเหนือห่างหมายสัก 15 เมตร ระดับน้ำ 17 เมตร ก็พอใช้ได้ในช่วงนี้ก่อน
เบ็ดคันแรกถูกหย่อนลงหน้าดิน ปลาเก๋าขนาด 2 กก. ก็เข้าต้อนรับเป็นประเดิม...ก่อนแสงตะวันจะลับเกาะไผ่...เป็นโชคที่ดี...เริ่มมีความหวัง ก่อนอื่นต้องหุงข้าวท้องเริ่มจะร้องว่าหิว ในเรือมีถังแก๊สปิคนิกอยู่สองลูก ใช้สำหรับปรุงอาหาร และตะเกียงแก๊ส ซึ่งถ้าเปิดแบบกลาง ๆ อยู่ได้นานถึงห้าคืน เป็นไฟส่องสะหว่างสำหรับตกหมึกไปด้วยก็เข้าท่าดี
ไข่ทอดสองฟอง ข้าวสวยร้อน ๆ คลุกกับน้ำพริกเผาโรงนา เหยาะน้ำปลาหน่อย ก็อร่อยอย่าบอกใคร อิ่มแล้วตามด้วยกาแฟดำอีกถ้วย คิดว่าปลาน่าจะฉวยดีในคืนนี้ นั่งฝันหวานไปตามเรื่อง มองดูแสงไฟบนชายฝั่งท่าเรือแหลมฉบังช่างสวยงามนัก แต่ถ้าเข้าดูใกล้ ๆ จะเห็นความมักง่ายกระจายอยู่ทั่วชายฝั่ง คราบน้ำมัน ขยะมูลฝอย ลอยอยู่ทั่วไป ตามก้อนหินเม็ดทรายล้วนไม่มีความสดใส...แล้วเราจะ ทำอย่างไร ? ถึงจะเอาประเทศไทยคืนมา...ทั้งพื้นป่า และสายน้ำ...ในภาวะโลกร้อน เราทำได้แค่ปลูกป่า และแจกกล้าไม้...ใครมีใจขอมาได้...ฟรี
ภาพที่ 6 ปลารวมเมื่อคืน
น้ำไหลแรงขึ้น ปลาก็ไม่ฉวย ตกหมึกก็ไม่ได้...แต่ใจยังมีหวัง น้ำอ่อนเมื่อไร น่าจะมีหมึกหลงทางเข้ามาบ้าง เมื่อก่อนมากับพี่สมชาย รัชตะ เปิดไฟนีออนเขียวไม่นาน ก็ขี่คร้านจะตก...วางเบ็ดตกหมึกมานอนนับดวงดาวที่แพรวพราวระยิบ ระยับเหนือหลังคาผ้าใบ บางทีก็ขึ้นมานั่งสมาธิ แผ่เมตตาถึงสัตว์ทั้งหลาย รวมถึงปลาที่หายไปจากท้องทะเลไทยด้วย...วันนี้มาหาความหมายกับขอปลากิน ตัวไหนใกล้ถึงที่ตายก็ขอให้มากินเบ็ด...ขอเนื้อเป็นอาหาร...ขอจิตวิญญานให้ได้ไปเกิดในภพชาติที่สูงขึ้น ...สาธุ
เสียงรอกร้องเบา ๆ ตามมาด้วยสร้อยนกเขาราวสองกิโล...โอ้ ! ฝันเริ่มเป็นจริง เมื่อได้หมึกเป็นมาอีกสองตัว ใกล้จะตีหนึ่งแล้ว ลมเบาลง น้ำเริ่มทรง อีกไม่นานก็จะไหลขึ้น คราวนี้เรือจะไหลตามน้ำตามลม น่าจะมีความหวังกับหมายดังในอดีต รีบถอนสมอรอท่าน้ำไว้ก่อน คิดว่าจะไม่นอนละคืนนี้...ตกหมึกต่อรอเวลาน้ำเดิน
จากน้ำอ่อนเฝ้าเบ็ดจนน้ำแรง ปลาก็ไม่ฉวย อากาศเริ่มเย็นลง น้ำค้างพรมลงพื้นเรือ เอาผ้าห่มมานอนคลุมโปงดูจะเข้าท่ากว่า จะมานั่งทรมานทำไม สักพักก็นอนหลับฝันดี ฝันว่าได้ขึ้นไปเที่ยวสวรรค์ชั้นต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่สวยงาม ประดับ ด้วยเพชรนิลจินดา ส่องแสงสว่างยิ่งกว่า ดวงไฟฟ้าบนชายฝั่ง ล่องลอยไปมา หรือว่าเราเป็นเทวดาหน้าดำ คนบาปในคราบนักบุญ มาทำพิธีปล่อยปลา ตัวไหนติดเบ็ดมาก็จะได้ขึ้นสวรรค์ ตัวไหนอันธพาลก็จะอยู่ก้นสมุทรสุดลึก กลายเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ กัดกินกันเอง อีกร้อยพันหมื่นชาติ กว่าจะได้มาเกิดเป็นปลาให้มนุษย์ที่ภพภูมิสูงกว่าได้กิน.....
ภาพที่ 7 เกาะขาม...ยามบ่าย
ฝันยังไม่ทันสิ้นก็ได้ยินเสียงรอก ร้องยาว นาน กว่าจะลุกงัวเงียขึ้นมา ใครหว่า ! มาทำลายความฝัน คนใกล้จะถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เจ้าเป็นมารมาจากไหน ต้องต่อสู้กันหน่อย จะมัวลากเบ็ดถอยอยู่ทำไม... ข้าคือยมทูต...มารับตัวเธอ...เอ้อ...เข้ามา...น่านว่าง่าย ๆ จะได้ไปเร็ว ๆ สายตาที่พร่ามัว...ควานหาตะขอเกี่ยวปลาก็ไม่เจอ...นี่แหละหวา...อยากมาตกปลาคนเดียว...อีกสักประเดี๋ยวก็ได้เกี่ยวปลาขึ้นมา...โอ้ ! นี่แหละสิ่งที่ตามหา...ปลากุเลาเบอร์ห้า...บอกว่า...ข้ามาตัวเดียว...ยังไม่ทันสว่างไอ้สร้อยก็ตามมาอีกตัว...คิดถึงแม่ครัว...มีกับข้าวใส่บาตร ทำบุญ ให้อุ่นใจแล้ว...
แสงทองจับยอดเขา น้ำฟ้าก็เป็นใจ หยุดไหลอีกครา...ชงกาแฟอีกแก้ว ขนมปังย่าง ทาแยมนิดหน่อย ก็อร่อยกำลังดี สมความปรารถนากับปลาที่ได้ ถึงจะไม่มากมาย แต่ต้องขอบใจ เพราะเขาให้ทั้งร่างกายที่เขามี ถอนสมอย้ายหมายไปว่ายน้ำเล่นที่หินกองฉลาก ฝูงปลาเล็กมากมายมากันที่นี่ เท่าที่มองเห็นสลิดหินเป็นร้อย สีขนเกาะก็มากมี เล่นกันแต่ละที น้ำกระจายแตกฟอง ด้วยเป็นหินกองขนาดใหญ่ ถ้าน้ำไหลน่าจะได้ปลา ว่ายน้ำอยู่นานจึงขึ้นมานั่งเล่น เอาข้าวเย็นวานมาต้มกับมาม่า ใส่หมึกใส่ไข่เข้าไป สังขารก็บอกว่าอยู่ได้อีกวัน
ภาพที่ 8 ยามเย็นที่สีชังก็ยังสวย
หลังเที่ยงน้ำก็ยังตาย ถอนสมอย้ายหมายมาเกาะสีชัง กางร่มนอนเล่นรอเวลาเย็นถึงจะเข้าหมาย ปลาเล็กปลาน้อยพอได้ต้มยำ ที่ข้างเกาะขามปลาใหญ่ไม่มีกิน จวนตะวันตกดินก็ออกหากินอีกที...ไม่ต่างอะไรกันในวิถีสัตว์โลกทั่วไป
สวนน้ำสวนลม แรงกว่าเมื่อวาน เป็นหมายเรือจมขนาดใหญ่ใกล้เกาะขาม เคยมาหลายครั้ง แต่ไม่ค่อยจะได้ปลา ทำยังไงได้ อ่าวไทยตอนบน...หมายไหนก็เหมือนกัน มีแต่ควานฝันถึงวันวานยังหวานอยู่ ใครจะรับรู้ถึงสิ่งที่ผ่านมา ทะเลไทยจะร้างอีกไม่นานเกินรอ แม้แต่ปลาทรายแดงที่เคยมีมากมาย ก็กลับสูญหายไปกับกาลเวลา ผมเริ่มทำใจออกตกปลาทุกครั้ง ความหวังไม่ได้อยู่ที่ปลา มันเป็นกิริยาของคนบ้าอย่างหนึ่ง ที่ต้องมาผ่อนคลาย ชำระจิตใจ ด้วยน้ำทะเลใส... แม้จะไม่ได้ปลา
คืนนี้ไม่เหมือนคืนวาน...ได้แต่อยู่กลางคลื่นลม... มีปลาอั้งเกยขนาด 3 กิโลกรัม มาฉวยตอนตีสามเพียงตัวเดียวครับ ลุยคนเดียว...ก็เสียวได้
.................... จบ.....................
ภาพที่ 9 แจกกล้าไม้...ต้นไกร...เพื่อในหลวง.....ฟรี
แสมวิวรีสอร์ท...รูปแบบโฮมสเตย์...ห้องพักพร้อมอาหาร ดูนก ตกปลา ล่องลำน้ำบางปะกง กลางดงโลมา สอนขับเรือ ขี่จักรยาน ...ด้วยบริการพิเศษ...ครั้งละไม่เกิน 3 คน...ติดต่อล่วงหน้า 038-828372-3 08-6540-0185 ป.ประจิณ 08-9097-8857 ... คืนเดียว...ก็เสียวได้...
ภาพที่ 10 บันทึกไว้ในเส้นทาง
ภาพที่ 11 หายเสียว...กับปลาเรียวเซียวและไอ้คุด ( 2 ) ตอนต่อไปเร็ว ๆ นี้
ภาพที่ 12 ลูกผู้ชาย...เรือพายกับสายน้ำ ( 3 ) กำลังเขียน
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่าน