ภาพที่ 1 ตกปลา...กีฬาสุภาพชน
ตุ้ย Mr.SHARK
กีฬา น. (นาม) กิจกรรมหรือการเล่นเพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลิน เพื่อเป็นการบำรุงแรง หรือเพื่อผ่อนคลายความเคร่งเครียดทางจิต (พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน)
แต่ทว่า ความรู้สึกทั่วไปของผู้คนในสังคมในปัจจุบันกับคำว่า "กีฬา" กลับหมายถึงการแข่งขัน การมีผู้แพ้ ผู้ชนะ (เสมอก็มีบ้างแต่สุดท้ายก็ต้องชนะหรือแพ้อยู่ดี) เป็นความตื่นเต้นสนุกสนานที่ได้ร่วมชมร่วมเชียร์ เป็นประโยชน์แก่สุขภาพร่างกายสำหรับผู้ที่ชื่นชอบและเล่นกีฬาเป็นประจำ ผู้เขียนเคยแสดงความคิดเห็นกับเพื่อนสมัยเรียนไว้ว่าในโลกนี้มีเหตุการณ์หรือสถานที่เพียงไม่กี่อย่างที่สามารถดึงดูดเอาผู้คนจำนวนมาก มาอยู่รวมในสถานที่เดียวกันได้อย่างน่าอัศจรรย์ เท่าที่เห็นก็คือ การชุมนุมทางการเมือง การประกอบพิธีทางศาสนา การแสดงคอนเสิร์ตของวงดนตรีชื่อดัง และที่แน่นอน คือ สนามกีฬา
" การตกปลา" เป็นกีฬาหรือไม่ ? สำหรับเมืองไทยเราเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมาช้านาน ต่างคนก็ต่างมีเหตุผลมีจุดยืนของตนเอง ตรงนี้จะขอข้ามไปไม่กล่าวถึงเพราะดูเหมือนจะหาคำตอบที่ชัดเจนให้ไม่ได้สักที เพียงแต่ในมุมมองของคนชอบตกปลาที่คิดเข้าข้างตนเองคนหนึ่ง หากความหมายของคำว่า "กีฬา" เป็นอย่างที่ระบุไว้ในพจนานุกรม การตกปลาก็น่าถูกจัดเป็นกีฬาได้อย่างไม่ขัดเขินเท่าใดนัก
ที่จั่วหัวเรื่องเอาไว้ว่า การตกปลาเป็นกีฬาสุภาพชน ไม่ได้มีเจตนาจะยกตนข่มท่านหรือโอ้อวดว่า การตกปลาเป็นกิจกรรมชั้นสูง คนที่จะตกปลาได้หรือตกปลาเป็น ต้องเป็นพวกเหนือมนุษย์ เก่งกาจเกินคนธรรมดา ไม่ใช่เช่นนั้นแน่นอน เพียงแต่อยากเสนอมุมมองที่อาจเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ยอมเปิดใจรับฟังความเห็น หรือแนวทางอื่น ๆ ที่อาจแตกต่างหรือไม่แตกต่างดูบ้าง
ภาพที่ 2 นักตกปลา
Angler n. (noun) = นักตกปลา แล้วคำว่า นักตกปลา มีความหมายอะไรเกินกว่า คน ๆ หนึ่งที่ถือคันเบ็ดประกอบรอก หย่อนสายเอ็นที่ปลายสายมีเบ็ดที่เกี่ยวเหยื่อลงในน้ำ เพื่อให้ปลามากินเหยื่อแล้วก็ติดเบ็ด แล้วก็หมุนรอกเก็บสายลากปลาขึ้นมาจากน้ำ ถ้าเป็นเช่นนั้นใครทำเช่นนี้ก็เป็นนักตกปลาได้ แค่นั้นเองหรือ ?
เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงได้ยินมา หรืออาจจะเป็นคำตอบหนึ่งสำหรับคำถามที่ว่า ได้อะไรจากการตกปลา ? คำตอบที่คุ้นหูที่สุดได้แก่ ได้สมาธิ ได้ความสงบ ฝึกความอดทน ระหว่างรอปลากินเหยื่อ ทำให้เป็นคนใจเย็น คิดอะไรที่สร้างสรรค์ได้หลายอย่างในระหว่างที่รอคอยปลากินเหยื่อ แล้วในระหว่างตกปลา ท่านเคยถามตนเองบ้างไหมว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า ? ถ้ามีสักคำตอบหนึ่งข้างต้น ที่เป็นความรู้สึกของท่านที่เกิดขึ้นจริง ๆ ในระหว่างการตกปลา เชื่อว่าท่านต้องตอบคำถามแก่ผู้ถามได้อย่างเต็มปากเต็มคำไม่ใช่เพียงแก้เกี้ยวเอาตัวรอดไปเท่านั้น สำหรับตัวผู้เขียนเองได้ฟังคำถามนี้มานับครั้งไม่ถ้วน แรก ๆ ก็อึกอัก ๆ ตอบไม่เต็มปากเต็มคำเพราะรู้สึกว่าบางครั้งจะเป็นการโกหกเพื่อเอาตัวรอด ไม่ให้โดนดูถูกดูแคลนว่าน่ารังเกียจเพราะชอบตกปลา หรือพยายามชี้แจงต่าง ๆ นา ๆ หวังจะให้ผู้ถามเข้าใจ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้สร้างความกระจ่างให้กับผู้ถามได้ จนกระทั่งได้พบกับคำตอบที่อิงกับความเป็นจริงและได้ใช้เป็นคำตอบประจำตัวเรื่อยมาคือ "เมื่อก่อนผมสงสัยอย่างคุณนี่แหละ ผมเลยลองไปตกปลาดู เลยหายสงสัย" ก็หมายถึงคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับผู้ถามคือ "ลองดู แล้วจะรู้" ถ้าเขาสนใจและอยากรู้จริง ๆ ทีนี้คำถามอีกหลายสิบหลายร้อยเกี่ยวกับการตกปลา การเริ่มต้น วิธีการต่าง ๆ จะพรั่งพรูออกมาให้ท่านตอบ แต่รับรองได้ว่า ท่านจะเต็มใจตอบอย่างมีความสุขกว่าคำถามแรกที่ผู้ถามถามท่านแน่นอน เหมือนกับคำเปรียบเปรยที่พูดกันเล่น ๆ ว่า "นักตกปลาโม้เก่งทุกคน"
เท่าที่ได้รวบรวมมาจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ทั้งที่มีผู้ถ่ายทอดและเฝ้าสังเกต พอจะสรุปคุณสมบัติของความเป็น นักตกปลา ได้โดยสังเขป ดังนี้
1. เป็นคนชื่นชอบการต่อสู้และอิ่มเอมกับชัยชนะ การต่อสู้ในที่นี้มิได้หมายถึงการทะเลาะวิวาท ตีรันฟันแทง แต่หมายถึง การพร้อมเผชิญกับสิ่งท้าทาย การทดสอบและถูกทดสอบ การพิสูจน์ความสามารถภายใต้ความกดดัน หรือที่เรียกกันว่า ลุ้น และเมื่อได้รับชัยชนะก็จะรู้สึกเป็นสุขหรือเป็นเกียรติในบางโอกาส ไม่ชอบอะไรที่ได้มาง่ายเกินไป มองปลาอินทรีขนาดร่วม 20 โล ที่นอนแอ้งแม้งอยู่ในตลาดสดเป็นแค่ซากสัตว์ที่เป็นอาหารทะเลประเภทหนึ่ง แต่ถ้าหากปลาตัวนั้นติดเบ็ดจากการปล่อยสายลอย หรือลากสายทรอลลิ่ง นั่นคือ "โทรฟี่"
2. เป็นคนที่ไม่ชอบความวุ่นวายเป็นอย่างมาก รักสงบ มีความสุขกับธรรมชาติ แสวงหาความรื่นรมย์จากสิ่งที่เป็นเนื้อแท้ ไม่ต้องมีการปรุงแต่ง
3. เป็นคนช่างสังเกตและจดจำ เรียนรู้และทดลอง รู้จักประยุกต์ใช้ทรัพยากรที่จำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างแยบคาย
4. เป็นคนที่รู้จักรอคอยอย่างใจเย็น อดทนในสถานการณ์ที่ต้องจำยอม แต่ไม่ฉกฉวยจนเกินงามเมื่อโอกาสมาถึง สุภาพอ่อนน้อม คำพูดติดปากและมักได้ยินอยู่เสมอ ได้แก่ ขอโทษ ไม่เป็นไร หรือบางทีก็ "อุ้ย หลุด" "เฮ้ย ! ขาด" แต่ไม่มีคำผรุสวาทใด ๆ ตามมา
5. เป็นคนรักความสุข มีสุนทรีในอารมณ์ มีความพยายามที่จะขจัดความทุกข์ ความหม่นหมองออกจากจิตใจ อารมณ์ดีสม่ำเสมอ เขินอายบ้างเมื่อตกเป็นเป้าสายตา (เช่นเวลาเตรียมตีเหยื่อแล้วมีคนไม่รู้จักนั่งมอง ลุ้นให้สายฟู่) แต่จะพยายามวางท่าผึ่งผายเมื่อตกเป็นเป้าสายตาอีกเช่นกัน (ในขณะอัดปลา) บ้ายอพอสมควร
6. ไม่ใช่นักลงทุน ไม่หวังผลกำไร ข้อนี้เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่า ใครคาดหวังจะตกปลาให้คุ้มกับค่าใช้จ่าย มักจะถูกแนะนำให้ "กำเงินไปตลาด" จะดีกว่า
7. ไม่มีความรู้หรือความคิดในสมองในเรื่องเล่ห์เหลี่ยม กลโกง การเอารัดเอาเปรียบ มีแต่น้ำใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ข้อนี้สำคัญที่สุด
8. ว่ากันว่า นักตกปลาเป็นผู้ที่ใช้ชีวิตคุ้มค่า ข้อนี้จริงเท็จอย่างไร คงต้องค้นหาคำตอบกันดูเอง
ภาพที่ 3 กฎ กติกา มารยาท
มีสิ่งที่ผู้เขียนครุ่นคิดอยู่เสมอในฐานะที่เป็นคนชื่นชอบการเล่นกีฬาคนหนึ่ง ว่ากติกาสำหรับกีฬาประเภทต่าง ๆ มีไว้ทำไม ? หากตอบโดยไม่ต้องคิดมากก็คงตอบว่า เพื่อให้การเล่นกีฬาประเภทนั้น ๆ เล่นได้อย่างถูกวิธีและมีความสนุก ไม่สับสนวุ่นวาย ควบคุมได้ง่าย แต่สำหรับการตกปลาในบ้านเราเท่าที่ได้ศึกษาดูกลับกลายเป็นว่า ผู้จัดแข่งขันกลับต้องปวดหัวในการกำหนดกฎ กติกา สำหรับการแข่งขันในหลักการที่ว่า ทำอย่างไรจะป้องกันมิให้เกิดการโกงได้ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ? ตรงนี้จะว่าผู้เขียนมองโลกในแง่ร้ายก็ยอม แต่เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ยกตัวอย่างกติกาการแข่งขันตกปลาตามบ่อตกปลาต่าง ๆ ที่ควรจะกำหนดขึ้นอย่างง่ายดาย ไม่สลับซับซ้อน ผู้จัดแข่งขันกลับต้องพยายามเรียนรู้ให้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมกลโกงของผู้เข้าแข่งขันบางคน และอุดช่องว่างมิให้เกิดการโกงให้ได้ เว้นแต่ผู้จัดจะวางแผนโกงเสียเอง
การแข่งขันตกปลาทะเลที่จัดขึ้นในแต่ละครั้งแต่ละสถานที่ก็เช่นกัน ปัญหาประการสำคัญคือ ทำอย่างไรจะสามารถควบคุมผู้เข้าแข่งขันให้แข่งขันภายใต้กติกาที่กำหนดได้ แต่ด้วยข้อจำกัดต่าง ๆ ผู้จัดแข่งขันจึงมักจะต้องกำหนดว่า ให้ใช้ความมีน้ำใจเป็นนักกีฬาของผู้เข้าแข่งขันเองเป็นการควบคุม ซึ่งเป็นกติกาจำเป็นสำหรับการแข่งขันตกปลาทะเลในเมืองไทยไปแล้ว ใครโกง ? มีการโกงกันจริง ๆ หรือไม่ ? หรือโกงอย่างไร ? ก็ไม่ขอกล่าวถึงอีกเช่นกัน เพียงแต่จะชี้ให้เห็นว่าหากคนเราอยากได้ชื่อว่าเป็นนักตกปลา และยอมรับการตกปลาเป็นกีฬาแล้ว ก็ควรเล่นกีฬา ด้วยความเป็น "สุภาพชน" ซึ่งหมายถึง ผู้ดี ผู้มีเกียรติ หรือโดยสรุปคือ เป็นนักกีฬาให้เต็มตัว
ภาพที่ 4 รัก แต่ไม่หลง อุปกรณ์
เป็นที่รู้ ๆ กันอยู่ว่าทุกวันนี้อุปกรณ์ตกปลามีให้เลือกซื้อเลือกใช้กันอย่างมากมายมหาศาล ทั้งของดีราคาแพง ของดีราคาถูก ของแพงคุณภาพธรรมดา หรือของถูกคุณภาพรับไม่ได้ ก็แล้วแต่จะเลือกซื้อเลือกใช้กันตามอัธยาศัย ลำพังท่านผู้มีอันจะกินจะซื้ออุปกรณ์ตกปลาราคาแพงระยับมาประดับตู้หรือใช้งานจริง ๆ ขนาดถ้าโละขายเมื่อไหร่พอซื้อบ้านได้เป็นหลังอันนี้ก็มิบังอาจไปก้าวก่าย ผู้เขียนเองก็นิยมชมชอบและใช้อุปกรณ์ตกปลาบางชิ้นที่เรียกว่าบ่งบอกถึงรสนิยมบ้างเหมือนกัน เป็นห่วงก็แต่น้อง ๆ เยาวชนผู้สนใจและฝักใฝ่จะเรียนรู้ให้ถึงแก่นแท้ของกิจกรรมการตกปลาจะหลงทิศหลงทาง การเลือกกิจกรรมการพักผ่อนนี้ช่วยคลายสมองลดความเครียดจากการตรากตรำศึกษาเล่าเรียนก็นับว่าเป็นสิ่งที่สมควรส่งเสริม แต่ด้วยความที่ยังหารายได้ด้วยตนเองไม่ได้ ยังต้องพึ่งพาผู้ปกครองอยู่หากถูกปลูกฝังให้ลุ่มหลงว่า จะเป็นนักตกปลาที่เป็นที่ยอมรับ ต้องใช้อุปกรณ์ระดับนั้นระดับนี้ ราคาต้องขนาดนี้ถึงจะเรียกว่ามีรสนิยม ไม่กระจอก อย่างนี้ไม่เฉพาะตัวน้อง ๆ เองที่ต้องว้าวุ่นใจจนตกปลาไม่เป็นสุข เพราะไม่มีอย่างเพื่อนอย่างพี่ ความเดือดร้อนก็ยังลามไปถึงผู้ปกครองของน้อง ๆ ด้วย จนอาจพาลเกิดภาพติดลบต่อกิจกรรมการตกปลานี้ไปเลยว่าสิ้นเปลืองขนาดหนัก เป็นเหตุให้เลิกสนับสนุนไปโดยปริยาย
ผู้เขียนเองจำได้ว่าเมื่อตอนเด็ก ๆ ก็เคยไปยืนเกาะตู้กระจกมองดูรอกตกปลาระดับอินเตอร์ที่ร้านขายอุปกรณ์แห่งหนึ่งอยู่เป็นประจำ และก็จำได้ว่าความคิดในวัยเยาว์นั้นมิได้สลับซับซ้อนอันใดนอกจากเห็นว่าสีทองของมันช่างสวยจริง ๆ ส่วนคุณภาพก็เห็นตามหนังสือเขาบอกว่าดี เชื่อตามผู้ใหญ่ว่าไม่ธรรมดา ส่วนที่เหลือก็คือมันแพง ซึ่งความแพงนี่น่าจะเป็นสิ่งบ่งบอกได้ว่า เรารักการตกปลาจริง ๆ ถ้ายอมเสียเงินก้อนโตเพื่อเป็นเจ้าของ คนอื่น ๆ เขาคงชื่นชม ต่อเมื่อเติบใหญ่ขึ้นเมื่อผู้เขียนมีปัญญาเป็นเจ้าของได้จริง ๆ ก็ต้องเปลี่ยนมุมมองไปโดยสิ้นเชิง
ของแพงคุณภาพดี ไม่มีใครเถียง แต่มันก็เป็นเพียงวัตถุชิ้นหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อมาให้เราใช้งาน ไม่ใช่มาเป็นลูกแหง่ให้เราประคบประหงม "นักรบจะได้รับเหรียญกล้าหาญก็ต่อเมื่อได้สร้างวีรกรรมในสนามรบฉันใด อุปกรณ์ตกปลาก็จะแสดงประสิทธิภาพเมื่อมันได้นำออกใช้งานฉันนั้น" ผู้เขียนเองยอมรับโดยไม่มีเงื่อนไขเลยว่า ยังไม่มีความเข้าใจในการสะสมอุปกรณ์ ต้องขออภัยท่านนักสะสมไว้ ณ ที่นี้ด้วย หากมีโอกาสก็จะพยายามเรียนรู้ทำความเข้าใจ ตัวผู้เขียนเองได้แต่ซื้ออุปกรณ์มาแล้วก็ใช้ตามหน้าที่ของมัน ดูแลรักษาตามปกติให้ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ "สภาพมันดูเก่าลงตามกาลเวลาแต่คุณค่าของมันเพิ่มขึ้นทุกวัน" มันเป็นความภูมิใจส่วนตัวจริง ๆ ที่เวลาตกปลาได้แล้วนำมาถือถ่ายภาพ ปลาหลากชนิดหลายขนาดที่ตกได้เปลี่ยนไปตามโอกาส แต่อุปกรณ์คือชุดเก่งชุดเดิม และก็วางแผนไว้ว่าเมื่อมันหมดสภาพไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป นี่แหละคือสิ่งที่ควรค่าแก่การสะสมไว้ ทุกครั้งที่เปิดตู้หยิบออกมาดู ภาพแห่งอดีตที่มันได้รับใช้เราคงย้อนกลับมาในความทรงจำให้เราภาคภูมิใจ และจะยิ่งทะนุถนอมมันยิ่งกว่าในขณะที่มันยังมีสภาพดีใช้งานได้อยู่เสียอีก
ผู้เขียนเคยไปพักผ่อนตกปลาอยู่ที่บ่อตกปลาแห่งหนึ่ง แล้วก็แปลกใจกับภาพที่เห็น คือ มีน้องเยาวชนคนหนึ่ง ใช้อุปกรณ์ตกปลาชุดหรูหราเท่าที่พอรู้ก็ราคาหลายเงินอยู่ น้องเขาปั้นเหยื่อประกอบทุ่นลอย แล้วตีสายเบ็ดด้วยท่าทางทะมัดทะแมงออกไป แล้วบรรจงวางคันเบ็ดลงอย่างนุ่มนวล เปิดเสียง ฟรีสปูลเรียบร้อย แต่แอคชั่นต่อมาที่เห็นชวนให้นึกสงสัย (ขอโทษทีที่ต้องเสียมารยาทแอบมอง) คือหลังจากเหยื่อและทุ่นถูกส่งไปยังเป้าหมายกลางบ่อแล้ว แทนที่น้องเขาจะเฝ้ามองทุ่นของตัวเองว่ามีปลามาฉวยหรือไม่ น้องเขากลับมองเพื่อนนักตกปลาที่เดินผ่านไปมาหน้าซุ้มที่น้องเค้านั่งอยู่ เดาจากภาพที่เห็นได้ว่าน้องคนนี้คอยสังเกตว่ามีใครมองอุปกรณ์ของเขาบ้างหรือเปล่าแทนที่จะคอยสังเกตทุ่น แล้วก็มีเรื่องน่าคิดอีกสำหรับนักตกปลาบ่อบางท่าน ถ้าเข้าไปทักทายขอดูขอชื่นชมหรือซักถามเรื่องอุปกรณ์ มักจะได้รับการต้อนรับและยินดีสนทนาด้วย แต่ถ้าเข้าไปขอเปิดดูถังเหยื่อหรือถามถึงส่วนผสมว่าทำไมปลาถึงได้ฉวยถี่นัก น้อยคนนักที่จะยอมให้ดูหรือคุยด้วย เป็นอย่างนั้นไป
ภาพที่ 5 ขอยกคำพูดของอาจารย์ของผู้เขียนมาประกอบสำหรับเรื่องอุปกรณ์ว่า มีอุปกรณ์สิบชุด ก็ใช้ได้ทีละชุดเดียว อย่างนี้น่าจะเป็นข้อคิดสำหรับน้อง ๆ เยาวชนผู้สนใจการตกปลาได้บ้าง หากจะเลือกซื้ออุปกรณ์ ขอให้ความใจเย็นซึ่งเป็นคุณสมบัติของนักตกปลาอยู่คู่กับน้อง ๆ เลือกดูให้ดี หากจะซื้อของราคาแพงก็ควรเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานที่สุด คุ้มค่าที่สุด อย่าเห่อตามแฟชั่น และที่สำคัญอย่าทำให้ตัวเองหรือผู้ปกครองต้องเดือดร้อน เมื่อได้มาก็จงรักมัน ใช้งานและดูแลตามปกติ แต่อย่าหลงมัน ถึงขนาดเอาวางข้างหมอนนอนดูจนหลับไปทุกคืน หกเดือนแล้วยังไม่ได้เอาไปใช้ตกปลาเสียที อย่างนี้ก็คงเกินไปและถือว่าผิดวัตถุประสงค์
ภาพที่ 6 กิน หรือ เกม
การปฏิวัติยึดอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกใบนี้ก็คือการที่มนุษย์ประกาศและขนานนามว่านี่คือ "โลกมนุษย์" โดยไม่ต้องรอให้สิ่งมีชีวิตอื่นที่อยู่ในโลกนี้ด้วยร่วมลงประชามติ ทั้งที่ทางชีววิทยา มนุษย์ก็คือสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่ธรรมชาติได้สรรสร้างขึ้นให้อยู่ร่วมในวงวัฏฏกับสิ่งมีชีวิตประเภทอื่น ๆ ซึ่งพฤติกรรมพื้นฐานต่าง ๆ ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก เช่น ต้องบริโภคเพื่อดำรงชีพ ต้องสืบพันธุ์เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ ว่าถึงเรื่องสรีระที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการบริโภคของมนุษย์เราก็ลองสังเกตดูจะเห็นว่า ฟันในปากของเราถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานรอบด้าน มีทั้งฟันตัดกับฟันเขี้ยวสำหรับฉีกอาหารประเภทโปรตีนซึ่งมีความจำเป็นต่อร่างกาย เช่น เนื้อสัตว์ต่าง ๆ และฟันบด เพื่อให้อาหารละเอียด เราสามารถบริโภคอาหารได้หลากหลายประเภททั้งพืชและสัตว์จึงเกิดข้อเปรียบเทียบว่ากระเพาะอาหารของมนุษย์เราคือป่าช้าที่ใหญ่ที่สุด
เมื่อธรรมชาติกำหนดให้เรามีความจำเป็นต้องเสาะหาอาหารประเภทโปรตีนมาบริโภคเพื่อดำรงชีพเช่นนี้ ธรรมชาติจึงได้ปลูกฝัง สัญชาตญาณ "ดิบ" ไว้ในส่วนลึกของจิตใจมนุษย์เรา นั่นคือสัญชาตญาณในการ "ล่า" คล้ายกับบรรดาสัตว์กินเนื้อทั้งหลายที่ดำรงชีพด้วยชีวิตของสัตว์อื่นที่อ่อนแอกว่านั่นเอง
แต่เมื่อมนุษย์ได้รู้ว่าตนเองคือสิ่งมีชีวิตที่ทรงภูมิปัญญา อยู่ร่วมกันในสังคมและสร้างระบบการแลกเปลี่ยนขึ้น การหาอาหารประเภทโปรตีนมาบริโภคไม่จำเป็นต้องลงมือ "ล่า" ด้วยตัวเองอีกต่อไป สัญชาติญาณ "ดิบ" เลยถูกเปลี่ยนเป็น สัญชาตญาณ "สุก" แทน คือ แทนที่จะล่าเพื่อเป็นอาหารอย่างเดียว ก็กลายเป็นการล่าเพื่อความสนุกสนาน เหมือนกับลูกแมวบ้านที่ติดนิสัยของแมวป่าอยู่ เล่นตะปบหลอดด้ายอย่างน่าเอ็นดู แต่แท้จริงแล้วนั่นคือกระบวนการหนึ่งในการฝึกฝนการล่าตามสัญชาตญาณของมัน การตกปลาก็เป็นกิจกรรมหนึ่งที่เป็นสิ่งยืนยันถึงส่วนลึกในจิตใจของมนุษย์คล้าย ๆ กัน
มาถึงตรงนี้ท่านผู้อ่านคงจะพอจะเดาได้ว่าผู้เขียนเห็นว่าการตกปลาไม่ว่าจะตกปลามากินหรือตกปลาเป็นเกม ล้วนมีพื้นฐานเดียวกัน อยู่ที่ว่าท่านจะเลือกใช้สัญชาตญาณ "ดิบ" หรือ "สุก" ซึ่งไม่ต้องไปซีเรียสว่าอะไรถูกอะไรผิด เพราะตรงนี้ไม่มีกฎเกณฑ์ใด ๆ มาบังคับ ธรรมชาติให้เรามาแบบนี้เอง แต่สำหรับบรรทัดนี้อยากจะวิงวอนและกระตุ้นเตือนถึงทุก ๆ ท่านว่า เมื่อมนุษย์เราอ้างสิทธิที่ชอบธรรมหรือไม่ก็ไม่รู้ประกาศว่านี่คือ โลกมนุษย์ นอกจากเราจะ ครอบครอง แล้ว เรายังมีหน้าที่ต้อง ดูแลรักษา ด้วย
ภาพที่ 7 ว่ากันเรื่อง "ปลากิน" ก่อน ซึ่งคงไม่ยากเท่าไหร่นักที่จะทำความเข้าใจ ว่ากันซื่อ ๆ ก็คือปลาอะไรที่ตกขึ้นมาได้ไม่ว่าจากน้ำจืดหรือน้ำทะเล และสามารถนำมาปรุงเป็นอาหารบริโภคได้ ก็เรียก "ปลากิน" ได้ทั้งนั้น มีเรื่องน่าขันอยู่เหมือนกันที่ว่าปลาที่อยู่ในประเภท "ปลาเกม" หลายชนิดก็นำมาเป็นอาหารได้ แต่ "ปลากิน" แท้ ๆ ไม่เป็น "ปลาเกม" สรุปว่า ปลาเกมเป็นปลากิน ได้ แต่ ปลากินเป็นปลาเกม ไม่ได้ น่าเวียนหัวดีแท้
นักตกปลามักจะมอง "ปลากิน" เป็นปลาประเภทสอง (ไม่ใช่ปลาลักเพศ) เอาไว้แก้ขัด แก้เซ็ง เวลาหาปลาเกมตกไม่ได้ (อาภัพจริงหนอเจ้าปลาพวกนี้) เอาไว้เปิดหรือปิดทริพ อย่างการลงเรือออกตกปลาทะเล นักตกปลาที่มีอุปกรณ์หลายชุดหลายเกรดเวลาออกทริพมักจะหวงเอาชุดที่เกรดสูงหน่อยไว้สำหรับตกปลาเกม ปลากินอย่าได้หวังสะเออะมาแหยมให้เสียราคา รอกเก่า ๆ คันเบ็ดโทรม ๆ จึงมักถูกใช้สำหรับภารกิจนี้ เกี่ยวเหยื่อแบบไม่ต้องประณีตบรรจงนัก ส่ง ๆ ลงน้ำไป ปลาจะฉวยหรือไม่ก็ไม่ใส่ใจเท่าไหร่
แต่พอเกิดรายการ "ผิดคิว" ขึ้นมา เช่น ใช้ชุด 10 ปอนด์ เกี่ยวเบ็ดด้วยเศษหมึกกะว่าจะตกไอ้เปียมาทอดกินแกล้มเบียร์สัก 3 - 4 ตัว แต่เจอโฉมงามไซส์ 6 กิโล หิวโซตาลายเข้าฉวยเหยื่อ เลยเกิด Mission Impossible ขึ้น ถ้าโชคดีปลาไม่มีแรงสู้เบ็ดมากนักเพราะอดอาหารมาหลายวัน ได้ตัวขึ้นมาก็กลายเป็นโทรฟี่ตัวงาม โยนคันเบ็ดที่อัดปลาได้ทิ้งอย่างไม่ใยดี คว้าคันรวมรอกชุดละสองหมื่นเศษที่ประกอบไว้แต่ยังไม่ได้ลงเหยื่อมาถือคู่กับปลาถ่ายรูป กดชัตเตอร์กันไม่ยั้งมือจนตาพร่า ฝีมือครับฝีมือ
กับการออกตกปลาตามซากเรือจมต่าง ๆ ในทะเลด้านอ่าวไทย ซึ่งปลาที่มักพบและตกได้กันบ่อย ๆ มักเป็นปลากินประเภท อั่งเกย แดงเขี้ยว เก๋า อังกุลี กะรังชนิดต่าง ๆ สร้อยนกเขา กุดสลาด ฯลฯ ส่วนใหญ่เป็นปลาเนื้อดีมีราคา นักตกปลามักคาดหวังที่จะตกปลาเหล่านี้ให้ได้ปริมาณที่พอใจ แต่บางท่านรังเกียจที่จะใช้สายเบ็ดใหญ่ระดับ 30 ปอนด์ หรือกว่านั้น นัยว่ามันเป็นการ "เอาเปรียบปลา"
ผู้เขียนกลับเห็นว่าเมื่อมนุษย์เราเริ่มรู้จักใช้ รอก คันเบ็ด และอุปกรณ์ประกอบต่าง ๆ ในการตกปลา นั่นก็คือการเริ่มต้นเอาเปรียบปลาแล้ว ขนาดของสายเบ็ดเพียงบ่งบอกว่า เอาเปรียบมากหรือน้อย ถ้าจะไม่เอาเปรียบเลยก็คงต้องกระโดดลงน้ำ (อย่าลืมกระตุ้นสัญชาตญาณ "ดิบ" ขึ้นมาด้วย) ดำลงไปจับปลาด้วยสองมือเปล่าว่ากันตัวต่อตัวใครดีใครอยู่ เท่าที่เห็นนักตกปลาออกตกปลาซากเรือจมส่วนใหญ่ก็หวังจะได้ปลากินเนื้อดีเป็นหลัก ให้ได้ปริมาณพอใจในเวลาจำกัด แล้วก็ปลาที่กล่าวข้างต้นมักจะเป็นปลาประเภทที่มีถุงลมในตัว จริงอยู่ว่าท่านสามารถทำให้เกิด "เกม" ขึ้นได้โดยใช้สายเบ็ดเล็ก แต่เกมนี้มักจะไม่ยืดเยื้อ พอปลาถูกดึงขึ้นมาจนปรับความดันในตัวไม่ทัน ถุงลมปลาพองขึ้นก็หมดสภาพไม่มีแรงสู้เบ็ดต่อไป เท่าที่เห็นการตกปลาตามซากเรือจมก็เห็นเน้นกันให้ได้ตัว เร่งปั๊มรีบอัดให้ขึ้นมาไว ๆ เพื่อจะได้ลงเหยื่อกันใหม่เร็ว ๆ เน้นปริมาณกันเกือบทุกท่าน จริง ๆ ถ้าใช้สายเบ็ดใหญ่สักนิดก็จะตกปลาได้จนถึงปริมาณที่ "พอแล้ว" ได้เร็วขึ้น เห็นด้วยหรือไม่ผู้เขียนมิได้เป็นกังวล สุดแต่วิจารณญาณของแต่ละท่าน
ภาพที่ 8 ส่วน "ปลาเกม" หรือ "Game Fish" เป็นอะไรที่ (ขอใช้สำนวนฮิตหน่อย) แตกต่างออกไป ตรงนี้ไม่ขอสาธยายว่าปลาเกมทั้งน้ำจืดน้ำเค็มมีปลาอะไรบ้าง เพราะท่านคงจะรู้กันอยู่หรือหาข้อมูลได้ไม่ยาก แต่การตกปลาเกมนี่เป็นการใช้สัญชาตญาณ "สุก" ล้วน ๆ คือ การแสวงหาความท้าทาย การเรียนรู้ สู่ความสำเร็จและความทรงจำ เสน่ห์ของปลาที่จัดเป็นปลาเกมคือ เรี่ยวแรงกำลังในการต่อสู้ ซึ่งเป็นจุดที่นักตกปลาถวิลหาเพื่อการพิสูจน์ตัวเอง วงการตกปลาทั่วโลกยังคงยึดถือเอาปลาประเภท "ปลาเกม" เป็นที่ยอมรับว่านี่คือปลาที่ตกเพื่อเป็น "กีฬา" หากเป็นการแข่งขันตกปลาประเภทนี้ นักตกปลาผู้เข้าแข่งขันก็จะถูกเรียกขานว่า "นักกีฬาตกปลา"
นอกจากนั้นยังมีข้อปลีกย่อยอื่น ๆ ที่แฝงอยู่ในการตกปลาที่เป็น "เกม" ไม่ว่าจะเป็นการตระเตรียมความพร้อมของอุปกรณ์ ว่ากันว่าจะตกปลาเกมสร้างตำนานให้ตัวเองทั้งที มันต้องใช้อุปกรณ์ระดับที่เรียกว่าสมศักดิ์ศรีหน่อย การเลือกขนาดแรงดึงของสายเบ็ดที่จะใช้ การผูกเงื่อน ขนาดของตัวเบ็ด ลูกหมุน ลีดเดอร์ การเลือกเหยื่อไม่ว่าจริงหรือปลอมที่เหมาะสมกับปลาที่ต้องการตก วิธีการประกอบหรือเกี่ยวเหยื่อ สร้างแอ็คชั่นให้เหยื่อปลอม วิธีการตีสายเบ็ดด้วยรอกประเภทต่าง ๆ การปล่อยสายลากเหยื่อ สายลอย สายหน้าดิน ความรู้เกี่ยวกับกระแสน้ำ กระแสลม ลักษณะและวิธีการกินเหยื่อของปลา วิธีการสู้ปลา ฯลฯ
ใครที่บอกว่าความเพลิดเพลินที่สุดของการตกปลาเกิดขึ้นเมื่อปลาติดเบ็ดและกำลังต่อสู้กับเราอยู่ คงต้องย้อนกลับมาคิดถึงสิ่งเหล่านี้ว่านั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น มีองค์ประกอบอื่นมากมายในการตกปลาที่ทำให้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลินผ่อนคลายความเคร่งเครียดทางจิตอย่างแท้จริง เป็น "กีฬา" ตามที่พจนานุกรมว่าไว้ แล้วคำกล่าวที่มักได้ยินนักตกปลาเอ่ยให้ได้ยินกันบ่อย ๆ ที่ว่า "แค่เอาสายเบ็ดจุ่มน้ำ ก็เป็นสุขแล้ว " ก็จะเป็นความจริง ไม่ใช่แค่วลีที่เอาไว้ออกตัวแก้เขินเวลาตกปลาไม่ได้เท่านั้น
ภาพที่ 9 แก่น
เมื่อหลายปีมาแล้วผู้เขียนเคยชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลต่างประเทศนัดหนึ่ง ฟังการบรรยายของผู้บรรยายชาวไทยตามเกมการแข่งขันไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมีผู้เล่นคนหนึ่งได้ลูกบอลเลี้ยงเดี่ยวเข้าหาประตูฝ่ายตรงข้าม มีผู้เล่นกองหลังของอีกทีมหนึ่งวิ่งไล่ตามมากระชั้นชิด ผู้เล่นที่ครองบอลพาบอลเข้าเขตโทษได้กำลังจะยิงประตู ผู้เล่นกองหลังคนนั้นเห็นว่าไม่ทันการณ์เงื้อเท้าทำท่าจะเตะขาผู้เล่นที่ครองบอลจากทางด้านหลัง แต่แล้วก็เกิดเปลี่ยนใจไม่ยอมเตะ ผู้เล่นที่ครองบอลเลยทำประตูได้
ตอนนี้ผู้บรรยายแสดงความเห็นว่า ยังไงก็ต้องเตะทำฟาล์วไว้ก่อนไม่ให้ยิงประตูได้ จะเสียลูกโทษที่จุดโทษก็วัดดวงเอา อาจจะยิงลูกโทษไม่เข้าก็ได้ หรือจะโดนใบแดงก็ไม่เป็นไรเพราะเป็นมืออาชีพ เรื่องนี้ท่านรู้สึกกันอย่างไร หลายท่านอาจมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาเพราะเป็นเรื่องของเกม และทุกวันนี้การเล่น "นอกเกม" ดูเหมือนจะกลายเป็น "ส่วนหนึ่งของเกม" ไปซะแล้ว ท่านว่าเยาวชนหลายแสนหรืออาจถึงล้านคนที่นั่งชมการถ่ายทอดสดอยู่ฟังแล้วจะเห็นคล้อยตามหรือไม่ ถ้าเห็นคล้อยตามกันหมด ท่านลองคิดดูว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น
กับการตกปลาก็เป็นกิจกรรมที่มีเยาวชนสนใจอยู่ไม่ใช่น้อย ส่วนใหญ่เป็นผลต่อเนื่องมาจากความรักในธรรมชาติและการใช้ชีวิตกลางแจ้ง แต่ถ้าถูกปลูกฝังว่าการตกปลาเป็นเรื่องของคนมีสตางค์ อุปกรณ์ตกปลาเป็นเครื่องประดับหรือเครื่องบอกระดับ มีอุปกรณ์มากชิ้นคือผู้น่านับถือตกปลาได้คือตกปลาเป็น ตกปลาได้มากคือตกปลาเก่ง ตกได้ปลาตัวใหญ่คือโปร ฯ ปลาหลุดปลาขาดเป็นเรื่องน่าอดสู ท่านลองคิดดูว่าต่อไปอะไรจะเกิดขึ้น
ดังที่กล่าวไว้ในตอนต้นแล้วว่า ในความรู้สึกของผู้คน "กีฬา" ในทุกวันนี้ เน้นหนักไปที่การแข่งขัน ไม่เฉพาะการพักผ่อนคลายความเครียดเพียงประการเดียว การต้องมีผู้แพ้ ผู้ชนะ แล้วเมื่อพวกเรา นักตกปลา เห็นพ้องต้องกันว่าการตกปลาเป็นกีฬาที่แท้จริงแล้ว เราก็ควรต้องยอมรับด้วยว่า แก่นแท้ของการแข่งขันกีฬาคือ ต้องไม่รู้ผลแพ้ชนะ จนกว่าการแข่งขันจะเสร็จสิ้น ผู้เขียนมิได้หมายถึงการแข่งขันระหว่างนักตกปลาด้วยกันเองโดยมีปลาเป็นตัวบ่งชี้ชัยชนะ แต่หมายถึงระหว่าง "คนกับปลา" ถ้าพูดว่าการตกปลาคือกีฬาแต่สูตรสำเร็จคือ "ปลาต้องเป็นผู้แพ้ นักตกปลาต้องเป็นผู้ชนะร่ำไป" อย่างนี้จะเรียกว่าเป็นการแข่งขันกีฬาก็ป่วยการ การเป็นผู้ชนะอย่างขาวสะอาด การเรียนรู้ความผิดหวังหรือผิดพลาด รู้จักความพ่ายแพ้และยอมรับหลังจากพยายามเต็มกำลังแล้ว ควรจะเป็นอุดมคติ เป็นคุณสมบัติประจำตัวของผู้ที่เป็น นักตกปลา ทุกคน ปลูกฝังจนเกิดเป็นนิสัยส่งผลต่อเนื่องไปจนถึงการใช้ชีวิตด้วยเลยก็จะเป็นการดี เพราะนี่แหละคือ ตกปลา ได้อะไรมากกว่าปลา อย่างที่เขาว่ากัน
ภาพที่ 10 บทสรุป
ผู้เขียนมิได้เจตนาจะชี้นำโน้มนาวให้ผู้ใดต้องปฏิบัติตามข้อเขียนนี้ หรือทำให้การตกปลากลายเป็นเรื่องยุ่งยากมากเรื่องไป ทั้งหมดทั้งสิ้นเกิดจากมุมมองของตัวเองส่วนหนึ่งและจากแนวทางที่เป็นสากลอีกส่วนหนึ่ง ลำพังผู้เขียนเองมิได้มีประสบการณ์มากมายนักแต่บังเอิญได้มีโอกาสศึกษา สัมผัส และเรียนรู้จากบุคคลและเหตุการณ์ใกล้ตัว จึงอยากจะแสดงความรู้สึกผ่านตัวหนังสือออกมาบ้างเท่านั้น สิ่งที่ผู้เขียนมุ่งเน้นคือบรรดาเยาวชนที่สนใจในกิจกรรมตกปลาจะได้มีข้อคิดในอีกแง่มุมหนึ่งบ้าง รวมทั้งสังคมรอบข้างที่อาจจะยังมีอคติอยู่ได้รับรู้รับทราบและทำความเข้าใจได้มากยิ่งขึ้น
ขอเน้นย้ำเพียงว่า หากเรามุ่งหวังให้การตกปลาเป็นที่ยอมรับว่าเป็น "กีฬา" นักตกปลาก็ต้องเป็น "นักกีฬา" และเป็น "สุภาพชน" เราถึงจะได้รับการยอมรับ ท่านผู้อ่านจะเห็นด้วยหรือไม่สุดแต่จะพิจารณา แต่ผู้เขียนเชื่อว่าท่านมีความเป็น "นักตกปลา" อยู่อย่างสมบูรณ์ครบถ้วนทุกคนแล้ว
...................................
(ตีพิมพ์ในนิตยสาร Fish & Game ฉบับที่ 3)
ภาพที่ 11(และ 4)
ภาพที่ 12 ตุ้ย Mr.SHARK 4 พฤศจิกายน 2545