ภาพที่ 1ประวัติ หลวงพ่อมี เขมธัมโม วัดมารวิชัย จ. อยุธยา
ท่านพระครูเกษมคณาภิบาล หรือหลวงพ่อมี เขมธัมโม มีชื่อเดิมเต็ม ๆ ว่า บุญมี ถือกำเนิดในตระกูล ธนสนธิ์
ชื่อของท่านโยมบิดามารดาสมมตินามขึ้นเพื่อเรียกขาน อันมีความหมายถึง การมีกุศลแห่งความสุข ที่ร่ำรวยมีอันจะกินมิได้ขาด
มาปัจจุบัน ลูกศิษย์ลูกหาต่างเรียกนามองค์ท่านแบบสั้น ๆ ว่า หลวงพ่อมี จนติดปากกันมาจวบปัจจุบัน ถือเป็นมงคลนามอย่างใหญ่หลวง
ในวัยเด็ก หลวงพ่อมี เป็นเด็กที่อ่อนแอและขี้โรคมาก ท่านมีโรคประจำตัวเจ็บป่วยออด ๆ แอด ๆ อยู่เสมอ เรียกว่า สามวันดีสี่วันไข้
ไม่ว่าอากาศจะร้อนนิดหนาวหน่อยก็ป่วย ถ้าอากาศร้อนขึ้นก็จะเกิดอาการชักขนาดถูกแมวหรือสุนัขชนถูกตัวเท่านั้นก็ชักแล้ว
ดังนั้น หลวงพ่อมี จึงเป็นเด็กที่มีรูปร่างผอมโซ แบบเด็กพุงโรก้นปอด เหมือนเป็นตาลขโมยไม่มีผิด ลักษณะเซื่อง ๆ ซึม ๆ ขี้อาย
ไม่ช่างพูดและไม่เล่นหัวเหมือนกับเด็กชาวบ้านโดยทั่วไป คล้าย ๆ กับเป็นเสมือนปัญญาอ่อน เหล่านี้คือบุคลิกของหลวงพ่อมีในวัยเด็ก
ซึ่งปราศจากวี่แววแห่งความรุ่งโรจน์ของชีวิตในอนาคต ไม่ว่าจะมองไปในแง่ใด ตามสายตาที่แสดงความเป็นห่วงของญาติผู้ใหญ่และชาวบ้านข้างเคียงทั้งปวง
ภาพที่ 2ธรรมชาติสร้างสรรค์มนุษย์ให้เกิดมา ถ้าจะว่ากันแล้วก็ต้องเป็นไปตามกฎแห่งกรรม มีดีก็มีชั่ว มีขาดต้องมีเกิน
เหมือนดังตัวอย่างในวัยเด็กของหลวงพ่อมี ที่ไม่มีผู้ใดสามารถคาดการณ์อนาคตของท่านว่าจะเป็นพระอาจารย์เรืองวิชา
ที่มีชื่อเสียงโด่งดังได้กล่าวคือ หลวงพ่อมี มีคุณสมบัติพิเศษที่ผิดแปลกไปจากเด็กชาวบ้านธรรมดา ๆ ตรงที่ท่านเป็นเด็กที่มีใจบุญสุนทาน
ชอบติดตามบิดามารดาเข้าวัด ถ้าถูกห้ามปรามไม่ให้ตามไปด้วยจะต้องร้องไห้คร่ำครวญจนถึงกับชักตาตั้ง ซึ่งก็เป็นเรื่องอัศจรรย์อยู่ไม่น้อย
ที่เด็กเซื่องซึมคล้ายปัญญาอ่อนจะมีความกระตือรือร้นในการไปวัด อันเป็นการส่อแววการเป็นเกจิอาจารย์ของหลวงพ่อมีมาแล้วตั้งแต่ยังเล็กๆ
ดังนั้น เมื่อพี่ชายคนโต คือ หมอแบนมาอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดมารวิชัย หลวงพ่อมี ขณะนั้นมีอายุเพียง 12 ปี
จึงขอบิดามารดาติดตามพระพี่ชายมาอยู่ด้วยทันที ในตอนแรกบรรดาญาติผู้ใหญ่ไม่มีผู้ใดยอมให้หลวงพ่อมีที่มีลักษณะปัญญาอ่อนไปอยู่ด้วย
เพราะเกรงจะเป็นภาระให้กับพระพี่ชายที่เพิ่งอุปสมบทใหม่ๆ หลวงพ่อมีจึงร้องไห้และเกิดชักขึ้น จนทุกคนต้องตามใจให้ไปอยู่กับ
พระแบนที่วัดมารวิชัย ตั้งแต่อายุเพียง 12 ปี บัดนั้นเป็นต้นมา
ภาพที่ 3หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย เป็นศิษย์สายตรงของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโคกับหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก
และยังมีอาจารย์องค์แรกของหลวงพ่อมี คือ หลวงพ่อเขียน ที่เก่งมากในด้านการเล่นแร่แปรธาตุ สร้างโลหะพิเศษต่างๆ
ที่มีคุณวิเศษในตัวเองมากมาย เป็นหนึ่งพี่ใหญ่ในสามที่สุดของพระในจังหวัดอยุธยาในยุคหลัง
คือหลวงพ่อมี วัดมารวิชัย หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา และหลวงพ่อทิม วัดพระขาว หลวงพ่อมี ได้สร้างวัตถุมงคลมากพอสมควร
รวมถึงการเดินทางไปร่วมปลุกเศกในที่อื่นๆ ด้วยเช่นกัน
ภาพที่ 4วัตถุมงคลของท่านเป็นของที่ราคาไม่สูงมาก เบาๆ เรื่อยๆ มาตลอด อาจจะขาดแรงเชียร์ในตลาดกลาง แต่คนท้องที่รู้จักกันดี
เป็นหนึ่งในพระเครื่องที่น่าใช้อย่างมาก ลองหาประวัติท่านอ่านได้ครับ อย่างรูปเหมือนปั๊มชิ้นนี้ ผมได้มาจากน้องคนหนึ่งมาพร้อมกับ
เหรียญรุ่น 3 ของท่าน ราคาต่ำติดดินเลยครับ แต่ก็หลายปีแล้วนะครับ ราคาตอนนี้น่าจะขยับขึ้นไปไม่มากก็น้อย
แต่ของไม่ค่อยเห็นหมุนเวียนเท่าไหร่ เท่าที่เห็นในตลาดนะครับ
ภาพที่ 5เหรียญหันข้างรุ่น 3 : เหรียญนี้สร้างขึ้นในปี 2525 เมื่อหลวงพ่ออายุครบ 72 ปี จำนวนการสร้าง 2000 เหรียญ เป็นรูปหันข้าง ที่สำคัญต้องมีตัว ม
ในหูหลวงพ่อครับ ยันต์ด้านหลังเป็นยันต์ นะหน้าทอง ยันต์นี้หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก นับถือมาก เป็นของดีอีกชิ้นหนึ่งที่น่าเก็บมากนะครับ
ภาพที่ 6ในช่วงครบอายุ 72 ปีหลวงพ่อ มีการสร้างพระชุดนี้ออกมาหลายแบบเช่น เหรียญพิชิตมาร เหรียญบัว เหรียญหน้าตรง และแหนบรุ่นแรก
เหรียญหันข้างนี้เป็นแบบหนึ่งในนั้นครับ ด้วยจำนวนการสร้างเพียงแบบละ 2000 ชิ้น มีเนื้อเดียวของอาจจะหมุนเวียนน้อย ถูกเก็บไว้กันเป็นอันมาก
ผมว่าคนท้องที่จะรู้ดีครับ รับรองว่าเป็นของดีอีกชิ้นที่ราคาไม่สูง น่าเก็บมากนะครับ
ภาพที่ 7เหรียญนี้อาจจะไม่สวยงามบาดตาบาดใจ แต่ก็ดูง่ายสบายตาครับ ผมชอบเอาออกมาดูเล่นเป็นประจำ แต่ก็ยังไม่ได้เอาไปใช้สักครั้ง
เพราะยังไม่ได้ไปเลี่ยมครับ ของดีที่ราคาเบาๆ อีกชิ้นหนึ่งที่นำมาฝากกันนะครับ