ความเห็น: 11 - [19 ต.ค. 47, 16:57] ดู: 1,634 - [16 พ.ย. 67, 14:03]
ขอความคิดเห็นในฐานะของ siam fishing ครับ
กระทู้: 2
ความเห็น: 18
ล่าสุด: 27-01-2566
ตั้งแต่: 28-03-2545
1
พอดีมีสิ่งที่ค้างคาใจมานานแล้วครับ มันอาจเป็นไปได้ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยครับ คือผมอยากถามดังนี้ครับ
"""คุณคิดเห็นอย่างไรกับการ ปล่อยปลาล่าเหยื่อ เช่น ชะโด ลงไปในแหล่งน้ำที่ๆไม่เคยมีมันอยู่มาก่อน?"""
บ่อที่ที่เคยมีปลาช่อนและกระสูบอยู่เหนือสุดในวงจรชีวิต แต่ต่อมากลับถูกชะโดแซงไปอยู่อันดับแรกแทน ในฐานะของนักตกปลาคุณเห็นด้วยหรือไม่
ที่ถามอย่างงี้ก็เพราะผมเป็นทั้งคนเลี้ยงปลาและนักตกปลาด้วย คับ
กระทู้: 7
ความเห็น: 176
ล่าสุด: 27-01-2566
ตั้งแต่: 10-03-2547
กระทู้: 65
ความเห็น: 3,189
ล่าสุด: 22-11-2567
ตั้งแต่: 31-07-2547
... น่าจะมีผลทั้งด้านลบและบวกแหล่ะครับ .. ถ้ามองในฐานะนักตกปลาก็ถือเป็นผลดีเพราะมีปลาเกมส์ให้ตก แต่ถ้าคิดในมุมมองของชาวบ้านก็น่าจะเป็นลบครับ เนื่องจากปลากินอย่างพวก ปลานิล ตะเพียน และปลาอื่นๆก็คงต้องลดจำนวนลงเป็นอย่างมาก เนื่องจากนิสัยที่เรารู้ๆกันอยู่ของเจ้าโดมันครับ ...
กระทู้: 125
ความเห็น: 4,611
ล่าสุด: 06-05-2567
ตั้งแต่: 28-10-2546
ผมคิดว่าแหล่งน้ำๆๆใหญ่สมควรครับ แล้วตอนนี้ปลาชะโดนี้เป็นปลาตกปลากิน
แต่ถ้าแหล่งน้ำเล็กอย่าเลยครับ
กระทู้: 1
ความเห็น: 314
ล่าสุด: 27-01-2566
ตั้งแต่: 12-09-2547
มันก็คงจะเหมือนกันกับการเอาปลาแบสมาปล่อยที่บ้านเรามั้ง ก็คงคล้ายๆกับการเอาปลาช่อนปลาชะโดไปปล่อยที่เมกาด้วย ก็มีทั้งฝ่ายแค้น ฝ่ายรัฐบวม คิดว่าไมน่าจะมีผลอะไรมากมั้งคะ สักวันมันก็ต้องเปลี่ยนแปลงอยู่ดี หมายถึงระบบนิเวศนะ ก็มีปลาเกมที่ดุดันมาให้เราเล่นเพิ่มขึ้น แต่ต้องทำใจว่าจ้าวถิ่น ปลาช่อนปลากระสง ต้องลดจำนวนลงแน่ๆ นะได้อย่างเสียอย่าง
กระทู้: 12
ความเห็น: 2,146
ล่าสุด: 07-12-2566
ตั้งแต่: 13-05-2547
อืม...เป็นประเด็นที่น่าขบคิดทีเดียวครับ
กระทู้: 2
ความเห็น: 18
ล่าสุด: 27-01-2566
ตั้งแต่: 28-03-2545
คือ ผมอยากจะนำไปเขียนเป็นบทความสักเรื่องครับ โดยใช้ความคิดเห็นระหว่าง 2 ฝ่ายคือ นักตกปลา และ นักนิเวศวิทยา ว่าจะคิดเห็นอย่างไร ขอความเห็นหน่อยครับ
กระทู้: 7
ความเห็น: 176
ล่าสุด: 27-01-2566
ตั้งแต่: 10-03-2547
เคยได้ยินข่าวที่สหรัฐ เค้าล้างคลองเลยหล่ะ ตลอดทั้งสาย ไม่รู้ว่าใครแอบเอาไปปล่อย
กระทู้: 34
ความเห็น: 1,213
ล่าสุด: 10-08-2567
ตั้งแต่: 01-02-2546
ปลากระสูบก็ไล่กินลูกชะโดเกลี้ยงเหมือนกันนะครับ
ที่ใครทีมันครับ
บ่อรกๆกระสูบ ไม่ค่อยมี เพราะเจอไอ้โดดักงับ
บ่อโล่งๆ ลูกไอ้โด โดนฝูงกระสูบรุม
กระทู้: 130
ความเห็น: 1,994
ล่าสุด: 02-08-2567
ตั้งแต่: 28-05-2544
เคยมีการเรียบเรียงออกมานานแล้วครับผมเคยเอามาลงไว้แล้วลองอ่านกันดูแล้วกันครับอันนี้นักวิชาการเขาเขียนไว้ครับ
ลองไปดูที่นี่ http://www.siamfishing.com/content/view.php?id=124&cat=article
++ผลกระทบของการนำสัตว์น้ำต่างถิ่นเข้ามา++
ไปเจอบทความนี้จาก NICA เลยเอามาให้อ่านกันครับ
อ่านแล้วทำให้ ต้องระวังการจะปล่อยพันธ์ปลาลงแหล่งน้ำธรรมชาติมากขึ้น ผมคิดงั้นนะครับ ลองอ่านดูครับ
ผลกระทบของการนำสัตว์น้ำต่างถิ่นเข้ามาเลี้ยงในประเทศไทย
( กมลศิริ พันธนียะ เรียบเรียง )
--------------------------------------------------------------------------------
สัตว์น้ำต่างถิ่น คือสัตว์ที่พบอาศัยในธรรมชาติที่ต่างจากถิ่นการกระจายพันธุ์ดั้งเดิม โดยเกิดจากการกระทำของมนุษย์เป็นส่วนมาก ซึ่งสามารถแบ่งตามลักษณะของประชากรได้ 2 แบบ คือ (1) พบอาศัยแต่ไม่แพร่พันธุ์ และ ( 2 ) สามารถแพร่พันธุ์ได้
สำหรับในประเทศไทยปัจจุบันได้มีการนำเข้าพันธุ์สัตว์น้ำต่างถิ่นเข้ามาในประเทศมากมายหลายชนิด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการเพาะเลี้ยงและเพื่อเป็นสัตว์น้ำสวยงาม ซึ่งชนิดของสัตว์น้ำที่นำเข้าโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการเพาะเลี้ยง ที่ประสบความสำเร็จ มีการเพาะเลี้ยงมาจนถึงปัจจุบัน เช่น กลุ่มปลาจีน ( ปลาเล่ง ปลาซ่ง ปลาเฉา ) ปลาไน ปลายี่สกเทศ ปลานิล ปลาดุกรัสเซีย นอกเหนือจากผลผลิตจากการเพาะเลี้ยงแล้ว ยังพบว่ากลุ่มปลาดังกล่าวยังมีผลผลิตค่อนข้างสูงในแหล่งน้ำธรรมชาติ โดยจัดอยู่ในกลุ่ม 10 อันดับแรกที่มีผลผลิตมากที่สุด เป็นการแสดงให้เห็นว่าพันธุ์ปลาต่างถิ่นเหล่านี้มีความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี ซึ่งความสามารถเหล่านี้น่าจะมีผลกระทบต่อพันธุ์สัตว์น้ำพื้นเมืองที่มีความสามารถในการแข่งขันน้อยกว่า
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้จากพันธุ์สัตว์น้ำต่างถิ่น
1. ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นจะแย่งใช้พื้นที่และแย่งอาหารของพันธุ์พื้นเมือง โดยจะทำลายโครงสร้างประชากรสัตว์น้ำที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ทำให้ความหลากหลายชนิดของสัตว์น้ำลดลงโดยพันธุ์ต่างถิ่นมีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้เป็นอย่างดี ซึ่งการที่จะปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้แน่นอนว่าจะต้องมีความสามารถในการแข่งขันสูง และเป็นไปได้ว่าการแข่งขันจะต้องมีการทำลายล้างกัน เช่น ปลาดุกรัสเซีย หอยเชอรี่ และปลากดเกราะ (sucker)
2. ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นจะเป็นผู้ล่าหรือตัวห้ำต่อชนิดพันธุ์อื่นๆ เช่นปลากดเกราะจะมีพฤติกรรมชอบกินไข่ปลาซึ่งติดอยู่กับวัตถุ ทำให้เกิดผลกระทบต่อผลผลิตสัตว์น้ำในแหล่งน้ำ
3. ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นอาจจะทำลายหรือทำให้แหล่งอาศัยเสื่อมโทรม เช่นหอยเชอรี่ชอบกินข้าวในช่วงต้นกล้า ทำให้เกิดความเสียหาย และเมื่อใช้สาร Endosulfan ในการกำจัดก็จะทำให้เกิดสารตกค้าง มีผลทำให้กบเขียดในนาลดน้อยลง
4. ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นอาจเป็นตัวแพร่กระจายเชื้อโรคและปรสิตชนิดใหม่ๆ ที่ติดมากับพันธุ์ต่างถิ่น ทำให้เกิดความเสียหายมหาศาลในแหล่งน้ำธรรมชาติ ห่วงโซ่อาหารและระบบนิเวศน์ถูกทำลาย ส่งผลให้ราษฎรเกิดความเดือดร้อนในการดำรงชีพ เพราะปลาเป็นอาหารโปรตีนราคาถูกและหาได้ง่ายต้องตายไปเป็นจำนวนมากด้วยโรคระบาด เป็นพาหะนำโรค เนื่องจากหอยเชอรี่อยู่วงศ์เดียวกับหอยโข่ง จึงอาจเป็นเจ้าบ้าน ตัวกลางของหนอนพยาธิตัวกลม เช่นเดียวกับหอยโข่ง
5. ชนิดพันธุ์พื้นเมืองที่ถูกทดแทนได้รับความสนใจน้อยลง จนถูกมองข้าม ซึ่งมีผลในการอนุรักษ์และพัฒนาสายพันธุ์ เช่นการนำปลาดุกรัสเซียเข้ามาผสมกับปลาดุกอุยทำให้ได้ลูกผสมชื่อ บิ๊กอุย ซึ่งได้รับความนิยมแทนปลาดุกด้าน
6. เป็นตัวเร่งให้เกิดมลภาวะ ซึ่งเมื่อพันธุ์ต่างถิ่นได้รับความนิยมในการเลี้ยง ก็มีการขยายตัวกันมาก สิ่งที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ ปริมาณอาหารและสิ่งขับถ่ายที่อาจเป็นแหล่งก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การเลี้ยงปลานิลในกระชังในหลายพื้นที่
สาเหตุที่ทำให้เกิดการปนเปื้อนของสัตว์น้ำต่างถิ่นในแหล่งน้ำธรรมชาติ
1. ปล่อยอย่างจงใจ ส่วนมากเกิดจากการเลี้ยงเพื่อความสวยงาม และเมื่อเกิดความเบื่อก็ปล่อยทิ้งแหล่งน้ำธรรมชาติ หรือการปล่อยอย่างตั้งใจเกี่ยวกับประเพณี วัฒนธรรม ความเชื่อ และอีกประเภทหนึ่งคือ การปล่อยโดยหน่วยงานราชการเพื่อการเพิ่มผลผลิตในแหล่งน้ำธรรมชาติ
2. ภัยธรรมชาติโดยเฉพาะน้ำท่วม ทำให้พันธุ์สัตว์ต่างถิ่นหลุดรอดไปในธรรมชาติ
สัตว์น้ำต่างถิ่นที่นิยมน้ำเข้ามาในประเทศไทย เช่น
- ปลาประมาณ 1,000 ชนิด
เช่น ปลาไหลญี่ปุ่น , ปลาเรนโบว์เทร้า , ปลาอามาโก้ซัลมอน , ปลาไน , ปลาตะเพียนเทศ , ปลานวลจันทร์เทศ , ปลากดเกราะ , ปลากะโห้เทศ , ปลากดอเมริกัน , ปลากินยุง เป็นต้น
- สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกประมาณ 50 ชนิด
เช่น กบอเมริกา
- สัตว์เลื้อยคลานประมาณ 50 ชนิด
เช่น ตะพาบไต้หวัน , จระเข้นิวกินี , จระเข้ไคแมน , เต่าญี่ปุ่น เป็นต้น
- หอย 3 ชนิด
เช่น หอยเชอรี่
กุ้ง ปู 4 ชนิด
เช่น กุ้งขาวแวนนาไม , เครย์ฟิชออสเตรเลีย , เครย์ฟิชอเมริกา
สัตว์น้ำต่างถิ่นที่หลุดหนีลงในแหล่งน้ำธรรมชาติเสมอ
เช่น ปลาดุกรัสเซีย ซึ่งถูกลักลอบน้ำเข้าประเทศไทยทางชายแดน อ.ท่าบ่อ และ อ.ศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย และเนื่องจากปลาดุกรัสเซียเป็นปลาที่ล่าเหยื่อได้เก่ง สามารถกินเหยื่อที่มีขนาด 1/4 ของตัวมันเอง จึงเป็นเหตุในการทำลายสายพันธุ์ของปลาไทยในแหล่งน้ำธรรมชาติ
หอยเชอรี่ ได้นำเข้ามาในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ.2532 เพื่อเป็นอาหารและเลี้ยงประดับในตู้ปลา มีการตั้งฟาร์มเลี้ยงแต่ไม่เป็นที่นิยม จึงทำให้หอยเชอรี่แพร่ลงสู่แหล่งน้ำ สร้างความเสียหายให้แก่พืชต่างๆ โดยเฉพาะต้นข้าว หอยเชอรี่ 10,000-12,000 ตัว สามารถกัดกินต้นข้าว 1 ไร่หมดภายใน 1 คืน เป็นต้น
พื้นที่ล่อแหลมต่อผลกระทบของสัตว์ต่างถิ่น
พื้นที่แหล่งน้ำที่ควรมีการจัดการควบคุมการปล่อยสัตว์น้ำต่างถิ่นมักเป็นพื้นที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง หรือมีผลผลิตทางการประมงเดิมสูงอยู่แล้วและไม่มีความจำเป็นในการปล่อยสัตว์น้ำต่างถิ่นเพิ่ม ซึ่งอาจเกิดผลกระทบต่อสมดุลนิเวศและผลผลิตการประมงในระยะยาวได้ พื้นที่ดังกล่าวได้แก่
- พื้นที่ชุ่มน้ำและที่ราบน้ำท่วมถึง ที่มีสังคมพืชน้ำและสัตว์น้ำดั้งเดิมหลากหลายอยู่แล้ว
- พื้นที่ต้นน้ำลำธาร , น้ำตก แหล่งน้ำในป่า
- พื้นที่ปากแม่น้ำและป่าชายเลน
- พื้นที่พรุโดยเฉพาะพรุดั้งเดิมที่มีปลาเฉพาะถิ่น ( Stenotopic species )
- ระบบแม่น้ำขนาดใหญ่ เช่น แม่น้ำโขง , สงคราม , บางประกง
- พื้นที่ที่พบพืชน้ำ สัตว์น้ำถิ่นเดียว ( endemism area ) เช่น ลำธารในถ้ำ , พื้นที่ชุ่มน้ำ
สำคัญต่างๆ
ปัจจุบันมีข้อกฎหมายที่ควบคุมการนำเข้ามีดังนี้คือ
1. พระราชกฤษฎีกาห้ามมิให้นำสัตว์น้ำบางชนิดเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2525 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2525
2. พระราชกฤษฎีการะบุสัตว์น้ำและลักษณะของสัตว์น้ำที่มีอันตรายบางชนิดที่ห้ามมิให้มีไว้ในครอบครอง นำเข้ามาในราชอาณาจักร หรือนำไปเลี้ยงในที่จับสัตว์น้ำ พ.ศ. 2530
3. พระราชกฤษฎีกาห้ามมิให้นำสัตว์น้ำบางชนิดเข้ามาในราชอาณาจักร ( ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2536ห้ามสัตว์น้ำที่หายากและใกล้สูญพันธุ์บางชนิดเข้ามาในราชอาณาจักร ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 21 ธันวาคม 2536
4. พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535
5. ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
6. อนุสัญญาการค้าระหว่างประเทศว่าด้วยชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์
สรุป
1. ควรมีการศึกษาวิจัยอย่างถี่ถ้วนด้านชีววิทยาและนิเวศวิทยาของสัตว์น้ำที่มีโครงการจะนำเข้ามาใหม่ เพื่อใช้เป็นข้อพิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดและความคุ้มครองก่อนที่จะอนุญาตให้เข้ามา หรือเตรียมมาตรการป้องกันไว้ล่วงหน้า
2. ควรมีการศึกษาผลกระทบต่อระบบนิเวศ พันธุกรรมและเศรษฐนิเวศของสัตว์น้ำต่างถิ่นที่พบอยู่แล้วอย่างเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การจัดการแก้ไขผลกระทบที่ถูกต้องต่อไป
3. มีการเผยแพร่ความรู้แก่ประชาชนผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของผลร้ายของสัตว์น้ำต่างถิ่น ถ้ามีการปล่อยลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ
4. กรมประมงควรทบทวนนโยบายและวิธีปฏิบัติในการปล่อยสัตว์น้ำในโครงการและพิธีการต่างๆ โดยคัดเลือกพันธุ์สัตว์น้ำพื้นเมืองที่ถูกต้องกับแหล่งที่จะทำการปล่อย ไม่ควรปล่อยสัตว์น้ำชนิดที่ข้ามถิ่นทางภูมิศาสตร์ เพราะอาจก่อผลกระทบเช่นเดียวกับสัตว์ต่างถิ่นต่อแหล่งน้ำเช่นกัน
เอกสารประกอบการเขียน
ชวลิต วิทยานนท์. สัตว์น้ำต่างถิ่นกับความหลากหลายทางชีวภาพของไทย. สถาบันพิพิธภัณฑ์ สัตว์น้ำ กรมประมง.
สุชาติ อิงธรรมจิตร์. Impact of Exotic Species on Soccio - economic aand Aquatic Environment. กองสิ่งกวดล้อมประมง.
สุปราณี ชินบุตร. การนำปลาต่างถิ่นมาเลี้ยงกับการเกิดโรคชนิดใหม่. สถาบันวิจัยสุขภาพสัตว์ น้ำ กรมประมง.
กระทู้: 110
ความเห็น: 2,682
ล่าสุด: 30-04-2567
ตั้งแต่: 25-01-2545
อือ ... อ่านของน้า Fly แล้วเห็นภาพครับ
กระทู้: 2
ความเห็น: 8
ล่าสุด: 27-01-2566
ตั้งแต่: 21-08-2547
โอ้มันเรื่องใหญ่ไปแล้วนะ น้า ๑