หน้าแรก|กระดาน|รีวิว|ประมูล|ตลาด|เปิดท้าย

"ทั้งชะโดทั้งกระสูบ...สองวันสองอ่างเก็บน้ำที่ราชบุรี"

"ได้ออกมาตกปลา ก็จะยิ้มแย้มแบบนี้"

วันศุกร์ที่ 13/09/67 ก่อนเดินทาง 1 วัน

ตอนนั้นเวลาประมาณเที่ยง ผมอยู่บนถนนพระราม 2 กำลังมุ่งหน้าไปพบลูกค้าที่สมุทรสาคร
มีสายเรียกเข้าจาก"พี่ต้อม" ไต๋เรือประจำอ่างห้วยท่าเคย ปลายสายชวนเราเปลี่ยนแผน
ให้วันเสาร์ย้ายจากอ่างท่าเคย มาลงอีกอ่างใกล้ๆกันเพราะตอนนี้ปลาชะโดกำลังออกครอก

ผมโทรกลับไปบอกแฟนและชวนออกเดินทางกันตั้งแต่เย็นวันศุกร์แล้วไปนอนที่อ่างเก็บน้ำ
เพื่อที่ตอนเช้าจะไม่ต้องรีบออกเดินทางไปส่งเธอที่รีสอร์ท แล้วขับรถต่อไปยังอีกหมาย
ซึ่งห่างกันประมาณ 20 กิโล 

กว่าออกเดินทางกัน สี่โมงครึ่งวันศุกร์ กว่าจะฝ่ารถติดมาถึงยังรีสอร์ทก็ปาเข้าไป 3 ทุ่ม
แต่ก็คุ้มเมื่อได้นอนหลับยาวๆ ก่อนที่เช้าวันเสาร์จะได้ตื่นก่อนฟ้ามีแสงขับรถไปเข้าหมาย

ผมตื่นขึ้นมาในเช้าวันเสาร์ช่วงตี 5 อาบน้ำแต่งตัว ก่อนจะสตาร์ทรถ
ขับออกจากรีสอร์ท ริมอ่างห้วยท่าเคย มุงหน้าสู่หมายที่พี่ต้อมนัดแนะ
ในวันนี้ ข้าวของสัมภาระ อุปกรณ์ตกปลาสำหรับวันนี้ถูกประกอบ
จัดเตรียมไว้เรียบร้อย ตั้งแต่ก่อนจะเข้านอนเมื่อคืน

ผมมาถึงจุดนัดหมายประมาณ 6 โมงเช้า พี่ต้อมไม่รอช้าพากันขนของ
ลงเรือ แล้วขับออกไปหาหมาย   

อันที่จริงหมายนี้ผมเคยมาตกปลาแล้ว ในระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่าน
ผมได้แวะเวียนมาตกปลาที่นี่กับพี่ต้อม 5-6 ครั้งเห็นจะได้
หมายนี้อุดมไปด้วย ปลาชะโด และปลากราย ไซส์สวยๆมากมาย
ปลากรายตัวแรกในชีวิตของผมก็ได้มาจากที่นี่ มันเกิดขึ้นเมื่อ
ผมได้มาตกปลาที่นี่ครั้งแรก และหลังจากนั้นผมก็ไม่เคยได้ปลา
จากหมายนี้อีกเลย ยอมรับเลยว่าหมายนี้ไม่ง่าย

พี่ต้อมบอกให้เราจัดชุดที่โหดที่สุดมา เพราะหมายรกมาก

ครอกส่วนใหญ่ยังเล็ก จึงมักจะนิยมอยู่ในพื้นที่รก พ่อ-แม่ยังไม่พาลูกออกล่อง
ไปตามผืนน้ำกว้างมากนัก เกมส์ในวันนี้ส่วนใหญ่จึงเป็นการไล่หยอดเหยื่อ
สปินเนอร์เบทเข้าหาฝูงลูกครอกตามชายป่า

ผมตั้งใจเซ็ทอุปกรณ์ชุดที่"หนัก"ที่สุดของผมมา
Rod: Evergreen Kaleido Wild stallion Variant 16-30lb
Reel: Shimano Conquest 200 DC 
เจอชุดนี้ผมว่าหนักแค่ไหนก็เอาอยู่

เมื่อเรือพี่ต้อมไกด์เข้ามาในระยะที่พอจะเห็นหมายได้ถนัดตา
ผมก็เริ่มพอจะเข้าใจว่าทำไมพี่ต้อมถึงได้ย้ำนัก ว่าให้เอาชุดหนักๆมาใช้

หมายที่เห็นเป็นดงบัวหลวง ที่ทั้งรกและหนา เปิดช่องให้พอจะหยอดเหยื่อ
ได้แค่เล็กน้อยเท่านั้น หากโชคดีเราอาจได้เจอครอกที่อยู่ระหว่าง
ช่องว่างระหว่างดงบัวที่เป็นพื้นที่เปิดบ้าง แต่หากไปเจอครอกกลางดงบัว
ก็คงจะยากเต็มที อย่าว่าแต่งัดปลาเลย แค่หยอดเหยื่อเข้าพื้นที่ก็ทำได้ยากแล้ว

เราเจอครอกอยู่หลายครอกในดงบัวผืนนั้น แต่อุปสรรคหลักๆของเราคือ
เมื่อหยอดเหยื่อสายเรามักจะไปพาดบนใบบัว ทำให้เหยื่อไหลลงตามครอก
ไม่ทัน หรือบางทีอาจไม่ลงแต่ค้างอยู่กับก้านบัวใต้น้ำก็ได้ นั่นจึงทำให้เรายัง
ตกปลาไม่ได้เลย

จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึง 9 โมง ครอกที่เรากำลังไล่ตาม
มันก็พาลูกออกจากดงบัวเข้าสู่พื้นที่เปิด ผมหยอดเหยื่อสปินเนอร์เบทดักใส่ด้านหน้า
ขณะที่ผมปล่อยให้เหยื่อไหลลง และกำลังจะหันมาคุยกับพี่ต้อม
ก็มีแรงดึงที่ปลายสายลากออกไปเอื่อยๆเนิบๆ อาการเหมือนปลากินพืชที่ลากตระกร้อออกไปช้าๆ
ผมตกใจและวัดเบ็ดสวนไป หนึ่งครั้ง จากนั้นเจ้าตัวใต้น้ำจึงเริ่มพยายามมุดอย่างสุดกำลัง

แต่มันยังไม่ใช่คู่ต่อกรของคันเบ็ดในมือผม ผมงัดมันขึ้นมาได้อย่างไม่ยากเย็น
เวลาที่ใช้อัดปลา เมื่อดูจากกล้องกอโปรที่ถ่ายอยู่ ถึงจะกดอัดช้าไปบ้าง
แต่ปลาตัวนี้คงใช้เวลาไม่เกิน 25 วิ ในการปิดเกมส์

"ปลาชะโดครอกตัวแรกของผมในปีนี้"

ผมยิ้มแป้นออกมาอย่างสุขสุดขีด อาการนี้เกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อผมกำลังถือปลาชะโด
ที่ตกมาได้ แม่ครอกตัวนี้เป็นตัวแรกของผมในปีนี้ ขนาดกะด้วยสายตาคงอยู่ประมาณ
3 กิโลกรัม บวกนิดหน่อย ซึ่งสำหรับผมนั่นก็เพียงพอแล้ว

เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของปลาแม่ครอกที่ราชบุรี คือสีเหลือบฟ้าที่หลัง สวยงามไม่เหมือนใคร
นั่นทำให้ผมมักจะเรียกปลาชะโดแถบนี้ว่า "มังกรฟ้าราชบุรี"

จัดไปครับ 

ปลาชะโดตัวนี้กัดเหยื่อ spinner bait เข้าเต็มๆปาก
อันที่จริงแล้ว ผมไม่ค่อยถนัดงานหยอดครอกด้วย
เหยื่อประเภทนี้สักเท่าไหร่ ที่ผ่านๆมามักจะพอมีกัด
แต่ไม่ค่อยจะได้ตัว ปลาตัวนี้จึงเป็นปลาชะโดที่
ช่วยปลดล็อค ภารกิจการใช้ spinner bait ของผมให้สำเร็จ
หลังจากไม่ได้ปลาจากเหยื่อประเภทนี้มากว่า 2 ปี

เหยื่อที่ใช้คือ spinner bait ตัวใหม่จากค่าย King frog
ที่ใช้ชื่อรุ่นว่า ST โดยย่อมาจาก Standard Type
เร็วๆนี้คงออกวางจำหน่ายครับ

หลังจากนั้นเราก็ได้ไล่ตีอีกหลายครอก มีบางครอกออกอาการเข้ามาตบเหยื่อ
แต่ก็ไม่ได้ติดเบ็ดอีก เท่าที่นับดูเราเจอร่วมๆ 10 ครอก มีตบ มีกัดสักครึ่งหนึ่ง
แต่สุดท้ายเราก็พิชิตมันขึ้นมาได้เพียงแค่ ครอกเดียว พอใกล้เที่ยงลมเริ่มทวีความแรง
ทำให้คลื่นผิวน้ำปั่นป่วนไปหมด จนเรามองหาครอกยากเต็มที

ผมได้ชวนให้พี่ต้อมกลับเข้าฝั่งเเละยุติเกมส์ในวันนี้ลงตั้งแต่ครึ่งวัน
บ่ายนี้ผมและแฟนว่าจะขับรถเข้าไปเที่ยวแถบสวนผึ้ง เกมส์การตกปลาในวันพรุ่งนี้
เราจะย้ายกลับไปหาตกปลากระสูบที่อ่างห้วยท่าเคยกันต่อ

+1 ตามมาเชียร์ครับ

ขอบคุณที่รับชมคร้าบบบบ

ขอบคุณที่รับชมคร้าบบบบ

ขอบคุณที่รับชมคร้าบบบบ

ช่วงบ่ายของวันเสาร์ที่ 14 ผมและแฟนใช้เวลาไปกับ
การขับรถไปเที่ยวสถานที่ต่างๆของสวนผึ้ง
ซึ่งนั่นต้องขับรถไปจากหมายอย่างน้อย 40 นาที

ปกติแล้วเมื่อพักจากตกปลา เราจะออกไปเที่ยวแถวนั้น
ทุกครั้ง การไปเยี่ยมชมสุนัขต้อนแกะ และโชว์ในฟาร์ม
ยังคงให้ความสนุกกับเราอยู่ ถึงแม้เราจะได้ดูโชว์เหล่านี้
เป็นครั้งที่ 3 แล้ว 

กว่าจะเราจะกลับมาถึงที่พักริมอ่างห้วยท่าเคยก็เป็นเวลาเย็น
แสงแดดยามหกโมงเย็นทำให้เราได้เห็นสภาพแวดล้อม
ในอ่างห้วยท่าเคยได้ชัดเจนกว่าตอนกลางคืนที่เราพึ่งเดินทาง
มาถึง หรือ ตอนเช้าที่เราออกเดินทางไปเข้าอีกหมาย

ด้วยความที่พอจะมีฝนตกลงมาเติม ทำให้ตอนนี้ระดับน้ำในอ่าง
ขยับสูงขึ้นประมาณ 1-2 ฟุต ถนนเก่าที่เคยโผล่ให้เห็นตอนนี้
จบลงไปแล้ว

บรรยากาศยามเช้าอ่างห้วยท่าเคย ในวันอาทิตย์ เรามีเวลาตกปลาถึง 11 โมง
ก่อนจะต้องเตรียมตัวเดินทางกลับบ้าน เช้านี้อากาศอึมครึม มีเมฆหนา
ซึ่งดูแล้วการตกปลาน่าจะไม่ง่ายนัก เป็นที่รู้กันดีสำหรับนักตกปลาที่แวะเวียน
มาตกปลาที่นี่เป็นประจำ ในยามอากาศครึ้ม ปลากระสูบที่นี่จะขึ้นเล่นน้ำดี
แต่มักจะไม่ค่อยกัดเหยื่อ แต่หากมีแดดเพียงพอให้แสงแค่อุ่นๆ ปลาจะกัดดีกว่า

เช้านี้เราลองเฝ้ากระสูบฝูงที่ตอไม้หน้าร้านพี่บอยดูก่อน ฝูงปลาขึ้นเล่นน้ำ
เป็นจำนวณมาก แต่สาระพัดเหยื่อที่ตีลงไป ไม้แล้ว ไม้เล่า ก็ไม่ได้รับการโจมตี
แต่อย่างใด พี่ต้อมจึงชวนเราย้ายหมายไปหาปลากระสูบรัง ในจุดเดียวกับที่เคย
กัดอย่างบ้าคลั่งในทริปที่ผ่านมา

พี่ต้อมไกด์เรือพาเราเลาะตีปลาช่อนตามชายสาหร่าย ระหว่างทางที่จะเข้าไป
ยังรังปลากระสูบ ที่อยู่อีกฟากของอ่าง เรากะว่าในช่วงที่แสงน้อย เราลองหา
ปลาช่อนที่นอนตามฝั่งดูก่อน แต่นอกจากการกัดครั้งเดียวเราก็ไม่ได้อะไรเพิ่มเติม

พอแดดเริ่มออก เราก็ได้ย้ายไปยังรังปลากระสูบที่หมายตา ผมลองตีเหยื่อผ่าน
รัง 2-3 ไม้ ก็ยังไม่มีปลาเข้ามากัด จนได้ลองเปลี่ยนแอคชั่นเป็น กรอมาช่วงสั้นๆ
แล้วปล่อยให้เหยื่อตกกระแทกพื้น เพียงไม้เดียวก็มีปลามาเข้ากัดเหยื่อทันที

ปลากระสูบขนาดประมาณ 5-6 ขีด ไม่ใช่คู่ต่อกรที่จะเอาตัวได้ยาก
ผมปล่อยให้มันสู้เบ็ดสักพัก มันก็เหินขึ้นผิวน้ำ ยอมให้จูงเข้าสวิง
ได้อย่างไม่ยากเย็น

ประเดิมแต้มแรกของวัน ด้วยปลากระสูบ ขนาดกำลังวิ่ง
แต่หลังจากที่ปล่อยเจ้าตัวนี้ไป ผมก็โดน"บอส"ประจำฝูง
กัดเหยื่อเข้าให้ พละกำลัง และเรี่ยวแรงที่มันกระชากสาย
ออกจากรอก บ่งบอกว่าขนาดของมันใหญ่กว่าตัวที่ผ่านมา
แต่ก่อนที่จะได้เห็นตัว ปลายสายของผมก็เบาหวิว ด้วยว่า
เจ้า "บอส" ตัวนั้น ได้จากไปแล้ว แถมเอาเหยื่อของผม
ติดปากไปเป็นของแถม มันมุดลงน้ำลึก จนสาย Pe ของผม
บาดหินขาด เป็นอันว่าพลาดที่จะได้ถ่ายรูปกับมัน

หลังจากที่ผิดหวังจาก"บอส"ผมต่อสายหน้าใหม่ คล้องเหยื่อใส่ที่ปลายสาย
แล้วไล่หวด ส่งเหยื่อลงสู่พื้นน้ำ หาปลาตัวต่อไป

จากการสัมผัสที่ปลายสาย หมายตรงนี้ใต้น้ำเป็นพื้นที่ต่างระดับ อาจจะเป็น
เนินหิน 2 ลูก ที่มีร่องเนินอยู่ระหว่างกัน หรืออาจเป็น ลานหินใต้น้ำที่มีขอบ
หักชัน ซึ่งปลากระสูบมักจะว่ายล่องอยู่รอบๆพื้นที่ตรงนี้

วันนี้ปลากัดค่อนข้างห่างตัว ฝนที่ตกลงมาเป็นบางช่วงก่อนหน้านี้
และขาดหายไป อาจทำให้ปลากระจายตัว หาทางขึ้นต้นน้ำ
แต่น้ำยังไม่มากพอที่ขึ้นไปวางไข่ได้ ทำให้ภาวะเช่นนี้ บางที
ปลาอาจจะอั้น กินเหยื่อไม่ดุนัก

ผมเฝ้าย้ำตีเหยื่อ กรอ-ปล่อยตกอยู่อีกหลายนาที ก่อนจะมีปลา
เข้ามากัดเหยื่ออีกสักตัว

ปลาขนาดไม่โตนัก อัดไม่นานก็จูงเข้าสวิงได้อย่างง่ายดาย

แต้มที่ 2 ของวันแล้ว ปลาไซส์นี้ถึงจะไม่ใหญ่นัก แต่ถ้ากัดทั้งวันก็สนุกได้เหมือนกัน

เฝ้าย้ำอยู่นานก็มีกัดอีก ตัวนี้เหมือนจะใหญ่กว่าที่ผ่านมา

แต้มที่ 3 ของวันนี้ ขนาดขยับขึ้นมานิดนึง ลำตัวที่ยาว
และแพนหางที่ใหญ่ ทำให้มันแรงดีกว่าตัวก่อนๆ