
ขอออกตัวก่อนเลยว่า ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับ TUF
และทุกๆครั้งที่ กรีนพีช นำเสนอเรื่อง อวนล้อม หรือ เรื่องระบบนิเวศต่างๆ ผมก็เห็นด้วย และ มักจะแชร์ต่อ แต่ครั้งนี้ มันต่างออกไป
การรณรงค์ครั้งนี้ มีสิ่งที่ตะขิดตะขวงใจคือ... การลงไปเล่นถึงภาคอุตสาหกรรมทางทะเลของไทย
ซึ่งได้รับผลกระทบอยู่ก่อนแล้วเรื่องการค้าแรงานผิดกฏหมาย และการจับปลาผิดกฏหมาย ซึ่งผมเองก็เห็นด้วยว่ามันต้องทำให้ถูกต้อง ควนเลิกซํกที อวนล้อม อวนรุน ต่างๆ
แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปในครั้งนี้ คือ TUF เป็น อุตสาหกรรม ทูน่า ซึ่งเป็นปลานำเข้ามาแปลรูป ซึ่งนักตกปลาไทย กูรู้กันอยู่ว่า ถ้าไม่ไปถึงชายร่อง
ทูนา สายพันธ์ในไทยก็คือ ปลาโอ ซึ่งไม่ใช่ปลาของอุตสาหกรรม ทูน่าแน่นอน แต่แล้ว ทำไม อุตสาหกรรมปลายทาง ต้องมารับเคราะห์ และ โดนโจมตี "อยู่ แบนด์เดียว"
ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมของไทย โดยที่ ไทยเอง ไม่มีแม้ ทูน่าอุตสาหกรรมให้จับ ในน่านน้ำไทย
หลายคนอาจจะบอกว่า เราไม่รู้เบื้องหลังหรอก จริงๆ เค้าอาจจะอยู่เบื้องหลังทั้งหมด ตามกรีนพีชกล่าวอ้างมาข้างต้น เป็นตัวการใหญ่เลยก็ได้
คำตอบของผม สั้นๆ ง่ายๆ "ขอหลักฐานดูหน่อย"
กระบวนการตรวจสอบย้อนกลับ ทำได้ถ้า "ประเทศต้นทาง" ที่ส่งออกทูน่า มีระบบการจัดการ "ซึ่งการยกตัวอย่าง" การประมงทูน่าแบบยั่งยืน
กรีนพีชได้ยกตัวอย่าง การทำประมงเบ็ดตะวัดจาก แทบ มัลดีฟ ซึ่ง คำถามคือ การประมงที่ มัลดีฟ ได้เข้าสู่กระบวนการ "Traceability" หรือยัง หรือ
ถ้าเราจะทำธุรกิจทางทะเลต่อไป เราต้องไปวางระบบ "Traceability" ที่ระบบเกิดจาก "ผู้ก่อการร้ายโจมตีประเทศสหรัฐอเมริกา" จึงมีการริเริ่มระบบ การตรวจสอบย้อนกลับ หลังแี 2004 ที่ผ่านมา
คนเซ็ปที่กรีนพีช คิด เป็นเรื่องดีครับ เห็นด้วย แต่คอนเซปที่ว่า ตอนนี้ กำลังใช้งานถูกทางหรือเปล่า? แก้ปัญหาปลายเหตุหรือเปล่า? แล้วเรากำลังตกเป็นเหยื่อการเมืองระดับโลกอยู่หรือเปล่า?