วันนี้ 15 มีนาคม 2555 เมื่อเวลา 14.00 น. กระทรวงกลาโหมจัดงานแถลงข่าวการตรวจเลือดทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจําการ ปีพ.ศ.2555 โดยมี พลเอกทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ผช.ทบ.เป็นประธานแถลงข่าวร่วมกับหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน โดยพลโทชูเกียรติ เธียรสมุทรและ เจ้ากรมแพทย์ทหารบก เข้าร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย
พลเอกทนงศักดิ์ กล่าวว่าจุดประสงค์ของการจัดงานแถลงข่าวในครั้งนี้เพื่อชี้แจงกระบวนตรวจคัดเลือกทหารกองเกินประจําปี ซึ่งจะดําเนินการตรวจคัดเลือกระหว่างวันที่ 1-12 เมษายน 2555 ยกเว้น วันที่ 6 เมษายน เนื่องจากเป็นวันจักรี ซึ่งในปีนี้ผู้ที่เข้ารับการตรวจคัดเลือกคือที่เกิดตั้งแต่ปี พ.ศ 2534 และผู้ที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2526-2533 ที่ยังไม่เคยเข้ารับการตรวจเลือก และยังเข้ารับการตรวจเลือกไม่เสร็จสิ้นหรืออยู่ระหว่างการผ่อนผัน ซึ่งปีมีจะมีผู้เข้ารับการตรวจคัดเลือกฯประมาณ 340,700 นาย ซึ่ง กระทรวงกลาโหมมี ความต้องการรับ ทหารกองเกิ น เข้า ประจํา การประมาณ 103,555 นาย
ประเด็นหลักในการแถลงข่าวในวันนี้คืออัตราเงินเดือนค่าตอบแทน โอกาสที่จะได้รับในการเข้ารับใช้ชาติ และการจําแนกประเภทบุคคลในการตรวจเลือกเพื่อให้ได้รับทหารประจําการที่พร้อมปฏิบัติหน้าที่ในราชการได้อย่างเต็มกําลังความสามารถ และยืนยันถึงความโปร่งใสและความรัดกุมเพื่อป้องกันการทุจริตในกระบวนการตรวจคัดเลือก และมีการนําร่องการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศด้วยระบบคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยให้การตรวจคัดเลือกมีความทันสมัย สะดวก รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
หลังจากแถลงข่าวประธานฯได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชน หรือตัวแทนประชาชนที่เข้าร่วมงานแถลงข่าวได้สักถามข้อสงสัย นาดา ไชยจิตต์ ตัวแทนจากชุมชนกะเทยและความหลากหลายทางเพศ ได้ตั้งคําถามถึงการเตรียมความพร้อมของกระทรวงกลาโหมถึงวิธีการปฏิบัติต่อ กะเทย สาวประเภทสอง ที่ต้องเข้ารับการตรวจคัดเลือกทหารเกณฑ์ประจําปีนี้มีความชัดเจนอย่างไร
พลโทชูเกรียติ เธียรสุทร ได้ชี้แจ้งว่าที่ผ่านมากระทรวงกลาโหมได้ให้ความสําคัญกับประเด็นนี้มาโดยตลอด โดยในปีนี้ได้มีอการออกกฎทรวงเพิ่มเติมระบุประเภทของน้องๆกะเทย สาวประเภทสองเป็นคนจําพวกประเภทที่ 2 เพศสภาพไม่ตรงกับเพศกําเนิด แต่ด้วยข้อกําจัดด้านเวลาและข้อกฎหมายมีความเกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทย ทําให้ไม่สามารถลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ทันและมีผลบังคับใช้ตามกฎหมายได้ก่อนวันที่ 1 เมษายน 2555 นี้ แต่ได้มีการเตรียมการโดยออกหนังสือสั่งการให้แม่ทัพภาคเรียกประชุมประธานคณะกรรมการตรวจเลือกของแต่ละหน่วยถึงข้อปฏิบัติที่ควรระมัดระวังเพื่อไม่เป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์กับน้องๆ กะเทย สาวประเภทสอง โดยจะจัดสถานที่สําหรับนั่งรอและตรวจร่างกายโดยเฉพาะ ซึ่งแต่เดิมมีจัดไว้ให้สําหรับพระภิกษุสงฆ์เท่านั้น หลังจากนั้นประธานฯแถลงข่าวได้สอบถามกลับมาว่าคําตอบที่ได้รับนั้นเป็นที่พึงพอใจและช่วยให้คลายความกังวลใจได้หรือไม่
นาดา ไชยจิตต์ แสดงความขอบคุณต่อการเตรียมความพร้อมและให้ความสําคัญกับประเด็นนี้ แต่ได้ตั้งคําถามต่อว่าการบังคับใช้นโยบายจะมีความทั่วถึงในทุกหน่วยการตรวจเลือกทหารทุกหน่วยทั่วประเทศหรือไม่อย่างไร เพราะปีที่ผ่านมาซึ้งแม้จะมีการกําชับการใช้ถ้อยคําที่เขียนระบุในเอกสารสด.43 แล้วก็ตาม แต่ยังพบว่ายังมีผู้ได้รับผลกระทบจากเอกสาร สด.43 ว่าเป็นบุคคลที่มีความผิดปกติทางจิตอย่างถาวร ซึ่งประธานฯได้มอบหมายให้เจ้ากรมแพทย์ทหารบกชี้แจงว่ากรมแพทย์ทหารบกได้ชี้แจงว่า ที่ผ่านมากรมแพทย์ทหารบกไม่ได้นิ่งนอนใจ เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ที่ผ่านมาได้เรียกประชุมหน่วยงานสายแพทย์ทหารบกทั่วประเทศ ประกอบไปด้วยผู้อํานวยการโรงพยาบาลทหารบกทั้ง 37 แห่ง ผู้บังคับการกองพันเสนารักษ์ ตลอดจนทั้งนายแพทย์ใหญ่ประจํากองทัพ แม่ทัพภาค ได้ชี้แจงถึงข้อห่วงใยในข้อนี้ ซึ่งตรงกับข้อห่วงใยจากผู้ตั้งคําถาม เกี่ยวกับการตรวจคัดเลือกผู้ที่มีเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกําเนิด เพราะไม่สามารถบังคับใช้กฎกระทรวงข้อนี้ได้ทันภายในเดือนเมษายนนี้ จึงได้ชี้แจงต่อผู้ที่เกี่ยวข้องดังนี้
ประการที่ 1 ให้คํานึงถึงสิทธิ และศักดิ์ศรีเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นต้องมีการตรวจในห้องลับ
ประการที่ 2 หากแพทย์ประจําหน่วยมีข้อสงสัย หรือไม่สามารถตัดสินระบุประเภทบุคคลได้ชัดเจนก็ให้มีการเขียนว่า สภาพร่างกายไม่พร้อมต่อการตรวจเลือกในปีนี้ ซึ่งเป็นบุคคลประเภทที่ 3 และขอให ้ ท ่ า นเด ิ น ทางไปตรวจก ั บ โรงพยาบาลทหารบกท ั ้ ง 37 แหล่งหรื อ ที่โ รงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ซึ่งได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการแพทย์อย่างน้อย 3 ท่านที่พร้อมลงความเห็นในใบรับรองแพทย์ต่อการเป็นบุคคลที่มีเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกําเนิดได้ทันที
ประการที่ 3 ให้นําใบรับรองแพทย์ของท่านมายื่นต่อหน่วยตรวจเลือกทหารในปีต่อไป ซึ่งท่านจะได้รับใบสด.43 ที่ระบุว่าเป็นบุคคลประเภทที่ 2 เพศสภาพไม่ตรงกับเพศกําเนิด ไม่ใช่บุคคลประเภท 4 ซึ่งมีความทุพลภาพอีกต่อไป หวังว่าจะทําให้ผู้ตั้งคําถามรู้สึกคลายความกังวลใจได้
ช่วงท้ายของการตอบคําถามต่อข้อสงสัย ประธานแถลงข่าวได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้ประเด็นที่เป็นไฮไลท์สําคัญคือเรื่องการปฏิบัติต่อบุคคลที่เป็น กะเทย สาวประเภทสอง ซึ่งอยากให้สื่อมวลชนด้วยประชาสัมพันธ์ข่าวถึงแนวทางการปฏิบัติต่อกลุ่มคนเหล่านี้ออกไปอย่างกว้างขวาง เพราะกระทรวงกลาโหมให้ความสําคัญกับประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน พร้อมทั้งกํากับทิ้งท้ายว่าหากยังพบการปฏิบัติที่ไม่เหมาะสม หรือมีการใช้ถ้อยคําที่ระบุความผิดปกติออกมาอีก ก็ให้ทําหนังสือร้องเรียนทางกลาโหมจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบให้ความเป็นธรรมเพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป
ซึ่งปีมีจะมีผู้เข้ารับการตรวจคัดเลือกฯประมาณ 340,700 นาย ซึ่ง กระทรวงกลาโหมมี ความต้องการรับ ทหารกองเกิ น เข้า ประจํา การประมาณ 103,555 นาย[/b]