---------------------------------------------------
เกร็ดประวัติศาสตร์
ของสุดยอดข้าราชการ ที่มีความซื่อสัตย์ ความเด็ดเดี่ยว และความจงรักภักดี อย่างมิอาจหาใครเสมอเหมือน
---------------------------------------------------
เมื่อครั้งรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าเสือแห่งกรุงศรีอยุธยา (สมเด็จพระสรรเพชรญ์ที่ ๘)
ได้เสด็จประพาสด้วยเรือหลวงเอกไชยจะไปทรงเบ็ด ที่ปากน้ำเมืองสาครบุรี(สมุทรสาคร)
เมื่อปีพ.ศ.๒๒๔๗ เรือพระที่นั่งมาถึงตำบลโคกขามคลองนั้นคดเคี้ยวนักพันท้ายนรสิงห์
ผู้ถือท้ายเรือพระที่นั่งแก้ไขมิทันที ศรีษะเรือพระที่นั่งกระทบกิ่งไม้อันใหญ่เข้าก็หักตกลงในน้ำ
พันท้ายนรสิงห์ก็ตกใจจึงกระโดดขึ้นจากเรือพระที่นั่งขึ้นไปอยู่บนฝั่งแล้วร้องกราบทูลว่า
..ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าฯพระราชอาญาเป็นล้นเกล้าฯ
ขอจงทรงพระกรุณาโปรดให้ทำศาลขึ้นที่นี้สูงประมาณเพียงตา
แล้วจึงตัดศรีษะข้าพระพุทธเจ้าแล้วเอาศรีษะเรือพระที่นั่งที่หักลงขึ้นบวงสรวงไว้ด้วยกันที่นี้ตามพระราชกำหนดด้วยเถิดพระเจ้าข้า..
แม้พระเจ้าเสือจะประทานอภัยโทษก็ยังยืนยันว่าขอให้ทรงทำตามพระราชกำหนดเพื่อไม่ให้เป็นที่เสื่อมเสียแก่พระองค์
โดยยกอ้างเอาพระราชกำหนดที่จดแจ้งไว้ว่า พันท้ายผู้ใดทำศรีษะเรือพระที่นั่งหักให้ถึงมรณโทษให้ตัดศรีษะเสีย
พระเจ้าเสือได้ฟังดังนั้นก็โปรดให้ฝีพายทั้งหลายปั้นดินเป็นรูปคนแทนตัวพันท้ายนรสิงห์แล้วให้ประหารรูปปั้นดินนั้นแทน
พันท้ายนรสิงห์ก็กราบทูลว่าผู้คนได้ฟังเหตุเช่นนี้ก็จะติฉินนินทาพระเจ้าอยู่หัวว่าเอาพระราชกำหนดมาทำเป็นเล่นไป
จะทำให้พระองค์ต้องเสื่อมเสียขอโปรดพระกรุณาตัดศรีษะข้าพระพุทธเจ้าตามพระราชกำหนดเถิดพระเจ้าข้า
ขอกราบทูลฝากบุตรและภรรยา และถวายบังคมลาตาย
พระเจ้าเสือดำรัสวิงวอนไปหลายครั้ง พันท้ายนรสิงห์ก็หายอมไม่จึงต้องจำใจรับสั่งให้ตัดศรีษะพันท้ายนรสิงห์
เพื่อยืนยันให้พระราชกำหนดกฏหมายนั้นต้องทำตามและเป็นการปกป้องไม่ให้พระเจ้าอยู่หัวต้องเสื่อมเสีย
แม้ตัวตายก็ยอมจึงได้รับการเคารพกราบไหว้มาตราบนานเท่านาน
-----------------------------------------------------