สยามฟิชชิ่ง
หน้าแรก|กระดาน|รีวิว|ประมูล|ตลาด|เปิดท้าย
login | สมัครสมาชิก | วิธีสมัครสมาชิก | ลืมชื่อ/รหัส | login ไม่ได้? | 26 พ.ย. 67
ชะโด1กะบะ = ทองผาภูมิ : SiamFishing : Thailand Fishing Community
หน้าที่:< 1 | 2 | 3 | 4
 กระดาน > น้ำจืด
ความเห็น: 96 - [12 ก.ค. 54, 23:31] ดู: 9,599 - [26 พ.ย. 67, 00:01] โหวต: 27
ชะโด1กะบะ = ทองผาภูมิ
กระทู้: 15
ความเห็น: 3,986
ล่าสุด: 27-01-2566
ตั้งแต่: 24-01-2554
bigbike(353 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
ความเห็นที่ 76: 9 ก.ค. 54, 23:19
กระทู้: 19
ความเห็น: 926
ล่าสุด: 25-11-2567
ตั้งแต่: 06-03-2549
ความเห็นที่ 77: 9 ก.ค. 54, 23:40
ปากท้องสำคัญก็จริงอยู่ครับแต่เมือถึงคราวที่คนหากินแบบนี้จบชีวิตลงไปลูกหลานของเขาที่เลี้ยงมาจะสืบทอดการทำมาหากิน
แบบนี้ไม่ได้แล้วเพราะปลาไม่เหลือแล้วถ้า้เป็นอย่างนั้นแสดงว่ารักลูกหลานไม่จริงแล้วครับ..ตอนกูอยู่ให้ลูกหลานกูสบาย...ตอนกูตาย
มึงเอาตัวให้รอดกันเอง..มันจะดีหรือ
กระทู้: 108
ความเห็น: 8,773
ล่าสุด: 19-10-2567
ตั้งแต่: 13-07-2548
ความเห็นที่ 78: 10 ก.ค. 54, 08:04
-เอาปลาล่าเหยื่อออก มากเท่าไร ปลากินพืช เช่น แรด นิล ตะเพียน หมอ บู่ สร้อย  ฯลฯ ก็รอดมากขึ้น

ผมก็มีปลาเนื้อดีกินในราคาไม่แพง 

-ปล่อยปลาล่าเหยื่อไว้มากๆ นักกีฬาตกปลาก็ชอบ เอาเรือกับ อปก.เรือนแสน ไปไล่ล่าตกแล้วปล่อย

ถ่ายภาพมาให้ดูมีคนชม  หากขนมาเย๊อะๆ ก็โดนด่า แต่ที่แน่ๆ ปลากินพืชก็รอดน้อย ที่แย่คือ ผม

ต้องกิน แรด  นิล หมอตะกรับ ราคาแพง เพราะหายากขึ้น ชาวบ้านต้องเสียค่าน้ำมันมากขึ้น

สรุปแว่..... ไม่มีใครถูกหรือผิด เพราะ ต่างคนทำตามที่ตัวต้องการ ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย

****** แต่ส่วนตัว ผมเชียร์ ให้เอาโดออกเย๊อะๆครับ ไม่ได้กินแรดเเก่งกระจาน มา 3 ปีแล้ว 

ทิ้งท้ายนิด ว่า  ((คนตกปลา))โมโหที่ไม่ได้สนุก  กับ  ทุกข์เพราะไม่มีจะลูกกิน((ชาวบ้าน))

ใครจะเศร้ากว่ากันครับ  เลิกเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง แล้วมองให้รอบด้านครับ ปลดทุกข์ให้ใจตัวเอง

กันดีกว่า    อ่านที่นี่ก็ช่วยได้ครับ
กระทู้: 3
ความเห็น: 825
ล่าสุด: 10-10-2567
ตั้งแต่: 27-05-2548
ความเห็นที่ 79: 10 ก.ค. 54, 12:44
ดำยิงปลาจับคู่ กัดรัง แม่ครอก แน่นอนครับ มาช่วยยืนยันอีกเสียง

คนดำบอกว่าปลาพวกนี้ยิงง่าย ไม่หนี ลงไปเป็นเจอ

พวกช้วนลูกครอกที่เขาแหลม ได้ข่าวว่าปีนี้อาจจะลดลง เพราะราคาไม่ดี แม่ค้าเอาน้อย

..

ตกชะโดไม่ง่าย เพราะไม่มีตัวให้ตกครับ
กระทู้: 0
ความเห็น: 270
ล่าสุด: 25-06-2566
ตั้งแต่: 21-06-2553
ความเห็นที่ 80: 10 ก.ค. 54, 19:39
การทำประมงทุกอย่าง เป็นการเอาเปรียบธรรมชาติอย่างที่สุด


ทำสวนยังต้องใส่ปุ๋ย ยังต้องใช้เวลาดูแล

แต่ทำประมง เราได้แต่ตักตวงจากธรรมชาติ  น่าจะเก็บภาษีพวกทำอาชีพประมงมากกกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ 
กระทู้: 1
ความเห็น: 2,292
ล่าสุด: 25-11-2567
ตั้งแต่: 16-04-2551
a40(2 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
ความเห็นที่ 81: 10 ก.ค. 54, 19:46
กระทู้: 4
ความเห็น: 2,137
ล่าสุด: 27-01-2566
ตั้งแต่: 11-11-2551
pia2505(99 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
ความเห็นที่ 82: 10 ก.ค. 54, 20:19
วิถีชาวบ้านครับ เพื่อปากเพื่อท้อง
กระทู้: 4
ความเห็น: 8,760
ล่าสุด: 30-10-2567
ตั้งแต่: 19-08-2551
psu_2519(54 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
ความเห็นที่ 83: 10 ก.ค. 54, 20:42
กระทู้: 22
ความเห็น: 6,669
ล่าสุด: 30-04-2567
ตั้งแต่: 19-05-2554
ความเห็นที่ 84: 11 ก.ค. 54, 10:16
กระทู้: 0
ความเห็น: 1,569
ล่าสุด: 27-01-2566
ตั้งแต่: 12-11-2553
ความเห็นที่ 85: 11 ก.ค. 54, 13:42
กระทู้: 1
ความเห็น: 156
ล่าสุด: 29-04-2567
ตั้งแต่: 12-09-2553
MUM(8 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
ความเห็นที่ 86: 11 ก.ค. 54, 13:49

ส่วนตัวผมคิดว่า ระบบนิเวศน์ของเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำมันมีห่วงโซ่อาหารที่สมบูรณ์ของมันอยู่แล้วครับ

ไม่ใช่ว่าหากปลาล่าเหยื่อเยอะ ปลากินพืชจะลดน้อยลง

ผมเติบโตคุ้นเคยกับเขื่อนในประเทศไทยมาตั้งแต่เด็กๆ เห็นความเปลี่ยนแปลงของจำนวนประชากรของสัตว์น้ำในเขื่อนที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด

ทั้งปลาล่าเหยื่อและปลากินพืช  -  ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของมนุษย์ ทั้งสิ้น  " ที่ใช้เหตุผลว่าล่าเพื่อปากท้อง " ล่าทุกอย่างที่อยู่ในน้ำและบนบกแล้วเอาไปขายได้  ล่าแบบไม่เกรงกลัวกฏหมาย ( สัตว์ป่าคุ้มครอง )  เพราะกฏหมายเมืองไทยมีช่องว่าง และโทษทัณฑ์เบามากๆ

หากน้าว่าปลาล่าเหยื่อเยอะแล้วจะทำให้จำนวนของปลากินพืชลดน้อยลงป่านนี้ปลากินพืชคงสูญพันธุ์ไปหมดแล้วมั้งครับ เพราะแต่ก่อนชะโดในเขื่อนเยอะมากๆ ถึงมากที่สุด  กระสูบนี่ฝูงใหญ่กว่ารถสิบล้ออีกมั้ง  แต่ปลากินพืชต่างๆก็มีจำนวนที่เยอะมาก อาจจะเยอะมากกว่าปลาล่าเหยื่อซะด้วยซ้ำ แถมขนาดก็ใหญ่โตกว่าในสมัยนี้มากด้วย

แต่เมื่อเริมมีจำนวนของมนุษย์เข้ามาอยู่อาศัยเพิ่มขึ้น  จาก 1 หมู่บ้าน ก็เพิ่มขึ้นเป็นหลายๆหมู่บ้าน  มีการยึดอาชีพทำประมงเป็นหลัก  มีการเลี้ยงปลาในกระชัง  และหาปลาจากธรรมชาติตามฤดู  ไปขาย  ตั้งแต่ปลาเล็กปลาน้อย ไปจนถึงปลาขนาดใหญ่ ทั้งสัตว์น้ำสัตว์บก  รวมไปถึงสัตว์ป่าคุ้มครองต่างๆ

...........................................................

ผมเป็นคนที่ชอบพักผ่อนด้วยการตกปลามาตั้งแต่เด็กๆ  ตกทั้งปลาล่าเหยื่อ และปลากินพืช

ไม่ได้เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง และไม่ได้โมโหที่ตัวเองจะไม่ได้เอาอุปกรณ์เรือนแสนไปตกแล้วปล่อย ( กับปลาล่าเหยื่อ )

แต่ดูจากภาพรวมของทุกๆปี  และสอบถามรายละเอียด  คำบอกเล่าจากชาวบ้านที่รู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี

ชาวบ้านและชาวประมงไม่ชอบปลาล่าเหยื่อเพราะว่า " เวลาวางต่าขายหาปลา ก็ชอบมากัดกินปลาที่ติดต่ายทำให้เสียทั้งปลาและตาข่าย " , " เวลาเลี้ยงปลาในกระชังก็ชอบมากัดแทะกระชังจนทะลุแล้วขโมยปลาในกระชังไปกิน " , " เวลาวางเบ็ดราว ก็ชอบมากัดกินปลาที่ติดเบ็ดราว " ฯลฯ

ผมถามคำเดียว ปลามันผิดตรงไหนครับ  " เพราะมันก็เลี้ยงปากเลี้ยงท้องมันเหมือนกัน และมันก็อยู่ในนี้มาก่อนพวกมนุษย์เสียด้วยซ้ำ " ถ้าจะบอกว่าชาวบ้านมีเหตุผลให้ล่า  สัตว์น้ำมันก็มีเหตุผลให้ล่าเหมือนกัน

และในขณะเดียวกันผมนั่งตกปลากินพืช  มันก็ไม่มีปลามากินเหมือนแต่ก่อนเช่นกันครับ  ต้องอ่อยเหยื่อถมเหยื่อกันทีหลายๆสิบกิโลกรัมเพื่อรอฝูงปลาเข้ามากินเหยื่อที่ล่อไว้  แล้วจึงพานักตกปลาเข้าไปตก  บางทีอ่อยเหยื่อไว้ตั้งเยอะยังไม่มีฝูงปลาเข้ามาเลยก็มี

ทั้งๆที่บอกว่าชะโดและปลาล่าเหยื่อลดปริมาณลง  จะทำให้ปริมาณปลากินพืชเพิ่มมากขึ้น

" ทุกวันนี้ปริมาณของปลาล่าเหยื่อลดลงมากจนแทบจะไม่มีให้ตก  แล้วทำไมปริมาณของปลากินพืชไม่เพิ่มขึ้นสักที  เห็นมีแต่ลดปริมาณลงตามกันไปเรื่อยๆ ทุกๆปี "

ที่ผมพิมพ์กระทู้นี้ขึ้นมาก็เพราะว่า " รู้สึกใจหายกับจำนวนปริมาณของสัตว์น้ำในเขื่อนต่างๆที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด  ทุกๆปี "

และมีความต้องการอยากให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ช่วยกันสร้างกฏหมาย  และกำหนดขอบเขตในการทำปะมง ให้มีช่วงของการหยุดทำปะมงเพื่ออนุรักษ์สัตว์น้ำของทุกๆปี    "หยุดการล่าสัตว์น้ำทุกอย่างทั้งใช้อุปกรณ์จับสัตว์น้ำทุกชนิดและรวมถึงคันเบ็ดตกปลาด้วย"

ไม่ใช่เพื่อใคร  แต่เพื่อทรัพยากรสัตว์น้ำที่อุดมสมบรูณ์ของประเทศไทยเราครับ

ทั้งหมดนี่คือสิ่งที่ผมได้รับรู้ ได้ประสบพบเจอมากับตัวเองครับ  แค่ต้องการให้เพื่อนได้รับรู้ก็เท่านั้นเองครับ

และผมก็เชื่อว่ามีน้าๆอีกหลายท่านที่รับรู้และได้เห็นมาเหมือนๆกับผม อาจจะมากกว่าผมด้วยซ้ำไป แต่ไม่ได้มาพิมพ์ให้เพื่อนๆได้รับรู้และเข้าใจกันครับ

หาก Admin เห็นว่าข้อความนี้ไม่สมควรก็ลบได้เลยนะครับผม

กระทู้: 23
ความเห็น: 1,924
ล่าสุด: 27-01-2566
ตั้งแต่: 26-10-2552
virat.s(1084 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
ความเห็นที่ 87: 11 ก.ค. 54, 15:09
อ้างถึง: ใหญ่  บางพลี posted: 10-07-2554, 08:04:42

-เอาปลาล่าเหยื่อออก มากเท่าไร ปลากินพืช เช่น แรด นิล ตะเพียน หมอ บู่ สร้อย  ฯลฯ ก็รอดมากขึ้น

ผมก็มีปลาเนื้อดีกินในราคาไม่แพง 

-ปล่อยปลาล่าเหยื่อไว้มากๆ นักกีฬาตกปลาก็ชอบ เอาเรือกับ อปก.เรือนแสน ไปไล่ล่าตกแล้วปล่อย

ถ่ายภาพมาให้ดูมีคนชม  หากขนมาเย๊อะๆ ก็โดนด่า แต่ที่แน่ๆ ปลากินพืชก็รอดน้อย ที่แย่คือ ผม

ต้องกิน แรด  นิล หมอตะกรับ ราคาแพง เพราะหายากขึ้น ชาวบ้านต้องเสียค่าน้ำมันมากขึ้น

สรุปแว่..... ไม่มีใครถูกหรือผิด เพราะ ต่างคนทำตามที่ตัวต้องการ ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย

****** แต่ส่วนตัว ผมเชียร์ ให้เอาโดออกเย๊อะๆครับ ไม่ได้กินแรดเเก่งกระจาน มา 3 ปีแล้ว 

ทิ้งท้ายนิด ว่า  ((คนตกปลา))โมโหที่ไม่ได้สนุก  กับ  ทุกข์เพราะไม่มีจะลูกกิน((ชาวบ้าน))

ใครจะเศร้ากว่ากันครับ  เลิกเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง แล้วมองให้รอบด้านครับ ปลดทุกข์ให้ใจตัวเอง

กันดีกว่า    อ่านที่นี่ก็ช่วยได้ครับ


ลองคิดดูดีๆครับ ชะโดมันอยู่คู่กับประเทศเรามาเป็นพันปีแล้วครับ ถ้ามัน มีผลกระทบกับปลาเกล็ดจริง สมัยก่อนเราไม่มีปลาเกล็ดตัวใหญ่ๆกินกันหรอกครับ ชะโดมันกินเพื่ออยู่นะครับ ไม่ได้อยู่เพื่อกินแบบมนุษย์

ลองไปดูปลาตามตลาดสิครับว่าที่จับมามันเยอะเกินกว่าจะขายได้เท่าไหร่แต่ละวันต้องทิ้งไปเท่าไหร่ ไอ้ข้ออ้างประเภทเพื่อปากท้องเนี่ยหรือวิถีชาวบ้านเนี่ยเก่าไปแล้วครับ ที่จับมามันเกินกว่าที่พูดกันว่าเพื่อปากท้องไปเยอะแล้วครับ เราจับพวกเขามามากกว่าความต้องการทั้งนี้เพื่อตอบสนองกิเลสเราเองทั้งนั้นครับ ทั้งปลาเกล็ดปลาล่าเหยื่อ

โลกนี้มันสมดุลมาตั้งแต่ต้นมันเพิ่งมาเสียสมดุลก็ตอนที่มนุษย์ตั้งตัวว่าประเสริฐกว่าเพื่อนร่วมโลกนี่เองแหละครับ สิ่งประเสิรฐที่ทำร้ายเพื่อนร่วมโลกด้วยกันและผืนแผ่นดินที่ให้ชีวิตก็คนทั้งนั้นแล...

ก็ได้แต่ต้องช่วยกันให้ความรู้เด็กรุ่นใหม่ให้ลืมความเชื่อผิดๆ และรับรู้ถึงสมดุลของโลกและธรรมชาติที่แท้จริงครับ 
กระทู้: 2
ความเห็น: 497
ล่าสุด: 11-05-2567
ตั้งแต่: 26-01-2554
atomka(7 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
ความเห็นที่ 88: 11 ก.ค. 54, 15:18

กระทู้: 11
ความเห็น: 2,076
ล่าสุด: 09-10-2567
ตั้งแต่: 19-02-2553
tammadaa(574 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
ความเห็นที่ 89: 11 ก.ค. 54, 15:41
อะนิจจัง นานาจิตตัง

กระทู้: 0
ความเห็น: 2
ล่าสุด: 27-01-2566
ตั้งแต่: 22-04-2554
ความเห็นที่ 90: 11 ก.ค. 54, 15:50
:
กระทู้: 18
ความเห็น: 8,411
ล่าสุด: 29-10-2567
ตั้งแต่: 24-09-2553
DoctorK(909 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
ความเห็นที่ 91: 11 ก.ค. 54, 23:17
+
กระทู้: 2
ความเห็น: 1,083
ล่าสุด: 27-01-2566
ตั้งแต่: 15-01-2552
ความเห็นที่ 92: 12 ก.ค. 54, 00:10

  อุปกรณ์และเทคนิคของพวกเราพัฒนายิ่งขึ้นๆทุกๆวัน แต่จะมีประโยชน์อะไรถ้าบางสิ่งของพวกเราไม่พัฒนาขึ้นเลยแล้วทำให้...พรุ่งนี้ไม่มีปลา
กระทู้: 7
ความเห็น: 1,173
ล่าสุด: 30-04-2567
ตั้งแต่: 09-05-2550
ความเห็นที่ 93: 12 ก.ค. 54, 01:36
กระทู้: 47
ความเห็น: 11,304
ล่าสุด: 15-10-2567
ตั้งแต่: 25-03-2553
Nui113(2767 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้)offline
ความเห็นที่ 94: 12 ก.ค. 54, 06:09
กระทู้: 5
ความเห็น: 523
ล่าสุด: 27-01-2566
ตั้งแต่: 28-02-2552
ความเห็นที่ 95: 12 ก.ค. 54, 23:30
อ้างถึง: MUM posted: 11-07-2554, 13:49:31


ส่วนตัวผมคิดว่า ระบบนิเวศน์ของเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำมันมีห่วงโซ่อาหารที่สมบูรณ์ของมันอยู่แล้วครับ

ไม่ใช่ว่าหากปลาล่าเหยื่อเยอะ ปลากินพืชจะลดน้อยลง

ผมเติบโตคุ้นเคยกับเขื่อนในประเทศไทยมาตั้งแต่เด็กๆ เห็นความเปลี่ยนแปลงของจำนวนประชากรของสัตว์น้ำในเขื่อนที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด

ทั้งปลาล่าเหยื่อและปลากินพืช  -  ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของมนุษย์ ทั้งสิ้น  " ที่ใช้เหตุผลว่าล่าเพื่อปากท้อง " ล่าทุกอย่างที่อยู่ในน้ำและบนบกแล้วเอาไปขายได้  ล่าแบบไม่เกรงกลัวกฏหมาย ( สัตว์ป่าคุ้มครอง )  เพราะกฏหมายเมืองไทยมีช่องว่าง และโทษทัณฑ์เบามากๆ

หากน้าว่าปลาล่าเหยื่อเยอะแล้วจะทำให้จำนวนของปลากินพืชลดน้อยลงป่านนี้ปลากินพืชคงสูญพันธุ์ไปหมดแล้วมั้งครับ เพราะแต่ก่อนชะโดในเขื่อนเยอะมากๆ ถึงมากที่สุด  กระสูบนี่ฝูงใหญ่กว่ารถสิบล้ออีกมั้ง  แต่ปลากินพืชต่างๆก็มีจำนวนที่เยอะมาก อาจจะเยอะมากกว่าปลาล่าเหยื่อซะด้วยซ้ำ แถมขนาดก็ใหญ่โตกว่าในสมัยนี้มากด้วย

แต่เมื่อเริมมีจำนวนของมนุษย์เข้ามาอยู่อาศัยเพิ่มขึ้น  จาก 1 หมู่บ้าน ก็เพิ่มขึ้นเป็นหลายๆหมู่บ้าน  มีการยึดอาชีพทำประมงเป็นหลัก  มีการเลี้ยงปลาในกระชัง  และหาปลาจากธรรมชาติตามฤดู  ไปขาย  ตั้งแต่ปลาเล็กปลาน้อย ไปจนถึงปลาขนาดใหญ่ ทั้งสัตว์น้ำสัตว์บก  รวมไปถึงสัตว์ป่าคุ้มครองต่างๆ

...........................................................

ผมเป็นคนที่ชอบพักผ่อนด้วยการตกปลามาตั้งแต่เด็กๆ  ตกทั้งปลาล่าเหยื่อ และปลากินพืช

ไม่ได้เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง และไม่ได้โมโหที่ตัวเองจะไม่ได้เอาอุปกรณ์เรือนแสนไปตกแล้วปล่อย ( กับปลาล่าเหยื่อ )

แต่ดูจากภาพรวมของทุกๆปี  และสอบถามรายละเอียด  คำบอกเล่าจากชาวบ้านที่รู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี

ชาวบ้านและชาวประมงไม่ชอบปลาล่าเหยื่อเพราะว่า " เวลาวางต่าขายหาปลา ก็ชอบมากัดกินปลาที่ติดต่ายทำให้เสียทั้งปลาและตาข่าย " , " เวลาเลี้ยงปลาในกระชังก็ชอบมากัดแทะกระชังจนทะลุแล้วขโมยปลาในกระชังไปกิน " , " เวลาวางเบ็ดราว ก็ชอบมากัดกินปลาที่ติดเบ็ดราว " ฯลฯ

ผมถามคำเดียว ปลามันผิดตรงไหนครับ  " เพราะมันก็เลี้ยงปากเลี้ยงท้องมันเหมือนกัน และมันก็อยู่ในนี้มาก่อนพวกมนุษย์เสียด้วยซ้ำ " ถ้าจะบอกว่าชาวบ้านมีเหตุผลให้ล่า  สัตว์น้ำมันก็มีเหตุผลให้ล่าเหมือนกัน

และในขณะเดียวกันผมนั่งตกปลากินพืช  มันก็ไม่มีปลามากินเหมือนแต่ก่อนเช่นกันครับ  ต้องอ่อยเหยื่อถมเหยื่อกันทีหลายๆสิบกิโลกรัมเพื่อรอฝูงปลาเข้ามากินเหยื่อที่ล่อไว้  แล้วจึงพานักตกปลาเข้าไปตก  บางทีอ่อยเหยื่อไว้ตั้งเยอะยังไม่มีฝูงปลาเข้ามาเลยก็มี

ทั้งๆที่บอกว่าชะโดและปลาล่าเหยื่อลดปริมาณลง  จะทำให้ปริมาณปลากินพืชเพิ่มมากขึ้น

" ทุกวันนี้ปริมาณของปลาล่าเหยื่อลดลงมากจนแทบจะไม่มีให้ตก  แล้วทำไมปริมาณของปลากินพืชไม่เพิ่มขึ้นสักที  เห็นมีแต่ลดปริมาณลงตามกันไปเรื่อยๆ ทุกๆปี "

ที่ผมพิมพ์กระทู้นี้ขึ้นมาก็เพราะว่า " รู้สึกใจหายกับจำนวนปริมาณของสัตว์น้ำในเขื่อนต่างๆที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด  ทุกๆปี "

และมีความต้องการอยากให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ช่วยกันสร้างกฏหมาย  และกำหนดขอบเขตในการทำปะมง ให้มีช่วงของการหยุดทำปะมงเพื่ออนุรักษ์สัตว์น้ำของทุกๆปี    "หยุดการล่าสัตว์น้ำทุกอย่างทั้งใช้อุปกรณ์จับสัตว์น้ำทุกชนิดและรวมถึงคันเบ็ดตกปลาด้วย"

ไม่ใช่เพื่อใคร  แต่เพื่อทรัพยากรสัตว์น้ำที่อุดมสมบรูณ์ของประเทศไทยเราครับ

ทั้งหมดนี่คือสิ่งที่ผมได้รับรู้ ได้ประสบพบเจอมากับตัวเองครับ  แค่ต้องการให้เพื่อนได้รับรู้ก็เท่านั้นเองครับ

และผมก็เชื่อว่ามีน้าๆอีกหลายท่านที่รับรู้และได้เห็นมาเหมือนๆกับผม อาจจะมากกว่าผมด้วยซ้ำไป แต่ไม่ได้มาพิมพ์ให้เพื่อนๆได้รับรู้และเข้าใจกันครับ

หาก Admin เห็นว่าข้อความนี้ไม่สมควรก็ลบได้เลยนะครับผม




สะใจมากคร้าบบบ
กระทู้: 5
ความเห็น: 523
ล่าสุด: 27-01-2566
ตั้งแต่: 28-02-2552
ความเห็นที่ 96: 12 ก.ค. 54, 23:31
อ้างถึง: virat.s posted: 11-07-2554, 15:09:31

อ้างถึง: ใหญ่  บางพลี posted: 10-07-2554, 08:04:42

-เอาปลาล่าเหยื่อออก มากเท่าไร ปลากินพืช เช่น แรด นิล ตะเพียน หมอ บู่ สร้อย  ฯลฯ ก็รอดมากขึ้น

ผมก็มีปลาเนื้อดีกินในราคาไม่แพง 

-ปล่อยปลาล่าเหยื่อไว้มากๆ นักกีฬาตกปลาก็ชอบ เอาเรือกับ อปก.เรือนแสน ไปไล่ล่าตกแล้วปล่อย

ถ่ายภาพมาให้ดูมีคนชม  หากขนมาเย๊อะๆ ก็โดนด่า แต่ที่แน่ๆ ปลากินพืชก็รอดน้อย ที่แย่คือ ผม

ต้องกิน แรด  นิล หมอตะกรับ ราคาแพง เพราะหายากขึ้น ชาวบ้านต้องเสียค่าน้ำมันมากขึ้น

สรุปแว่..... ไม่มีใครถูกหรือผิด เพราะ ต่างคนทำตามที่ตัวต้องการ ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย

****** แต่ส่วนตัว ผมเชียร์ ให้เอาโดออกเย๊อะๆครับ ไม่ได้กินแรดเเก่งกระจาน มา 3 ปีแล้ว 

ทิ้งท้ายนิด ว่า  ((คนตกปลา))โมโหที่ไม่ได้สนุก  กับ  ทุกข์เพราะไม่มีจะลูกกิน((ชาวบ้าน))

ใครจะเศร้ากว่ากันครับ  เลิกเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง แล้วมองให้รอบด้านครับ ปลดทุกข์ให้ใจตัวเอง

กันดีกว่า    อ่านที่นี่ก็ช่วยได้ครับ


ลองคิดดูดีๆครับ ชะโดมันอยู่คู่กับประเทศเรามาเป็นพันปีแล้วครับ ถ้ามัน มีผลกระทบกับปลาเกล็ดจริง สมัยก่อนเราไม่มีปลาเกล็ดตัวใหญ่ๆกินกันหรอกครับ ชะโดมันกินเพื่ออยู่นะครับ ไม่ได้อยู่เพื่อกินแบบมนุษย์

ลองไปดูปลาตามตลาดสิครับว่าที่จับมามันเยอะเกินกว่าจะขายได้เท่าไหร่แต่ละวันต้องทิ้งไปเท่าไหร่ ไอ้ข้ออ้างประเภทเพื่อปากท้องเนี่ยหรือวิถีชาวบ้านเนี่ยเก่าไปแล้วครับ ที่จับมามันเกินกว่าที่พูดกันว่าเพื่อปากท้องไปเยอะแล้วครับ เราจับพวกเขามามากกว่าความต้องการทั้งนี้เพื่อตอบสนองกิเลสเราเองทั้งนั้นครับ ทั้งปลาเกล็ดปลาล่าเหยื่อ

โลกนี้มันสมดุลมาตั้งแต่ต้นมันเพิ่งมาเสียสมดุลก็ตอนที่มนุษย์ตั้งตัวว่าประเสริฐกว่าเพื่อนร่วมโลกนี่เองแหละครับ สิ่งประเสิรฐที่ทำร้ายเพื่อนร่วมโลกด้วยกันและผืนแผ่นดินที่ให้ชีวิตก็คนทั้งนั้นแล...

ก็ได้แต่ต้องช่วยกันให้ความรู้เด็กรุ่นใหม่ให้ลืมความเชื่อผิดๆ และรับรู้ถึงสมดุลของโลกและธรรมชาติที่แท้จริงครับ 


ถูกต้องแล้วคร้าบบบบบ
หน้าที่:< 1 | 2 | 3 | 4
กรุณา ลงทะเบียน และ login ก่อนส่งความเห็นครับ
siamfishing.com © 2024
siamfishing.com/board/view.php?begin=75&onlyuserid=0&tid=634226