ในทางกฎหมายควรต้องหยุดจ่ายค่างวดทันทีเพราะรถที่เช่าซื้อสูญหายไปแล้ว สัญญาเช่าซื้อก็ต้องระงับ ดังนั้น จึงเหลือประเด็นเดียวว่าค่าเสียหายมีเท่าไหร่ ? เรื่องนี้ศาลฎีกาเคยวางบรรทัดฐานนะครับว่าถ้ารถที่เช่าซื้อสูญหายก็ต้องมาคำนวณครับว่ารถราคาเท่าใด ผู้เช่าซื้อจ่ายเงินค่างวดมาแล้วเป็นเงินเท่าใด บริษัทประกันได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่บริษัทลิสซิ่งเนื่องจากรถหายเป็นเงินเท่าใดถ้า 2 จำนวนนี้รวมกันแล้วเกินกว่าราคารถที่บริษัทลิสซิ่งซื้อมาอย่างนี้ผู้เช่าซื้อก็ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหาย
มีข้อถามต่อไปว่า ถ้าสัญญาเช่าซื้อมีข้อตกลงให้บริษัทเรียกค่าเช่าซื้อที่ยังขาดอยู่ได้แม้ว่าทรัพย์ที่เช่าซื้อจะสูญหายก็ตาม เรื่องนี้ ศาลมีอำนาจที่จะกำหนดให้ผู้เช่าซื้อชำระหรือไม่ก็ได้ครับ และถ้าศาลกำหนดให้ชำระละครับต้องชำระเต็มตามสัญญาหรือเปล่า? คำตอบก็คือว่าการที่จะกำหนดให้ผู้เช่าซื้อต้องชำระนั้นต้องพิจารณาด้วยนะครับว่าเงินค่าเช่าซื้อที่บริษัทลิสซิ่งได้รับชำระมาแล้วรวมกับค่าสินไหมทดแทนที่บริษัท
ประกันภัยได้จ่ายให้ เมื่อยังไม่เพียงพอกับความเสียหายที่ผู้ให้เช่าซื้อได้รับ ศาลก็จะกำหนดความเสียหายให้ตามสมควร แต่มิใช่ให้ชำระค่าเช่าซื้อจนครบเต็มตามสัญญา และหากหลังจากรถหายไป 2 ปี เกิดจับคนร้ายได้แล้วได้รถที่เช่าซื้อกลับคืนมา รถต้องเป็นของบริษัทประกันนะครับ ไม่ได้เป็นของเรา เพราะสัญญาเช่าซื้อระหว่างเรา
กับบริษัท มันจบและตัดขาดกันโช๊ะ ๆ ไปแล้วครับ
อาจารย์ประมาณ ได้กล่าวไว้
ยังไงๆก็ขอให้ได้รถคืนนะครับ