ผมเอง ถ่ายภาพมาครึ่งชีวิต เริ่มจากไม่รู้อะไรเลย แต่เป็นคนชอบศิลปะ ก็อยากเก็บบันทึกภาพตามที่เราได้เห็นแทนการวาดภาพ
สมัยก่อน ค่อนข้างยากลำบาก กล้องตอนนั้น แทบจะไม่มีระบบอัตโนมัติ ต้องปรับเองเป็นแมนนวลหมด แม้แต่การโฟกัส ทำให้ยากต่อการเรียนรู้ แต่ด้วยความรักในศิลปะการถ่ายภาพ ก็พยายามเรียนรู้ไปเรื่อย หาด้วยตนเองบ้าง ครูพักลักจำบ้าง อ่านหนังสือบ้าง ไม่มีคนคอยสอน และแนะนำไปในแนวทางที่ถูก บางครั้งหลงทางเรื่องบางเรื่อง เป็นปี กว่าที่ผมจะได้มาซึ่ง การถ่ายภาพอย่างมีหลักเกณฑ์แต่ละอย่าง แค่เพียงเส้นขอบฟ้าต้องตรง ผมใช้เวลาหลายปี จึงจะค้นพบว่า มันต้องตรง กว่าจะรู้จักจุดตัด 9 ช่อง ก็ใช้เวลาอีกหลายปี จนมีความรู้สึกว่าหลงใหลมันแล้วก็เลิกไม่ได้ ผมถ่ายภาพไปเรื่อย ๆ ด้วยความสนุก และสิ้นเปลือง ภาพถ่ายม้วนหนึ่งต้องใช้เงิน หลายร้อยบาท ในการซื้อฟิล์ม ล้างฟิล์ม และ อัดเป็นภาพ ใน 1 ม้วน มี 36 ภาพ จะดูได้ สักภาพเดียว หรือบางม้วนไม่มีเลย ทำไงดีไม่มีคนสอน ก็ต้องอาศัยดูภาพมาก ๆ ด้วยความที่เป็นคนไม่ขยันอ่าน ก็เลย ต้องอาศัย ดูภาพจากมือชั้นครู ทั้งหลาย แต่ก็ไม่ทราบว่า ภาพที่ได้มาสวยงามนั้น ต้องผ่านการเรียนรู้อะไรมาบ้าง จนมาระยะหนึ่ง เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ผมเริ่มรู้สึกได้ว่า ภาพถ่ายของเรา เริ่มดูได้ ก็เลยอยากรู้ว่า ภาพเรายืนอยู่ตรงไหน ผมเลย ทดลองส่งภาพเข้าประกวด ใหม่ ๆ ก็เป็นเพียง ประกวดภาพในรางวัลเล็ก ๆ หาตามหนังสือถ่ายภาพที่มักจะมีหัวข้อการประกวดภาพ อยู่มากมาย เพื่อให้รู้ว่า เขามีหลักเกณฑ์อย่างไรในการประกวดภาพ ต้องดูภาพอย่างไร ต้องศึกษาเรื่องนี้อยู่นานพอควร ได้ร่วมเข้าชมรมถ่ายภาพ แล้วก็ ตั้งชมรมถ่ายภาพ สนุกกับมัน อย่างสิ้นเปลือง กว่าจะได้มาซึ่งรางวัลแต่ละรางวัลมันไม่ง่ายเลย เหตุนี้ นักถ่ายภาพระดับโปรทั้งหลายจึงหวงแหนวิชาที่เขาได้มาแสนยากเย็น
ผมสนุกอยู่กับการถ่ายภาพประกวด และ เก็บสต๊อก อยู่ 2-3 ปี จนมาปี 2540 พิษของเศรษฐกิจฟองสบู่เริ่มส่งผลมาถึงกิจการของผม ที่ทำอยู่รายได้หายไปเดือนละเป็นแสนบาท ธุรกิจยังอยู่ได้ไม่ขาดทุน แต่ผมอยู่ไม่ได้ ด้วยความที่เป็นคนใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ใช้เงินไม่คิด ทำให้การใช้ชีวิตเริ่มเดือดร้อน ต้องหาอาชีพเสริม สิ่งที่ผมทำได้ดีที่สุดในชีวิต นอกจากวิชาการที่ได้เล่าเรียนมาคือ "การถ่ายภาพ" ผมจึงเลือก อาชีพ "ช่างภาพ" ตั้งแต่บัดนั้น เริ่มจากซื้ออุปรกรณ์ถ่ายภาพในสตู ปรับแต่งร้านอาหารส่วนหนึ่งเป็น สตูถ่ายภาพแต่งงาน ถ่ายภาพ แฟชั่น และเปิดตัวด้วยการรับงานถ่ายภาพตามงานต่าง ๆ ผมเริ่มในสมัยที่ ฮิตเรื่องการถ่ายภาพแต่งงานเป็น แพ๊คเกจ ซึ่งในกรุงเทพฯ ถ่ายสวย ๆ ชุดละ 70000-100000 บาท แต่ผมเป็นเพียงช่างบ้านนอก เลยรับงานเพียง แพ๊คเกจละ 30000-35000 บาท ลูกค้าจะได้ งานที่ใกล้เคียงกัน เว้นแต่สถานที่ที่ผมสู้ในกรุงไม่ได้ แต่ก็สามารถทำรายได้ให้ผม อยู่รอดในสภาวะเศรษฐกิจที่ทรุดหนักในช่วงนั้น
จากเดิมที่ผมต้องการถ่ายภาพเล่นสนุกสนาน และมีความสุขในการถ่ายภาพเพื่อให้ได้ภาพที่สวยงามดั่งใจคิด ต้องกลายมาเป็นการถ่ายภาพเพื่อเงิน ทุกครั้งที่กดชัตเตอร์มันมีตัวเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง สิ่งที่ผมได้มาก็คือเงินซึ่งมากพอต่อความเหนื่อยยาก แต่สิ่งที่เสียไปก็คือความสุขในการกดชัตเตอร์มันเปลี่ยนไป
เมื่อเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ผมก็ยิ่งเริ่มเบื่อ กับอาชีพช่างภาพ เพราะไม่ได้ถ่ายอย่างที่ใจต้องการ ที่เคยเดินทางไกล ๆ เพื่อถ่ายภาพ หาความเป็นธรรมชาติ หาแสง หาเงา หามุม มันหายไปหมด เหลือ แต่ หาเงิน เมื่อถึงวันที่มันสุกงอม ผมตัดสินใจทิ้งเงินที่ควรจะได้มา ด้วยการเลิก ถ่ายภาพเป็นอาชีพ ขายชุดแต่งงาน ขายชุดไฟ ขายชุดฉาก และอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ไปหมด เหลือไว้แต่เพียงกล้องและเลนส์ทียังรัก แล้วก็เลิกรับงาน รายได้หายไปเดือนละ แสนกว่าบาท มานั่งนึกว่า เราทำถูกหรือเปล่า มนุษย์ทุกคนต้องการเงิน แต่เงินไม่ใช่ความสุขที่สุดที่คนเราจะหาได้ ผมเริ่มหันกลับมาถ่ายภาพอย่างที่ใจรักเช่นเดิม เริ่มออกเดินทางไปแสวงหาสิ่งที่ตัวเองรัก นั่นคือการถ่ายภาพประกวด แต่แล้วการถ่ายภาพอาชีพ ก็กลับวนเวียนเข้ามาด้วยความที่ผมเป็นคนมีเพื่อนฝูงมาก เพื่อนก็มาขอร้องให้ถ่ายนู่นให้ ถ่ายนี่ให้ มาคิดว่า ไม่มีทางหยุดได้ นอกจากต้องขายกล้องทิ้ง
ผมตัดสินใจ ขายกล้องและอุปกรณ์ทุกอย่างทิ้งอย่างใจหาย และสุดแสนเสียดาย เพื่อนก็ใจดำ ซื้อกล้องไปไม่ยอมจ่ายเงิน เกือบสองปี ผมถึงจะได้เงินก้อนนั้นครบ ผมว่างอยู่เป็นปี ไม่รู้จะทำอะไร วันหนึ่ง ผมเจอเพื่อนที่สนิทกัน เขาชอบตกปลา ผมเลยหัดตกปลากับเขา ตอนนั้น มีกล้อง คอมแพคโซนี่ ติดตัวอยู่ตัวหนึ่ง เอาไว้ ถ่ายเล่นสนุก ๆ แล้วผมก็มารู้จักเวปสยามฯ ผมเข้ามาเล่นที่นี่ เพื่อตกปลา เวลาตกปลาได้ก็อยากอวดสมาชิก ก็เลย เอารูปที่ตกปลาได้มาลง ในช่วงต้น ๆ แฟนผมเป็นคนถ่ายภาพตกปลามาลง อาจจะดูดีกว่าคนอื่นหน่อย ก็เพราะเขาพอมีพื้นฐานการถ่ายภาพมาบ้าง
ต่อมาเริ่มมีคนสนใจการถ่ายภาพมากขึ้นเห็นภาพที่ปรากฏในสยามฯ ผมก็ตอบ ๆ ไปแบบไม่คิดว่า สักวัน สยามฯจะกลายเป็นเว็ปตกปลาที่มีคนถ่ายภาพมากที่สุดเช่นนี้ ผมก็ยังรักการตกปลาอยู่ เพราะเป็นของใหม่สำหรับผม ผมไม่เคยออกทริพเพื่อถ่ายรูปอื่นมาให้ชมนอกจากตกปลา คนเริ่มถามจาก 1 เป็น 2 จาก 2 เป็น 3 ไปเรื่อยๆ ผมเองก็ยังไม่คิดที่จะกลับมาถ่ายภาพ บอกได้ก็บอกไปตามที่รู้มา ไม่หวง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ดู เพราะไม่คิดว่าจะกลับมาถ่ายภาพอีก จนหลาย ๆ ท่าน ชวนผมบอกให้ มาถ่ายภาพเล่นกัน "กล้องก็มี ฝีมือก็มี คอยอะไรอยู่ มาถ่ายภาพกันดีกว่า" ผมยังจำคำนี้ได้ขึ้นใจ แต่ด้วยความที่ละวางไปนาน แล้วก็ไม่เคยรู้สึกโหยหา
จนมาวันหนึ่ง น้าเว็ป มาหาที่บ้าน ได้มีโอกาสมาชมภาพสไลด์ที่ผมเคยถ่ายไว้ เมื่อสิบกว่าปีก่อน แล้วก็ถามผมหลาย ๆ อย่างเกี่ยวกับการถ่ายภาพ ผมก็สอนไปจนน้าเว็ป สนใจเป็นอย่างยิ่ง แล้วก็บอกกับผมว่า หากหลาย ๆ คนในเว็ปสยามฯ ได้เรียนรู้การถ่ายภาพอย่างถูกวิธี จะเรียนได้อย่างรวดเร็ว อย่างที่เขาได้เรียน และจะทำให้ ต่อไป ภาพตกปลาในเว็ปไซด์ตกปลาต่าง ๆ คงมีแต่ภาพตกปลาสวย ๆ ผมมาเรียนกับพี่เล็กได้หรือไม่
ผมมาคิดว่า "น้าเว็ป อยู่ขอนแก่น ผมอยู่ แปดริ้ว ถ้าอยากเรียนรู้จริง ๆ แล้วยอมเดินทางมาหาเพื่อการเรียนรู้ ยังไง ผมก็ต้องสอนให้ได้มากที่สุด เพราะคงมองเห็นถึงความตั้งใจจริง" จากนั้น ก็เริ่มมีการเรียน การสอน การส่งการบ้าน ผ่านในเอ็มเอสเอ็น น้าเว็ปบอกผมว่า สิ่งที่ผมบอกไป และแกได้รับรู้ จะเป็นประโยชน์มาก ถ้าผ่านในหน้ากระดาน หลายคนจะได้เรียนรู้ควบคู่ไปด้วย เลยมีการส่งการบ้านในหน้ากระดาน และถามตอบในหน้ากระดาน จนมีผู้สนใจเพิ่มขึ้น ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
ผมเอง ต้องกลับมาหาซื้ออุปกรณ์เพิ่มเติม เพื่อที่จะได้ถ่ายภาพมาเป็นตัวอย่างบ้าง แล้ววันนั้น น้าแว่น ก็มาหาผม พร้อม กล้อง แคนนอน 350ดี + เลนส์ 18-200 ของซิกม่า ผมก็เลยซื้อไว้ แล้วก็หันกลับมาถ่ายภาพเพื่อสอนอีกครั้ง (ภาพด้านบนเป็นทริพแรก ๆ ที่คิดว่าจะถ่ายภาพสวย ๆ ลงในเว็ปสยามฯบ้าง) ผมกลับมาเริ่มถ่ายภาพใหม่ ในเว็ปสยามฯ นี้ เพราะสอนคนในเว็ปสยามฯนี้ คนเรียนรู้การถ่ายภาพในเว็ปสยามฯ เพื่อเรียนรู้การถ่ายภาพในเว็ปสยามฯ เขาก็ส่งการบ้าน ผ่านเว็ปสยามฯ ที่เขาเริ่มเรียน เริ่มพัฒนา จริงอยู่ มีเว็ปถ่ายภาพมากมาย แต่เท่า ๆ ที่ทราบหลายเว็ป เป็นเว็ปถ่ายภาพแต่ไม่ค่อยมีการเรียนการสอนอย่างชัดเจน และหลาย ๆ คนก็ไม่ได้เรียนรู้กล้อง จากเว็ป ถ่ายภาพ แต่กลับมา รู้จัก และเรียนรู้ ผ่านเว็ปสยามฯ แห่งนี้
จนมาถึงวันนี้ ทุกครั้งที่มีประเด็นเกี่ยวกับการถ่ายภาพในเว็ปสยามฯ //////////// ผมรู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมาทุกครั้ง ว่าเราเป็นต้นเหตุของการขัดแย้งนั้นหรือเปล่า ////////////
แต่ผมมาคิดว่า ภาพถ่ายที่สวยงามย่อมสื่อความรู้สึกที่ดีดี ได้ในทุกกิจกรรม ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม บางครั้ง ก็ได้กำลังใจจากคนรอบข้าง และคนที่เข้าใจ ว่าสิ่งที่ทำไปนั้นน่าจะมี ประโยชน์ มากกว่า โทษ
ผมยังยืนยันว่า ผมยังรักการตกปลา และ ผมก็ถ่ายภาพตกปลามากกว่าภาพอื่นๆ เพียงแต่ เวลามีกล้องคงต้องใช้กล้องให้คุ้มค่าที่สุด คงไม่มีไว้เพื่อ ถ่ายภาพตกปลาอย่างเดียว เลยเกิดภาพอื่นๆ แต่ก็ลงในหมวดของการถ่ายภาพ เพียงเพื่อคิดว่า น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังเรียนรู้เรื่องกล้องได้มากพอควร
ผมบ้าหรือเปล่า ที่ตอนนี้กำลังคิดว่า หากใครสนใจเรื่องการถ่ายภาพ ให้ รวบรวมสมาชิกไว้ หากไม่ไกลนักผมจะวิ่งไปสอนถึงที่ การสอนสัญจรเร็ว ๆ นี้คงเป็นที่ โคราช เพราะหลังจากที่ได้ไป ร่วมตกปลาที่ ลำแชะ เห็นว่าสมาชิก ส่วนใหญ่ถือกล้องด้วย และสนใจเรื่องการถ่ายภาพตกปลามาก ในเร็ววันนี้ ก็จะไปจัดสอนที่นั่น
และไม่นาน คงมีที่อื่นอีก
ทุกวันนี้ ผมมีความสุขขณะที่ตกปลา และถ่ายภาพตกปลา ควบคู่กันไป บางครั้ง ก็มีภาพอื่นบ้าง ก็เพราะเห็นแล้วอยากถ่าย และผมมีความสุขยิ่งกว่า เวลาที่ได้เห็นภาพตกปลาสวย ๆ จากเพื่อนสมาชิก ที่ไม่ว่าจะเรียนกับผมหรือไม่ก็ตาม ไม่ว่าจะใช้กล้องใดก็ตาม ไม่ว่าจะถ่ายที่ไหนก็ตาม เพราะ ผมรักภาพถ่าย และก็รักการตกปลา
ถ้าถามว่า แล้วทำไมผมถึงยินดีสอนการถ่ายภาพให้กับทุก ๆ คนที่สนใจ อยากเด่น อยากดัง หรือเปล่า คำตอบคือ เปล่าเลย ผมสอนเพราะว่า ผมมีจิตวิญญาน ในการสอน ผมไม่มีลูกที่จะรับการถ่ายทอดต่อไป สิ่งที่ผมรู้ หากผมตายไป ไม่ได้บอกใคร ความรู้ที่มีก็จะหายไปกับชีวิตผมที่จากไป แต่ถ้าผมสามารถสอนคนได้ ไม่มากก็น้อย ก็ถือว่า มีประโยชน์ต่อคนที่ได้รับการเรียนรู้ ไม่ต้องมาคอยเสียเวลา อย่างที่ผมต้องเสียเวลาไป หลายปีกว่าจะได้มา ก็เท่านั้นเอง
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทุกท่านคงเห็นความสำคัญของการถ่ายภาพ และใช้มันอย่างมีความสุข เวลาที่เราออกไปตกปลา ทุกครั้งเราคงไม่ได้ปลา แต่เราก็ได้ภาพกลับมาเล่าเรื่องให้เพื่อน ๆ ฟังว่า วันนี้ เราไป "แห้ว" กันมาจากที่ไหน หมายสวยอย่างไร หลาย ๆ ท่านเป็นสถานที่ หรือเป็นเจ้าถิ่น อยู่ก็สามารถบอกเราได้ว่า ตรงนี้ต้องใช้เหยื่อนี้ เหยื่อนั้น หรือว่า ต้องตกเวลานู้น เวลานี้ จะมีปลานั่น ปลานี่มากิน
ตกปลาอย่างสนุกสนาน ถ่ายภาพอย่างมีความสุข แล้วชีวิต ของคุณจะมีความสุขครับ
ขอบคุณ เว็ปสยามฯ และเพื่อนสมาชิกทุกคนที่ทำให้ สังคมเราอบอุ่นและมีความสุข ด้วยการอยู่ในสังคมนี้อย่างมีความสุขครับ