จวบจนอาทิตย์ลับขอบฟ้า......
พวกเราตกลงกันว่า จะย้ายหมายไปผูกซั้ง ปั่นไฟเพื่อตกปลากลางคืนกัน.....
ระหว่างทางก็ให้แวะจุดที่มีสัญญาณโทรศัพท์ เพื่อจะได้โทรติดต่อธุระส่วนตัว.....พร้อมกับกินอาหารมือเย็นไปทีเดียวเลย.....
หลังจากที่ธุระต่างๆ และอาหารมือค่ำผ่านไป.....เสียงสตาร์ทเครื่องยนต์ก็ดังขึ้น....แต่ๆๆๆๆ............ครั้งนี้เสียงมันไม่เหมือนเดิม.....
...แทนที่จะชึ้งเดียวติด.......กลับมีการสตาร์ทซ้ำ..และไม่ใช่แค่2 หรือ3 เท่านั้น.....เสียงสตาร์ทเครื่องดั่งต่อเนื่องติดๆกันหลายครั้ง...
จนในที่สุด...ก็หยุดลง....พร้อมกับทุกๆคนในเรือ ก็ออกมาดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น!!!!!................................................................
รื้อโน่น...ถอดนี่....ต่อนั่น....อยู่สักพักใหญ่ๆ.....ก็รู้ถึงสาเหตุที่เครื่องไม่ติด.....
"น้ำเข้าห้องเครือง"!!!!!
ฉิหายละ!!!...
"งานเข้า"...งานใหญ่ด้วยสิ........จะทำให้ติด และวิ่งได้ในทะเลแบบนี้ คงเป็นไปไม่ได้........
การรวมหัวกันอีกครั้งจึงเกิดขึ้น.........
สรุปเราต้องหาเรือลำใหม่เพื่อกลับเข้าฝั่ง..........
นาทีนั้น...เห็นใจน้ามาดที่สุด....ก็แกลางานมารวดเดียว7วันเลย......ตาไอซ์อีกคน..ที่ลางานมาเหมือนกัน.....ส่วนคนอื่นๆนะไม่เท่าไหร่.......
และที่มีสีหน้ากังวลมากที่สุดอีกคนหนึ่ง...ก็คือ
ไต๋เชียร...
ไต๋เชียร ที่ตอนนั้นตามร่างกาย และใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำมัน...กล่าวขอโทษพวกเรา
ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก....
จนผมรู้สึกได้ถึงความกังวล และรู้สึกผิด ที่เกิดขึ้นในใจแก......
ผมตอบกลับไต๋เชียรไปว่า"มันเป็นเรื่องสุดวิสัยครับพี่...เรื่องแบบนี้ไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้นหรอก....."
มันเป็นคำพูดพื้นๆ ที่หลายคนคงพูดเหมือนผมในสถาการณ์แบบนี้ แต่ที่ผมพูด เพราะผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ.......
ถามว่าพวกผมรู้สึกผิดหวังหรือไม่....."ผิดหวังแน่นอน"...แต่เราก็เข้าใจครับ ว่าเรื่องอย่างนี้ไม่มีใครที่อยากให้เกิด...
ไต๋เชียร..วิทยุติดต่อเรือแม่ปูจั๊กจั่น.ที่เป็นเพื่อนกัน...เพื่อฝากให้เราอาศัยกลับเข้าฝั่ง.......
พร้อมกับโทรบอกแฟนแกที่อยู่ที่ฝั่ง.....ให้คอยมารับและดูแลพวกเราอีกทีหนึ่ง.....