ผมกลับมาถึงแพ แทบจะก่อนใครๆ ในเที่ยวสุดท้าย วันที่3
เนื่อด้วยพกพาความหงุดหงิดหัวใจ กลับมาจากคลองแสงด้วย
เปล่า ไม่ใช่เพราะ ผมหงุดฟงิดกับการไล่ตกปลาเลี้ยงลูกครอก ที่ไม่ประสบผลสำเร็จ
แต่หงุดหงิดกับสิ่งที่ผมพบเจอ
พูดไปอาจจะไม่เชื่อ ผมเจอสปีดโบ๊ทขนาด 15 ฟุตเกาะเครื่อง ยามาฮ่า 55 แรง กลางคลองแสง
เรือขับโดยเจ้าหน้าที่ป่าไม้ วิ่งตรงสู่ต้นคลองแสง และทันที ที่เรือหยุด ผู้โดยสาร สองคน ก็กระหน่ำตีสปูล
เปล่า!! ผมไม่ได้รู้สึกอิจฉา เพียงแค่อนาจใจ กับ ระบบ บริหารจัดการในบ้านเมืองเรา
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเขื่อนแห่งนี้ ห้ามการใช้เรือประเภท สปีดโบ๊ท พูดง่ายๆ ก็คือห้ามลง
แต่ภาพที่ผมเห็นตรงหน้าช่างบาดใจเหลือล้น จะว่าเป็นเรือเจ้าหน้าที่ออกตรวจความเรียบร้อยก็หาไม่
ด้วยท้ายเรือทั้งสองข้างแปะสติกเกอร์ Versus แถมหน้าเรือยังติด มอเตอร์ทรอลิ่ง
หงุดหงิดไม่น้อยเลยทีเดียวกลับมานั่งรอเพื่อนๆ ที่แพ ดูจะเข้าท่ากว่า
ไม่นานเกินรอ น้าบุญดี ก็กลับเข้ามา
เท่าที่ทราบวันนี้ น้าบุญดี ประสบความสำเร็จมาจากการเดินขึ้น ปลายแสง ได้กระสูบและปลา เวียน หลายหน่วยเลยทีเดียว
เมื่อเจอกันประโยค ที่เอ่ยปากถามกัน ก็คงไม่พ้น เรื่อง "เรือเส้นก๋วยจั๊บลำนั้น"
นี่แหละเมืองไทย