2.การถ่ายภาพดิจิตอล เริ่มจากมีแหล่งกำเนิดแสงให้แสงตกลงวัตถุ วัตถุสะท้อนแสงไปที่เลนส์ เลนส์จะทำ
หน้าที่รวมแสงและควบคุมปริมาณแสง (โดยใช้ม่านช่องรับแสงหรือ Diaphragm) แสงไปยังกล้อง ผ่านม่าน
ชัตเตอร์ (กล้องรุ่นแพง ๆ เท่านั้นถึงจะมีม่านชัตเตอร์ ซึ่งจะเรียกว่า Mechanical Shutter ซึ่งหมายถึงม่าน
ชัตเตอร์ควบคุมด้วยไฟฟ้าหน้าระนาบฟิล์ม สังเกตว่ากล้องประเภทนี้ไม่สามารถดูภาพที่กำลังจะถ่ายได้ทางจอ
LCD ด้านหลังตัวกล้อง ดูได้เฉพาะภาพที่ถ่ายแล้วเท่านั้น ส่วนกล้องดิจิตอลทั่วไปไม่มีม่านชัตเตอร์หน้า CCDs
ทำให้ CCDs ได้รับแสงตลอดเวลา สามารถดูภาพที่จะถ่ายทางจอ LCD ได้ เวลาเปิดรับแสงควบคุมด้วยเวลาใน
การสแกนภาพของ CCDs เรียกว่า Electronic Shutter) จากนั้นแสงจะตกลงบน CCDs เกิดสัญญาณไฟฟ้าขึ้น
มา เป็นสัญญานไฟฟ้าแบบต่อเนื่อง (analog) สัญญานไฟฟ้าจะถูกส่งไปยังเครื่องแปรสัญญานไฟฟ้าให้เป็น
ข้อมูลดิจิตอล(Encoder) ข้อมูลดิจิตอลจะถูกส่งไปที่ Image Processor (CPU) ในตัวกล้องเพื่อปรับแต่งภาพ
โดยภาพจะถูกเก็บไว้ในหน่วยความจำชั่วคราว (Ram) เมื่อทำการประมวลผลเสร็จแล้ว ภาพจะถูกส่งไปที่แผ่น
เก็บข้อมูล(Storage Media) ซึ่งมีหลายรูปแบบ เช่น แผ่น Floppy Disk , CD, Smart Media, Memory Stick,
Compact Flash
หากเราต้องการภาพอัดขยาย เราจะต้องนำเอาภาพในการ์ดเก็บข้อมูลเข้าสู่คอมพิวเตอร์ จากนั้นถึงจะพิมพ์
ภาพออกมาเป็นภาพสีสะท้อนแสงหรือภาพ Print หากต้องการภาพเป็นฟิล์มจะต้องใช้ Film Recorder หรือ
เครื่องยิงฟิล์มยิงภาพออกมา
แม้ว่าจะระบบถ่ายภาพแบบดิจิตอลจะมีขั้นตอนการทำงานมากกว่า แต่ในการใช้งานจริง ๆ กลับใช้เวลาน้อยกว่า
โดยเฉพาะในขั้นตอนการถ่ายภาพจนถึงภาพที่เห็นได้ กล้องที่ใช้ฟิล์มจะต้องผ่านกระบวนการล้างฟิล์มและอัด
ขยาย(ฟิล์มเนกาติฟ) ถึงจะได้ภาพออกมา ยกเว้นแต่ใช้ฟิล์ม Instant หรือที่เรามักเรียกกันว่า ถ่ายภาพโพลา
ลอยด์เท่านั้นถึงจะเห็นภาพได้เลย แต่กล้องดิจิตอล ถ่ายภาพเสร็จก็สามารถดูภาพได้ทางจอมอนิเตอร์แบบ LCD
ที่ด้านหลังตัวกล้องได้เลย ซึ่งใช้เวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้นหลังจากการถ่ายภาพเสร็จสิ้น
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ทันจิ่ค๊าบ..............กระทู้นี้ กะว่าจะยาวถึงปีหน้า เพราะว่ามีเยอะเหลือเกิน
สวัสดีตอนตี 2 กว่าๆนะค๊าบน้าบุ๊ง