เรือเลี้ยวโค้งแล่นไปตามลำน้ำเพชรที่คดเคี้ยวคล้ายงูยักษ์เลื้อยผ่านภูเขา
จากตรงนี้ผมแลเห็นต้นผึ้ง ขึ้นยอดเด่นสูงตระหง่านเป็นยอดประธานเหนือหมู่แมกไม้บริวารรอบข้างได้อย่าง เด่นชัด
แม้แต่ชาวบ้านก็ยังไม่ทราบว่าเป็นต้นไม้ชนิดใด เรียกกันมาตั้งแต่พ่อของพ่อ
ไม่ทราบเหตุผลว่าทำไมผึ้งถึงพร้อมใจกันมาทำรังกันภายในกิ่งก้านสาขาของ ต้นไม้เพียงต้นเดียว
...ต้นผึ้งสัญลักษณ์ของแก่งที่ 4 ผมท่องเที่ยวมาได้เต็มที่ก็แค่ต้นผึ้งยักษ์ต้นนี้
หลังจากเบื้อหลังต้นผึ้งต้นนี้ไป จะเป็นการเดินทางครั้งใหม่บนสายน้ำสายเก่าที่ผมเคยท่องเที่ยวมา
เพื่อนๆหลายคนยังคงตื่นตาตื่นใจกับขนาดของต้นไม้ขนาดใหญ่ทั้งหลาย
ชมสิ่งที่เหลือทรากจากแรงปะทะของน้ำป่ายามน้ำแดงแตก
เรือลำน้อยใกล้เข้าไป ใกล้จนมองเห็นทอยอันน้อยที่ชาวบ้านตอกทอยขึ้นต้นผึงสูงนับสิบสิบเมตร
เพื่อที่จะตีรังผึ้งเอาน้ำหวานมาขาย ขวดละ 150 บาท เสี่ยงตายขนาดนี้ ผมไม่รู้สึกว่าน้ำผึ้งมีราคาแพงอีกต่อไป...