สวนสมเด็จฯ เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่เป็นความภาคภูมิใจของ ชาวแปดริ้ว เป็นสวนที่จัดได้ ลงตัว สวยงาม เวลาเย็น จะมีประชาชนมาใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจเยอะมาก
ภาพนี้ ครั้งแรก ผมเองก็แค่มองผ่าน ๆ แต่ในกลุ่มที่ส่งภาพสวนสมเด็จมาก็ไม่มีภาพใดเด่นเท่ารูปนี้ เพราะส่วนใหญ่ ก็ถ่ายผ่านสวนที่สวยงามแล้ว มาจบที่ องค์สมเด็จย่าฯ แต่ก็ทำให้ สมเด็จย่าฯ ไม่เด่นสง่านัก พอมานั่งวิเคราะห์ภาพนี้ดูแล้ว มองเห็นอะไรในภาพบ้าง
อันดับแรกเห็น สมเด็จย่าฯนั่งยิ้ม มองลูกหลานเดินเล่นออกกำลังกาย ผู้ถ่ายตบแฟลชเบา ๆ ให้ ความโดดเด่นและชัดเจนขององค์สมเด็จย่าฯ ได้อย่างกำลังดี ไม่มาก และไม่น้อยจนเกินไป หลาย ๆ คน คงมองเหมือนผมว่า อยากให้ เห็น บริเวณสวนมากกว่านี้หน่อย เพราะว่า ใบไม้ ด้านซ้ายมือบังมากเกินไป แต่ผู้ถ่ายก็ขยับไปทางซ้ายมากกว่านี้ไม่ได้ เพราะจะทำให้ เห็นด้านหลัง องค์สมเด็จย่า มากเกินไป เสียดายที่ภาพนี้ ถ่ายช่วงบ่าย ๆ ยังไม่เย็นนักก็เลย เห็นคนที่มาออกกำลังกาย หรือมาเดินเล่นน้อยเกินไป แต่ก็ได้เรื่อง ฟ้าที่สีสวยสดใส เป็นช่วงที่ ฝนเริ่มหมดใหม่ ๆ ฟ้าจะแจ่มและมีเมฆ แบบนี้ ถือเป็น ช่วงเวลาทองของการถ่ายภาพ
ถ้าพูดถึงกฏเกณฑ์ แล้ว ภาพนี้ ได้อะไรบ้าง
1. องค์สมเด็จย่า อยู่ในส่วนแบ่ง 2/3 ค่อนไปทางซ้าย
ใบหน้าของท่าน อยู่ที่จุดตัดที่ 1
2. มีน้ำพุและ ศาลา หลังคาสีแดง ล้อรับเป็นจุดที่ถ่วงดุลย์ ทั้งน้ำหนัก และสีสัน ได้เป็นอย่างดี
3. มีเด็กที่ออกกำลังกาย เป็นเรื่องที่เล่าได้ลงตัว (เสียดายที่น้อยไปหน่อย)
4. เส้นแบ่งขอบฟ้า 2/3 ที่ค่อนไปทางด้านล่าง
ที่สำคัญ ในมุมมองนี้ ไม่ได้เห็นกันง่าย ๆ นัก ผมเองไปเดินที่สวนสมเด็จฯ บ่อย ๆ ยังไม่เห็น และไม่คิดว่าจะถ่ายภาพมุมนี้ได้
คนที่ถ่ายภาพนี้ เป็นคนเดียวกับคนที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ต้องถือว่า เป็นคนที่มีมุมมองเยี่ยม วัดแสงได้แม่นยำ ความตั้งใจสูง บอกกับพี่เล็กว่า "" ผมมาทุกวันที่ ฟ้าสวย"" รวมวันแล้ว ไม่ต่ำกว่าครึ่งเดือน ในช่วงที่มีการประกวดภาพครับ
อย่างที่เคยบอกครับว่า การถ่ายภาพประกวดนั้น ส่วนใหญ่ ไม่ได้มาเพราะ "ฟลุ๊ค" ครับ