มารับฟังเรื่องที่ผมไปเจอด้วยตัวเองที่ใต้สะพานกันต่อเลยคับ
ทุกอย่างเป็นเรื่องจริง ไม่มีเจตนาเป็นเรื่องอื่น แค่อยากจะฝากเตือนเพื่อนฯที่ไปตกปลาที่ใต้สะพานเปรมให้ระวังตัวกันด้วย
เมื่อเดือน พฤษภาคม 2548 ช่วงนั้นเป็นฤดูที่น้ำเค็มหนุนเต็มที่ ทำให้น้ำบริเวณใต้สะพานเปรม น้ำสวยเหมาะแก่การไปตกปลากระพงมาก
วันนั้นผมรีบเดินทางจากหาดใหญ่ตั้งแต่เช้ามืด จัดแจกไปซื้อกุ้งที่เกาะยอเสร็จ ผมรีบบึ่งไปลงเรือทันที
ขนของลงเรือ บังเฉด เรียบร้อย " บังไปตอหม้อ 27 "ผมรีบบอกบังเฉดทันที
ได้ขึ้นมานั่งที่ตอหม้อเสร็จ รีบจัดแจงลงเหยื่อในทันที และตลอดทั้งวันนั้น มีปลามาฉวยเหยื่ออยู่ตลอด แต่ผมได้มาเพียงแค่ ตัวเดียว
ยิ่งใกล้ตอนเย็นปลามาฉวยเหยื่อดีมาก แต่ผมไม่สามารถเอาปลาขึ้นมาเฉยชมเลย ตอนนี้เวลาก็ใกล็ 6 โมงเย็นแล้วต้องถึงเวลากลับบ้านแล้วสิ
แต่ด้วยความที่ยังเสียดายอยู่ว่า วันนี้ปลาฉวยเหยื่อบ่อยมากแต่ผมได้มาแค่ตัวเดียวเอง จะกลับบ้านก็นึกเสียดายว่า นานฯปลาจะกินดีแบบนี้สักที
จัดการโทรศัพท์ไปหาลูกน้องที่ร้าน(ที่หาดใหญ่) เพื่อชวนมันมานั่งตกปลาเป็นเพื่อน พลันที่ปลายสายแจ้งมาว่า ok.ผมมีความสุขมาก โดยไม่เคยคิดถึงเรื่องอื่นเลย
(ขณะที่เล่าอยู่นี้ผมยังขนลุกอยู่เลย)
จัดการโทรบอกบังเฉดว่าไม่ต้องมารับ ประมาณ 3 ทุ่มกว่าจะมีเพื่อนผมมาตกปลากับผมด้วย
ฟ้าเริ่มมืด ข้างหน้า ข้างหลัง ข้างฯ เริ่มมองอะรัยไม่เห็น ไฟฉายก็ไม่ได้เตีรยมมา ดีหน่อยที่ครึ่งหนึ่งของสะพาน มีไฟจากบนสะพานส่องลงมาถึงด้านล่างให้พอมองเห็นได้ครึงเดียวของตอหม้อ
(พูดง่ายฯว่ามองเห็นแสงสว่างแค่ครึ่งเดียวของตอหม้อที่ผมนั่งอยู่ ส่วนอีกครึ่งของตอหม้อจะมืดมาก)
ในใจชักจะหวั่นฯนิดหน่อย แต่อีกใจก็ไม่คิดอะรัย ได้แต่คิดว่า "เรามาตกปลา คงไม่ทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนหรอกนะ" ดูนาฬิกาใกล้ 2 ทุ่ม กว่า "เจ้าวัฒน์"จะเลิกงาน(เลิกงาน 2 ทุ่ม)
กว่าจะขับ มอไซต์ จากหาดใหญ่มาถึงสะพานเปรม กว่าจะแวะซื้อข้าวที่ผมสั่งไว้ กว่าจะลงเรือมาที่ตอหม้ออีก คงเกือบ 4 ทุ่ม เอาวะไหนฯก็ไหนฯ
นั่งตกปลาไปเรื่อยฯตอนนี้คิดว่าประมาณ 3 ทุ่มเศษ (ผมเล่าอยู่นี้ขนลุกตลอดเลยคับ)กะลังเดินเซ็คเหยื่ออยู่ พลันเหลือบไปเห็นมีคนนั่งอยู่ที่ด้านมืดของตอหม้อ 26 นี้หว่า ในใจดีใจมากที่จะมีเพื่อนตกปลาด้วย
ผมยื่นมองอยู่ชั่วครู่พอเห็นร่ำไรฯว่าชายผู้นั้น นั่งห้อยขาลงมาข้างหนึ่ง แล้วขาอีกข้างนั่งชันเข่าอยู่ รูปร่างใหญ่ ในใจไม่คิดอะรัย ปากไวกว่าความคิด ผมจะตะโกนถามว่าได้ปลามั้ย
กำลังจะอ้าปากถาม "เหมือนผู้ชายคนนั้นอ่านความคิดผมออก " เขาได้ลุกขึ้นจากท่านั่งมาเป็นกำลังจะยืนตรงแต่................
เขาได้หายไปกับตาในขณะที่ชายผู้นั้นยังยืนตัวไม่ตรง ผมขนลุกเกรียว คิดในใจ กรูโดนเข้าแล้วหรือนี้
ตั้งสติได้รีบสวดมนต์ไหว้พระ(เมื่อก่อนผมไม่เคยห้อยพระที่คอ)ในใจก็คิดไปเรื่อยว่าถ้าเขามายืนอยู่ตรงหน้าจะทำยังงัยดี ตอนนั้นอารมณ์ผมไม่มีใจเรื่องตกปลาอีกแล้ว
รีบกดโทรศํพท์เพื่อจะบอก"เจ้าวัฒน์"ว่าไม่ต้องมาแล้ว แต่ช้าไปแล้ว เพราะตอนนี้"เจ้าวัฒน์"กำลังจะมาถึงบ้านบังเฉดแล้ว ในใจผมตอนนั้นก็ยังรู้สึกกลัวฯแต่ในเมื่อ"เจ้าวัฒน์"มาถึงแล้ว ถ้าผมไม่พูดเรื่องนี้กับ"เจ้าวัฒน์"ก็คงไม่เป็นรัย
ระหว่างที่นั่งรอเรือบังเฉดมาส่ง "เจ้าวัฒน์" อยู่นั้นผมสงบความกลัวด้วยเสียงเพลงที่ผมแหกปากร้องไป แบบไม่เกรงใจใคร จนกระทั่งได้ยินเสียงเรือเข้ามาใกล้ ผมเลยใจชื่นขึ้นมาบ้าง
ท่านผู้อ่านครับ นี้ไม่ใช่จุดไคลแม็กซ์ ตามชมต่อนะครับ เพราะจุดไคลแม็กซ์จะอยู่ในความเห็นต่อไป