“Travel broadens your mind” [แปล: การเดินช่วยเปิดโลกทัศน์] เป็นคำพูดที่นักกฎหมายฝรั่งเชื้อชาติญี่ปุ่น ที่เคยทำงานในสำนักกฎหมายข้ามชาติ (International Law Firm) ที่เดียวกันเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา ณ ย่าน ถ. สาธรใต้ คำนี้...ในวันนั้น ท่านพูดผมเข้าใจ...แต่ผมยังไร้ซึ่งรสสัมผัส เพราะยังไม่มีโอกาสและทรัพย์เพียงพอให้เดินทาง เมื่อเวลาเหมาะ โอกาสอำนวยให้ผมต้องเดินทางเข้าๆออกๆเมืองไทย มันทำให้ผมได้สัมผัสบทพิสูจน์คำพูดคำนั้นได้เป็นอย่างดี การได้
“เปิดโลกทัศน์” เรียนรู้ความแตกต่างของ “ตัวแปร” เท่ากับว่าเป็นการ
เปิดกะลาที่ครอบตัวเองให้เรียนรู้ ถูกบ้าง ผิดบ้าง ก็แก้ไข ปรับปรุง พัฒนากันไป...ไม่หยุด หลายเหตุการณ์ที่ใช่...กลับกลายเป็นไม่ใช่ในที่สุด ในทางกลับกัน อะไรที่ว่าไม่ใช่ ควบคุมไม่ได้ มันก็ง่ายกว่าการปลอกกล้วยเข้าปากเสียนี่กระไร นี่แหละครับ
“ความแน่นอน...ที่ไม่แน่นอน” (นึกถึงสัญลักษณ์ของ “ยิน หยาง” ไหมครับ)
ในเมื่อเหรียญมันมีสองด้านเสมอนั้น (There’s always two sides of coin) ความเก๋าที่ขอบบ่อตกปลา กับความเก๋าที่อ่างศิลา จะเฉกเช่นเดียวกันหรือไม่ หลากสาระพันมุมมองส่องความคิด ทั้งแง่นี้มุมโน้น ไอ้น้องให้การแบบนี้ แต่หลักฐานที่พี่มีมันไม่ใช่ ประเด็นระหว่าง “วิศวกร ไอ้เก๋าป๊อก และนักกฎหมาย” จะเป็นเช่นไร จึงมีความเห็นให้วิเคราะห์พิจารณากันไป ถึงแม้ว่า ข้อยุติยังไม่มีเป็นทางการ แต่ปลายทาง...ก็ยังคลำหาคำตอบได้(ในใจ) สรุปได้ว่า อันไอ้เก๋านี้หนา จะมีผลลัพธ์เช่นใด ด้วยความเคารพที่มิอาจก้าวล่วงนั้นไซร้ คงจะปล่อยให้ครรลอง ต้องดำเนินไปตามคลองธรรม...ก็แล้วกัน