สุดท้ายก็กลายร่าง...เป็นกะพงหลงทางไปได้ไง นี่แหละครับ “โอกาส” เพียงประเด็นเดียวที่เจ้ากะพง มันคิดทนงตน หลงตัวเองในรูปร่างที่ปราดเปรียว คิดว่าเฟี้ยวและมีพละกำลัง เลยอาจหาญกล้าใช้โอกาสเปลือง แต่หารู้ไม่ว่า ผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างไร...“เก๋า(จริง)...อ่ะป่าว” เหอะ
“โอกาส” สำหรับเจ้ากะพง มันได้มาเพราะธรรมชาติมอบรูปร่างที่ปราดเปรียว อีกทั้งมีพวกมากลากมา แลบุญญาวาสนาส่ง (แต่บางคนก็ตรากตรำทำงานกันให้ตายห่า ฟ้าก็ไม่ลิขิตซะที เป็นต้น) ความโชคดีที่มีในดวงชะตา ผู้ที่ได้รับโอกาสมา อาจจะไม่ทันตระหนักยั้งคิดถึงคุณค่า จึงชะล่าใจไม่
“ไคว่คว้า” ใช้โอกาสเปลือง ในทางกลับกัน ไอ้นั่นแม้มันมีแค่ตำแหน่งรอง แต่เชื่อได้ว่าเก๋าพอตัว ปากก็ใหญ่ หัวก็โต พุงก็พลุ้ยดูอุ้ยอ้าย เคลื่อนไหวช้ากว่าด้วย ราคาต่อรอง...ต้องเป็นที่สองรองจากกะพง แต่หารู้ไม่ว่า ด้วยความเก๋า มันจึงตระหนักรู้ซึ้งถึงคุณค่าแห่งโอกาส ทำให้มันรู้จักกับอีกหนึ่งตัวแปร นั่นคือ
“จังหวะ” ในการไคว่คว้าให้ได้มาซึ่งโอกาส (ประมาณว่ารู้ทันข่าวสารตลาดทุน จึงตัดสินใจซื้อหุ้นได้ถูกจังหวะของเวลา ยังไงยังงั้น) ดังนั้น การรู้จัก “จังหวะ” ในการไคว่คว้ามาซึ่งโอกาส ย่อมได้รับผลตอบแทนที่สมราคาแห่งการรอคอย