และแล้วสิ่งที่ผมเตรียมการล่วงหน้าก็เป็นจริง ในขณะที้เรือกำลังใส่เกียร์เดินเบา และผมกำลังอัดปลาอยู่นั้น Newell เพชรฆาตรกาบขวาของเรือก็ทำหน้าทีร้องลั่นขึ้นมา มันเป็นช่วงจังหวะเดียวกับที่ผมกำลังจะเกี่ยวปลาตัวแรกขึ้นมาพอดี แต่ตอนนี้ผมไม่สามารถไปคว้าคันขึ้นมาได้ สิ่งที่ผมทำได้คือยื่นมือไวหมุนเพิ่มน่ำหนักเบรคของรอกเล็กน้อย และไม่ต้องกลัวว่าปลาจะหลุด เพราะเดรื่องเดินเบาตลอด เรื่อค่อยๆเคลื่อนที่ทำให้สายตึงตลอดเวลา ประกอบกับช่วงจังหวะแรกนั้น ปลาอินทรีย์จะวิ่งอย่างเดียวอย่างไม่คิดชีวิต มันจะวิ่งไปอย่างไรปล่อยมันไป สายตาแค่คอยสังเกตการณ์ถ้าสายหย่อนเราก็ค่อยเอื้อมมือมาเก็บสายแค่นั้นเอง
ปลาตัวแรกถูกเกี่ยวขึ้นมาเก็บในกระติก พร้อมกับคันที่สองก็โดนหยิบขึ้นมาทำหน้าที่ของมันอย่างต่องเนื่อง การต่อสู้ในตัวที่สองนี้ผมไม่จำเป็นต้องเดินเครื่องรอบเบาใส่เกียร์อีกต่อไปแล้ว เพราะไม่มีสายและเหยื่ออยู่ในน้ำ ผมปลดเกียร์ว่างพร้อมดับเครื่อง แล้วการต่อสู้ก็เริ่มอีกครั้ง…ปลาพาสายออกไปจากแนวนอกกอง การต่อสู้เป็นไปอย่างสบายๆ กับระบบเบรคที่ไว้วางใจได้ เพียงแค่ไม่นานมันก็ยอมจำนน และลงไปนอนในกระติกเหมือนตัวแรก
เพียงแค่เวลาเก้าโมงกว่าผมที่หมายแห่งนี้ ผมได้ปลาอินทรีย์เป็นต้นทุนแล้วสำหรับวันนี้สองหาง นับว่าเป็นผลงานที่ใช้ได้เลย ผมคิดภาวนาในใจว่าถ้าช่วงสายๆลมเบาลง และน้ำไหลดีขึ้น ผมจะทอดสมอคล่อมกองเพราะผมอยู่ลำเดียวที่นี่ และรับรองว่าวันนี้ผมอาจจะได้ปลากลับบ้าน 4-5 หางแน่นอน
แต่สถานการณ์กลับตาลปัตร เมื่อกระแสลมทวีความแรงขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ฉีกตำราคำพยากรณ์อากาศของวินกูรูทิ้งโดยสิ้นเชิง คงเหลือไว้เพียงแค่ “วินหลอกกรู” คลื่นแต่ละลูกกระแทกเข้าที่หัวเรือจนน้ำกระจาย เรือกระดอนไปมา ทำให้การบังคับเรือเพื่อลากเหยื่อเป็นไปด้วยความลำบาก และไม่มีทีท่าว่าจะเบาลง ประกอบกับปลาไม่ฉวยเหยื่ออีกเลยจนถึงเที่ยงกว่า ผมจึงตัดสินใจเก็บของทุกอย่างแล้วเบนหัวเรือกลับเข้าฝั่ง
การเดินทางกลับเข้าฝั่งค่อนข้างลำบากเพราะเป็นเป็นวิ่งเรือเกือบจะสวนคลื่น ด้วยระยะทางกว่า 9 ไมล์ทะเลมันคงไม่ใช่เรื่องสนุก แต่พอผมมาคิดว่าตั่งแต่ผมต่อเรือลำนี้มาเพื่อตกปลาอินทรีย์ ผมไม่เคยได้ทดสอบสมรรถนะของเรือลำนี้เลย ว่าการวิ้งสู้คลื่นในระยะยาวจะเป็นอย่างไรบ้าง เพียงแค่คิดเท่านั้นผมคว้ากล้อง GoPro ขึ้นมาถือ แล้วเปิดโหมดบันทึกวีดีโอ พร้อมเดินเครื่องวิ่งเข้าหาคลื่นลูกแล้วลูกเล่าทันที
สำหรับเรือลำนี้ผมส้รางขึ้นมาเพราะว่า ผมชอบออกเรือตกปลาทะเลคนเดียว ด้วยเหตุผลหลักๆคือความคล่องตัวในการเดินทาง ถ้าเราอยากไปตอนไหนก็ลากเรือออกจากบ้านได้เลย ไม่ต้องรอคนนั้นว่างคนนี้ไม่ว่าง…
ดังนั้นผมจึงได้ปรึกษากับโกอิท Ittichai Ngoennim เจ้าของอู่ต่อเรือ AMT.แห่งเกาะภูเก็ต ให้ช่วยออกแบบและสร้างเรืออลูมีเนียน แต่เป็นทรงเรือยาง โจทย์คือต้องมันแข็งแรง วิ่งสู้คลื่นได้ดี และจะต้องไม่มีวันจม…ต่อให้น้ำเข้ามาในเรือจมมิด…
จากโจทย์นี้โกอิทออกแบบมาให้ท้องทั้งลำเป็นห้องอับเฉา ทุ่นแบ่งเป็นห้องและทุกห้องเป็นอับเฉา องศาท้องเรือ 19 องศาตลอดทั้งลำ น้ำหนักมากกว่าเรืออลูมีเนียมปกติขนาดเดียวกันแน่นอน
เพราะใช้ชิ้นส่วนโครงสร้างมากกว่า และขนาดของแผ่นอลูมีเนียมที่หนากว่าแข็งแรงกว่า แต่ข้อดีของการที่น้ำหนักมากกว่าคือสามารถวิ่งสู้คลื่นได้ดีกว่าเรืออลูมีเนียมขนาดเดียวกันปกติทั่วไป
ผมใช้เรือลำนี้ออกตกปลามาสักระยะหนึ่งแล้ว มีแต่คนสอบถามว่าเป็นอย่างไร ถ้าสนิทกันก็จะอธิบายให้ฟัง แต่ถ้าไม่สนิทกันผมก็จะไม่ค่อยจะพูดอะไรมาก ไม่ใช่กลัวเจ็บคอ แต่กลัวหาว่าเชียร์พวกเดียวกันเอง
ด้วยความเร็วสูงสุด 19 น๊อต คลื่นบางลูกเรือลอยทั้งลำ…ผมขับแบบนี้เป็นระยะทาง 9 ไมล์ทะเล แบบไม่ปวดหลัง ปวดตูด เนื่องด้วยองศาท้องเรือ และน้ำหนักตัวเรือทำให้สู้คลื่นได้นิ่มกว่าเรืออลูมีเนียมขนาดเดียวกัน…เอาเป็นว่าดูคลิปการใช้งานเองแล้วกันครับ…
ขอบคุณโกอิท แห่งAMT.ที่ออกแบบเรือดีให้ผมใช้งาน…สนใจอยากได้เรืออลูมีเนียมแบบวัดตัดตัวเหมือนเสื้อผ้า ตามความต้องการของผู้ใช้ติดต่อได้เลยครับไม่ผิดหวัง…