ครั้งแรกใน ทีตะบรึ๊อและ เรวาโพรและสะปาวะ
สัปดาห์นี้ผมมีโอกาสติดตามพี่บอยไปเที่ยวฝั่งพม่ากัน เราไปดูหมู่บ้าน”ทีตะบรึ๊อ”เพื่อเอาของไปแจกในสัปดาห์หน้าซึ่งตรงกับวันเด็กของฝั่งไทยพอดี ด้วยหวังว่าจะร่วมสคส.ให้พวกเค้าตามกำลังที่เรามี
ผมออกเดินทางโดยเจ้าゆき(ยูกิ)cb500xคันเก่งของผม โดยวันนี้มีน้องเบิ้มลูกชายผู้พันรัฐกระเหรี่ยงมารอรับฝั่งพระยาตองซูจากนั้นผมก็ตามเบิ้มมาที่บ้านซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำกะสะ(ชาวบ้านจะเรียกว่าแม่น้ำกะสะ ซึ่งก็ คือแม่น้ำในหนังเรื่อง “สาบเสือที่ลำน้ำกษัตริย์” นั่นแหละครับ) นิตยสารฉบับหนึ่ง ซึ่งได้เขียนถึงแม่น้ำสายนี้ว่า แม่น้ำทรยศ เพราะต้นน้ำเกิดที่ประเทศไทย แต่ดันไหลลงประเทศเพื่อนบ้าน
ต้นน้ำเกิดจากป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ทุ่งใหญ่นเรศวรแต่ไหลสู่ประเทศพม่าและลงไปบรรจบกับแม่น้ำสายต่างๆกลายเป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำสายใหญ่ที่ชื่อสาละวินที่พวกเราคุ้นหูกันเป็นอย่างดีเมื่อผมมาถึง ผมรีบขอตัวเบิ้มลงไปตกปลาโดยมีเด็กๆเป็นไกด์ ผมมีขนมและลูกอมเป็นข้อแลกเปลี่ยน เด็กๆพูดภาษาไทยไม่ได้เลย เด็กๆพูดได้แต่ภาษากะเหรี่ยงเท่านั้น แต่เราก็สื่อสารกันได้อย่างลงตัวด้วยรูปวาดบนพื้นทรายและภาษามือ เด็กๆพาไปตรงที่มีปลาเยอะๆ แต่ผมตกปลาไม่ได้เลยผมใช้แต่เหยื่อปลอมปลาเท่านั้น เด็กๆคงเซ็งไปตามๆกันแต่การตกปลาไม่ได้ปลา! #####ก็สร้างความสุขให้ผมได้เสมอ เพียงแค่ได้จับอุปกรณ์คู่ใจ ได้พามันไปให้ที่ใหม่ๆที่ไม่เคยไป มันก็เหมือนกับการที่คุณขับรถคู่ใจไปเที่ยวกับพวกมันนั่นแหล่ะ#### ตกปลาไม่ได้ก็กระโดดน้ำซิครับรออะไรดำน้ำเล่นถ่ายรูปเรื่อยเปื่อย ปลาที่พบก็มี ปลาแกง ปลาจาดแถบดำ ปลาสายน้ำผึ้ง ปลามูด ปลามูดพม่าตัวสีเขียวหางสีส้มดูจะเป็นปลาที่กระตุ้นความตื่นเต้นให้ผมเพราะเพิ่งเคยเห็นครั้งแรกในชีวิตและเป็นundescribed species ระหว่างเล่นน้ำก็มีวาดรูปสัตว์ต่างๆกับพวกเด็กๆ ถามชื่อกันบนหาดทรายกินขนมกัน ชื่อที่ผมจำมาได้แค่นี้นะ ยาแปลว่าปลา โชยวพูดชะเวเร็วๆแปลว่าปู สะดองกุ้ง ทูแปลว่านก ชื่อเด็กๆมี โจ่ะเอ่ะ โจหล่าวายทุ่ง โจอาสุ เล่นน้ำเสร็จระหว่างรอเพื่อนก็ขี่ยูกิมาเที่ยววัดตองไว ไหว้พระเจ้าทันใจและพระธาตุอินแขวนจำลอง วัดเสาร้อยต้น และวัดเจดีย์ทอง ตลาดสดของเมืองพญาตองซู พอคนครบผมกลับมาขึ้น เจ้าไอร่อนแมน รถนอกถนน (ออฟโรด)ของพี่บอยที่จอดรอ และเราก็พาคณะออกไปตามเส้นทางเลาะลัดตามถนนสายหลักที่มุ่งไปสู่สจี ช่วงสิบกม.แรกฝุ่นเยอะมากแต่ด้วยความที่ผมเคยมีประสบการณ์แล้วเที่ยวแรกผมจึงเอาหน้ากากกันฝุ่นมาด้วย เพื่อนๆครับ ถ้ามาเที่ยวพม่าผมคิดว่าหน้ากากกันฝุ่นสำคัญมากครับผมใช้แบบเปลี่ยนกรองได้ ระหว่างทางเจอไก่ป่าตัวผู้คู่นึงเบิ้มใช้M16a1ยิงคือแม่นมากเรียบร้อยเย็นนี้ไก่ป่าผัดเผ็ด กว่าจะถึงหมู่บ้านทีตะบรึ๊อเราแวะที่บ้านของน้องสาวลูกอ่อนที่พี่บอยพาไปรักษาเพื่อแจ้งข่าวว่าลูกสาวปลอดภัยแล้วเดี๋ยวอาการดีหมออนุญาตให้กลับบ้านจะพามาส่ง (น้องอาการดีขึ้นมายิ้มแย้มแจ่มใสแล้ว) และแวะบ้านผู้ใหญ่บ้านเพื่อแจ้งข้าวให้รวบรวมลูกบ้านมารับของในสัปดาห์หน้า จากนั้นเราไปพักที่ไร่ของเบิ้ม วันนี้เรามีไก่ป่าสามตัว เป็ดเทศอีกสองตัว เมนูง่ายๆก็ผัดเผ็ดไก่ป่ากับต้มยำเป็นฝีมือพี่ชาติ เมนูพิเศษสำหรับคืนนี้มีฝักทะไลดุ่งซา(เพกา)กับใส้กล้วยป่าดองน้ำเกลือเมนูประทับใจของผม คืนนี้ตั้งใจว่าจะไปเดินส่องสัตว์กัน แต่ด้วยเหล้าลังนึงของพี่บอยจึงไม่มีใครได้ออกจากบ้านพักกันเลย ตื่นเช้ามาไก่ป่าขันกันระงม พื้นที่รัศมี500เมตรมีไก่ขันอย่างน้อย5ตัว บ้างก็อยู่กันเป็นฝูง คนฝั่งนู้นหย่องไก่กันไม่ค่อยเป็นส่วนใหญ่จะค่อยๆย่องไปให้เบาที่สุดทั้งพื้นที่นั่นไม่มีไฟป่าไหม้ ต่างจากที่ไทยจะย่องตามเสียงขันไก่ เก็บของเสร็จเราออกเดินทางกลับเราแวะอาณาจักรของผู้พันกองกำลังที่บ้านเรวาโพรเพื่อแวะเยี่ยมแต่ท่านออกมาในตัวเมือง ช่วงนี้พม่าสร้างบ้านเพื่อแจกให้ผู้คนมาอาศัยกันโดยได้งบประมาณก่อสร้างจากทางญี่ปุ่น อันเนื่องมาจากเหตุการในสงครามโลกครั้งที่สอง เค้าเรียกตรงนี้ว่า 300หลัง จากนั้นเราก็แวะล้างหน้าล้างตากันที่สะปาวะ(น่าเปลี่ยนเป็นสปาว่ะจังทำสปาก่อนกลับบ้าน) บริเวณที่แม่น้ำกะสะช่วงนี้มีก้อนหินใหญ่กั้นขวางแม่น้ำ แต่ก็มีถ้ำด้านล่างทำให้น้ำไหลมุดก้อนหินเหล่านี้ เปรียบเหมือนสะพานข้ามลำน้ำธรรมชาติ ก่อนที่จะแยกย้ายกันที่บ้านเบิ้ม ผมนัดทานข้าวเย็นกับผู้อำนวยการก่อนผมจึงต้องรีบกลับมาก่อน ผมมีบรรยากาสมาฝากเท่านี้ก่อนนะครับ ไว้รอบหน้าจะเก็บบรรยากาศมาฝากนะครับ ขอบคุณครับ
ปล. ผมเพียงเล่าเรื่องราวผ่านความสุขที่ผมไปพบเจอมา รูปและเนื้อหาบางอย่างที่ไม่เหมาะสมผมขออภัยด้วยนะครับ อาวุธปืนทั้งหมดถ่ายในประเทศพม่านะครับไม่ใช่ของผม