มาร์ติน แอ็ตกินสันผู้ตัดสินทำศึกเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้แมทช์งานกร่อยหลังให้ใบแดงแจ็ค รอดจ์เวลล์ค้านสายตาก่อนที่ลิเวอร์พูลมาเช็กบิลเอฟเวอร์ตันท้ายเกมจากประตูของแอนดี้ แคร์โรลล์และหลุยส์ ซัวเรซเฮฮารับเดือนใหม่
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ
วันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม 2554
สนาม : กูดิสัน ปาร์ค
เอฟเวอร์ตัน 0:2 ลิเวอร์พูล
ประตู : 0-1 คาร์โรลล์ น.71, 0-2 ซัวเรส น.82
นัดนี้เป็นเมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้แมตซ์ครั้งที่ 185 แล้วโดยเจ้าบ้านเอฟเวอร์ตันเลือกส่งหลุยส์ ซาฮาลงมาค้ำในแดนหน้าและทิม เคฮิลล์ก็ฟิตพอลงสนามได้ แต่ในดาร์บี้ช่วงหลังมานี้พวกเขาเอาชนะคู่ปรับได้เพียงแค่นัดเดียวเท่านัน้จาก 9 นัดหลังสุดคือเกมที่"ท๊อฟฟี่"เอาชนะไป 2-0 ที่นี่ในซีซั่นที่แล้ว
ด้านลิเวอร์พูลก็เลือกให้เคาท์ลงสนามไปเล่นเป็นปีกขวาแทนที่ของเฮนเดอร์สันและยังไว้ใจให้คาร์โรลล์ลงเล่นกองหน้าคู่กับซัวเรสอยู่ ส่วนในตำแหน่งอื่นก็ยังเหมือนๆเดิม นอกจากนี้สถิติถือว่าข่มกันเล็กน้อยเพราะ"หงส์แดง"สามารถคว้าชัยในถิ่นกูดิสัน ปาร์คได้ถึง 3 ใน 4 นัดหลังที่ผ่านมา
ครึ่งแรก
เปิดฉากมาเพียงแค่ 2 นาทีเจ้าบ้านก็ได้ลุ้นก่อนเลยจากจังหวะที่แย่งกันโหม่งในกรอบเขตโทษแต่โดนสกัดออกมาเข้าทางเฟลไลนี่เอาลงบอลก่อนแล้วซัดด้วยซ้ายบอลแฉลบออกหลังไป
นาทีที่ 8 "หงส์แดง"ได้ลุ้นเกือบเป็นประตูจากจาเกียลก้าที่สกัดลูกโยนยาวทิ้งมาทางซ้ายไม่ดีจนบอลลอยโด่งโดนเคาท์เก็บตกได้ก่อนเปิดไปที่กรอบหกหลาให้ซัวเรสได้โขกกดลงพื้นแต่เบาเกินไปทำให้ฮาเวิร์ดมารับเข้าซองทัน
แต่"ท๊อฟฟี่"เองก็โต้กลับมาทันควันและเกือบได้ประตูเช่นกันจากโคลแมนที่ได้บอลทางริมเส้นฝั่งขวาก่อนจะหยอดลึกไปเสาไกลให้เคฮิลล์ที่โชว์พลังกระโดดเอาชนะคาร์ราเกอร์และได้โขกแต่เรน่ายังบินปัดออกหลังไปทัน
เกมยังผลัดกันครองบอลอยู่แต่เอฟเวอร์ตันได้ลุ้นเยอะกว่าโดยคราวนี้เป็นจังหวะที่ฮิบเบิร์ตเติมขึ้นมาก่อนจะจ่ายให้ซาฮาเลี้ยงตัดเข้าในจากขวาแล้วเล็งเหลี่ยมก่อนจะซัดบอลพุ่งโค้งหลุดเสาไกลไปแค่นิดเดียวเท่านั้น
นาที 22 เกิดเหตุการณ์พลิกผันขึ้นมาได้หลังแจ๊ค รอดเวลล์ไปเสียบแย่งบอลจากซัวเรสโดยโดนบอลบอลก่อนและแข้งก็ไปปะทะเข้ากับซัวเรส มาร์ติน แอทกินสันไม่รอช้าวิ่งมาหาพร้อมแจกใบแดงทันทีทำแฟนบอลเจ้าบ้านโห่กันระนาว
กระแสของเกมกลายเป็นฝั่งทีมเยือนที่ได้บุกเข้าใส่เยอะกว่าแต่ก็ยังหาจังหวะจบไม่ได้เลยโดนสกัดออกไปตลอดจนกระทั้งนาที 32 ได้ลุ้นจากซัวเรสคนเดิมที่วิ่งได้รับบอลทะลุช่องจากเคลลี่ก่อนหลุดเข้าไปซัดมุมแคบแต่ก็เข้าแค่ข้างตาข่าย
เข้าสู่ช่วงท้ายแล้วแม้เกมจะยังเป็นของ"หงส์แดง"อยู่แต่ก็ยังคงหาช่องเจาะไม่ได้เหมือนเดิมโดยทำได้เพียงแค่เข้าไปลุ้นในเขตโทษแต่ก็โดนสกัดทิ้งออกมา
แต่แล้วแฟนเจ้าบ้านเซ็งเป็นแถบหลังจู่ๆก็มาเสียจุดโทษเฉยจากจังหวะจาเกียลก้าเข้ามาชนกับซัวเรสจนล้มลงไปในเขตโทษ แอทคินสันไม่รอช้ามอบจุดโทษให้"หงส์แดง"และเป็นเคาท์รับหน้าที่ยิงไปที่มุมโคนเสาขวามือแต่ฮาเวิร์ดก็พุ่งมาเซฟจุดโทษได้ ทำเอาแฟนทีมเยือนเซ็งแทนเลยทีนี้
ทดเจ็บ"หงส์แดง"ก็เกือบได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งจากชาร์ลี อดัมที่ได้บอลหน้าเขตโทษก่อนจะแต่งหนึ่งทีแล้วสับไกด้วยซ้าย บอลพุ่งไซร้ก้อยหนีมือฮาเวิร์ดไปแล้วแต่โชคยังเข้าข้างไม่พอโดนชนคานอย่างจัง ชวดได้ประตูแรกไปอีกครั้ง
จากนั้นก็จบเกมในครึ่งแรกไปเอฟเวอร์ตันที่เหลือ 10 ตัวยังคงยันเสมอ 0-0 กับลิเวอร์พูลได้อยู่
ครึ่งหลัง
เริ่มครึ่งหลังมา 2 นาที"หงส์แดง"ก็ได้ลุ้นก่อนเลยจากเคลลี่ทีได้รับบอลมาจากอดัมก่อนจะลองส่องไกลจากหน้าเขตโทษเลยแต่ฮาเวิร์ดก็ยังคงเซฟไว้ได้อยู่
10 คนของเจ้าบ้านก็ได้ลุ้นจากเฟลไลนี่ที่เลี้ยงเข้ามาก่อนส่งให้เคฮิลล์ในเขตโทษและเคฮิลล์ก็จ่ายให้ซาฮาอีกทีได้ลองยิงดูแต่บอลก็หลุดเสาออกหลังไป
นาที 53 "หงส์แดง"ก็ได้ลุ้นอีกจากจังหวะที่เปิดเข้าไปลุ้นในเขตโทษและเป็นคาร์โรลล์ที่ได้ขึ้นโขกบอลกลางประตู แต่ซาฮาก็ยังยืนถูกที่ถูกเวลาล้มตัวสกัดลูกโหม่งออกจากหน้าปากประตูไปได้
ทีมเยือนยังได้ลุ้นอยู่เรื่อยๆและคราวนี้ก็เป็นลูกโหม่งของคาร์โรลล์อีกแล้วจากจังหวะเตะมุม บอลไปฉลบนักเตะที่กองกันอยู่หน้าประตูเกือบจะเสียบเสาเข้าไปแต่ฮาเวิร์ดยังคงปัดออกหลังไปทัน
"ท๊อฟฟี่"ยังเตือนลิเวอร์พูลเรื่อยๆว่าอย่าได้ประสาทเป็นอันขาดหลังซาฮาได้บอลหน้าเขตโทษก่อนจะพลิกกลับมาแล้วอยู่โล่งๆไร้คนประกบเลยตัดสินใจสับไก 25 หลาเลยบอลถากเสาไปนิดเดียวทำเอาเรน่าต้องโวยเพราะซาฮาโล่งเกินไป
นาที 68 ลิเวอร์พูลก็ได้ลุ้นอีกครั้งจากลูกฟรีคิกทางขวารับหน้าที่เปิดเข้าเขตโทษโดยเจอร์ราร์ดที่ลงมาใหม่ บอลลอยไปถึงทางเสาไกลและเป็นซัวเรสที่ได้โขกแต่ก็โดนเบียดไว้ทำให้กดไม่ลงลอยออกหลัง
ในที่สุด"หงส์แดง"ก็ได้ประตูขึ้นนำเสียทีจากเบลลามี่ที่จ่ายให้เอ็นริเก้เติมขึ้นมาทางซ้ายก่อนจะหลุดไปเปิดถึงสุดเส้นหลังเข้าไปหน้าประตู เคาท์ที่อยู่เสาแรกตัดสินใจก้มหลบบอลปล่อยให้คาร์โรลล์ที่อยู่ข้างหลังได้ยิงเข้าประตูไม่เหลือ กลายเป็นคอนเนคชั่นของเด็กเก่านิวคาสเซิ่ลส่งให้ลิเวอร์พูลออกนำเอฟเวอร์ตัน 1-0 แล้ว
ทีมเยือนยังเดินหน้าหาประตูที่สองต่อไปและก็เกือบจะได้เช่นกันจากจังหวะที่เบลลามี่ได้บอลอยู่ทางซ้ายก่อนจะตัดเข้าในแล้วลองง้างไกยิงดูแต่ก็ยังไม่คมพอเข้าซองฮาเวิร์ด
แต่แล้วนาที 81 กองหลังเจ้าบ้านก็แจกโชคให้ทีมเยือนเฉยจากจังหวะที่ซัวเรสเลี้ยงเข้าเขตโทษเบนส์เข้ามาตัดบอลได้แล้วดิสแต็งมาช่วยสกัดแต่ดันเตะไปติดตัวซัวเรส ทำให้บอลไม่ไปไหนเข้าทางปืนได้ยิงผ่านมือฮาเวิร์ดเข้าไปเลย ลิเวอร์พูลนำห่างเป็น 2-0 แล้ว
"ท๊อฟฟี่"ยังคงไม่ยอมแพ้หลังเบนส์เติมเกมขึ้นมาทางซ้ายก่อนจะลองสับไกดูเลย แต่บอลก็เลี้ยวหลุดเสาแรกออกหลังไปแบบไม่เดือดร้อนเรน่า
เกือบจะบวกเป็นสามแล้วหลังทดเจ็บลิเวอร์พูลลองลักไก่เล่นไว เตะมุมเล่นง่ายๆให้เคาท์ในเขตโทษควบมาชาร์ตบอลผ่านมือไปแล้วแต่โดนเสาซะงั้นก่อนจะโดนเคลียร์ออกไป
สุดท้ายแล้วเอฟเวอร์ตันที่เหลือ 10 ก็ไม่สามารถต้านทานลิเวอร์พูลจบเกมพ่ายไป 2-0 ทำให้"หงส์แดง"ขยับขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 4 เหนือนิวคาสเซิ่ลก่อนชั่วคราว ส่วนเอฟเวอร์ตันยังคงอยู่ในอันดับที่ 11 เหมือนเดิม
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
เอฟเวอร์ตัน : ทิม ฮาร์เวิร์ด, ซิลแว็ง ดิสแต็ง, ฟิล จาเกียลก้า, เลห์ตัน เบนส์, โทนี่ ฮิบเบิร์ต (เวลิออส น.78), แจ๊ค รอดเวลล์, มารูยาน เฟลไลนี่, ลีออน ออสมัน (เนวิลล์ น.69), เซมุส โคลแมน (เดรนเธ่ น.59), หลุยซ์ ซาฮา, ทิม เคฮิลล์
สำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : ดินิยาร์ บิลยาเลทดินอฟ, เดนิส สตรากัวลูร์ซี่, แยน มูช่า, รอส บาร์คลี่ย์
ลิเวอร์พูล : เปเป้ เรน่า, เจมี่ คาร์ราร์เกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, โฆเซ่ เอ็นริเก้, มาร์ติน เคลลี่, ชาร์ลี อดัม (เจอร์ราร์ด น.66), ลูคัส เลว่า (เฮนเดอร์สัน น.88), สจวร์ต ดาวนิ่ง (เบลลามี่ น.66), เดิร์ก เคาท์, แอนดี้ คาร์โรลล์, หลุยส์ ซัวเรส
สำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : จอห์น ฟลานาแกน, โดนี่, เจย์ สเปียริ่ง, เซบาสเตียน โคอาเตส