บางตะบูน น้ำเบียด-น้ำกัน: SiamFishing : Thailand Fishing Community

บางตะบูน น้ำเบียด-น้ำกัน

กระทู้: 40

ความเห็น: 2,353

ล่าสุด: 27-01-2566

ตั้งแต่: 17-12-2547

เสียงสน(280 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้

)

ตั้งกระทู้: 23 ก.ย. 53, 13:19

ขอเอารูปเก่ามาเล่าใหม่ แต่ไม่ได้เล่าเรื่องเก่านะครับ

เราได้เจอปลามากมายหลายชนิดเช่น ปลาจวดขาว ปลาจวดดำ ใบปอ ปลากด อีคุด เฉลียบ สีขน สีกุน กุเรา ปูทะเล แล้วก็ กระเบน บอกได้คำเดียวครับว่า ประทับใจ จนอยากไปอีก บางตะบูน ความตอนหนึ่งที่น้าหรั่ง ได้กล่าวไว้ในกระทู้เรื่อง บางตะบูน กับ ความสมบูรณ์ ที่ต้องไปเยือน

กระทู้: 40

ความเห็น: 2,353

ล่าสุด: 27-01-2566

ตั้งแต่: 17-12-2547

เสียงสน(280 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้

)

ความเห็นที่ 1: 23 ก.ย. 53, 13:22

[b]กระผมเคยออกตกปลากับเรือของไต๋จรูญหลายครั้งแล้ว เพราะความสะดวกในการเดินทาง ไม่ไกลนักจากบ้านพักที่

กระผมเคยออกตกปลากับเรือของไต๋จรูญหลายครั้งแล้ว เพราะความสะดวกในการเดินทาง ไม่ไกลนักจากบ้านพักที่ราชบุรี ความสะดวกในตัวเรือถึงแม้จะมีขนาดเล็กประมาณ 4 วา แต่มีอุปกรณ์บริการค่อนข้างครบครัน ไปกัน 5-6 คนไม่อึดอัด จะตกปลาหรือจะนั่งนอนกินเดินเหินปลดทุกข์ดูจะสะดวกมากกว่า เมื่อเทียบกับเรือที่มีขนาดเดียวกัน หรือขนาดใหญ่กว่าก็ตาม และที่สำคัญความตั้งใจและความมีอัธยาศัยที่ดีของไต๋จรูญนั่นเอง ได้สร้างความประทับใจไว้อย่างมากมายทุกครั้งที่ได้ไปเยือน

กระทู้: 0

ความเห็น: 5,674

ล่าสุด: 20-11-2567

ตั้งแต่: 23-09-2552

somjitp2009 offline

ความเห็นที่ 2: 23 ก.ย. 53, 13:25

กระทู้: 40

ความเห็น: 2,353

ล่าสุด: 27-01-2566

ตั้งแต่: 17-12-2547

เสียงสน(280 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้

)

ความเห็นที่ 3: 23 ก.ย. 53, 13:26

[b]ปากทะเลบางตะบูนแห่งนี้ เท่าที่ทราบมีเรือของไต๋จรูญเพียงลำเดียวเท่านั้น ที่รับบริการพานักตกปลาออก

ปากทะเลบางตะบูนแห่งนี้ เท่าที่ทราบมีเรือของไต๋จรูญเพียงลำเดียวเท่านั้น ที่รับบริการพานักตกปลาออกตกปลาตามแนวขอบโป๊ะ เป็นจังหวะที่ยังไม่ค่อยจะดีนักสำหรับทริปนี้ เนื่องจากก่อนหน้ามีฝนตกหนักลงมาอย่างต่อเนื่อง น้ำจืดไหลเวียนลงสู่ปากแม่น้ำก้นอ่าว ภาษาชาวบ้านหรือชาวทะเลเขาจะเรียกกันว่า น้ำขาวมันลง น้ำเปลี่ยนสี หรือว่า น้ำเบียด น้ำกัน ถัดจากทริปนี้ไปไม่กี่วัน ได้ข่าวว่าไต๋จรูญได้แจ้งยกเลิกนักตกปลาที่จองกันล่วงหน้า หยุดพักยาว 1 เดือนเต็ม เพราะสถาวะของน้ำเบียดลงมามากนี่ล่ะครับ

กระทู้: 21

ความเห็น: 2,935

ล่าสุด: 18-11-2567

ตั้งแต่: 15-07-2552

อาจารย์อาร์ต(1256 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้

)

ความเห็นที่ 4: 23 ก.ย. 53, 13:27

กระทู้: 7

ความเห็น: 561

ล่าสุด: 17-09-2567

ตั้งแต่: 07-06-2550

nongtong(213 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้

)

ความเห็นที่ 5: 23 ก.ย. 53, 13:27

กระทู้: 40

ความเห็น: 2,353

ล่าสุด: 27-01-2566

ตั้งแต่: 17-12-2547

เสียงสน(280 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้

)

ความเห็นที่ 6: 23 ก.ย. 53, 13:30

[b]ภาวะน้ำเบียด น้ำกัน เกิดขึ้น 2 ลักษณะ ในลักษณะแรกนั้นจะเกิดจากน้ำจืด และน้ำเค็มมาปะทะกัน โดยเกิด

ภาวะน้ำเบียด น้ำกัน เกิดขึ้น 2 ลักษณะ ในลักษณะแรกนั้นจะเกิดจากน้ำจืด และน้ำเค็มมาปะทะกัน โดยเกิดในช่วงน้ำหลาก น้ำเหนือที่มีปริมาณน้ำฝน น้ำท่า อันเป็นน้ำจืดปริมาณมากที่ไหลประดังลงมาผ่านแม่น้ำ ลำคลองต่างๆ สู่ปากอ่าวไทยตอนบน หรืออ่าวรูป ก.ไก่ แล้วปะทะน้ำทะเลชนิดแบบเฉียบพลันในช่วงเดือนกันยายน-พฤศจิกายน

กระทู้: 40

ความเห็น: 2,353

ล่าสุด: 27-01-2566

ตั้งแต่: 17-12-2547

เสียงสน(280 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้

)

ความเห็นที่ 7: 23 ก.ย. 53, 13:32

[b]เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางหรือปลายฤดูฝน ซึ่งลมจะเริ่มเปลี่ยนเป็นฝ่ายเหนือ จากเดิมต้นฤดูลมจะเปลี่ยนเป็น

เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางหรือปลายฤดูฝน ซึ่งลมจะเริ่มเปลี่ยนเป็นฝ่ายเหนือ จากเดิมต้นฤดูลมจะเปลี่ยนเป็นฝ่ายใต้ก่อน คือลมสลาตันพัทยาตะวันตก อันช่วงต้นฤดู พฤษภาคม-กรกฎาคม แล้วจะทิ้งช่วงไปในเดือนกรกฎาคม และเข้าช่วงกลางฤดูแท้ๆ ฝนก็จะเลือนไปตกกลางวัน ตกบ่าย ในช่วงเดือนสิงหาคม ถึงกันยายน ฟ้าจะไม่คะนองนัก

กระทู้: 3

ความเห็น: 1,290

ล่าสุด: 27-01-2566

ตั้งแต่: 25-01-2553

kanok_tan(55 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้

)

ความเห็นที่ 8: 23 ก.ย. 53, 13:32

กระทู้: 30

ความเห็น: 862

ล่าสุด: 27-01-2566

ตั้งแต่: 22-11-2550

มัชฉาณุ(424 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้

)

ความเห็นที่ 9: 23 ก.ย. 53, 13:33

+1..

กระทู้: 40

ความเห็น: 2,353

ล่าสุด: 27-01-2566

ตั้งแต่: 17-12-2547

เสียงสน(280 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้

)

ความเห็นที่ 10: 23 ก.ย. 53, 13:35

[b]พอเข้าสู่ช่วงปลายฤดูประมาณเดือน กันยายน-ตุลาคม ฝนจะตกกลางคืนถึงเช้า โดยในช่วงปลายฤดูฟ้าจะคะนองมา

พอเข้าสู่ช่วงปลายฤดูประมาณเดือน กันยายน-ตุลาคม ฝนจะตกกลางคืนถึงเช้า โดยในช่วงปลายฤดูฟ้าจะคะนองมากเพื่อเตรียมสั่งฟ้า พร้อมกับมีพายุในระดับต่างๆเคลื่อนตัวเข้ามา ลมก็จะเปลี่ยนเป็นลมฝ่ายเหนือ คือเป็นลมเชิง ลมพัดหลวง สลับกับลมพายุคาดหมายทิศทางไม่ได้ แล้วจะเปลี่ยนเป็นลมว่าว (ไม่ใช่ช่วงลมว่าวที่ไปเล่นว่าวกันในท้องสนามหลวง นั่นเป็นลมตะเภา)

กระทู้: 40

ความเห็น: 2,353

ล่าสุด: 27-01-2566

ตั้งแต่: 17-12-2547

เสียงสน(280 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้

)

ความเห็นที่ 11: 23 ก.ย. 53, 13:37

[b]โดยหลักการฝนจะตกในช่วงน้ำเกิด ในช่วงน้ำตายฝนจะไม่ค่อยตกเว้นแต่มีพายุ ในช่วงนี้เองที่บริเวณปากแม่

โดยหลักการฝนจะตกในช่วงน้ำเกิด ในช่วงน้ำตายฝนจะไม่ค่อยตกเว้นแต่มีพายุ ในช่วงนี้เองที่บริเวณปากแม่น้ำก้นอ่าวไทยตอนบน มักจะเกิดภาวะ น้ำเบียด-น้ำกัน อันเป็นภาวะน้ำเสียตามธรรมชาติ ไม่ใช่น้ำเสียจากมลภาวะ เนื่องจากน้ำจืด ปริมาณมากไหลลงมาปะทะกับน้ำเค็ม ทำให้แพลงก์ตอนบางชนิดเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยหายฝ่ายแพลงก์ตอนสีเขียวชนะน้ำทะเลบริเวณอ่าวไทยที่เป็นสีตะกอนขุ่นค่อนข้างแดงจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว แต่แพลงก์ตอนฝ่ายที่สีแดงชนะ น้ำจะเปลี่ยนไปเป็นสีแดง หรือสีอื่นๆ ตามลักษณะของแพลงก์ตอนชนิดนั้นๆ

กระทู้: 86

ความเห็น: 15,001

ล่าสุด: 14-05-2567

ตั้งแต่: 05-09-2548

iron_rose(10072 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้

)

ความเห็นที่ 12: 23 ก.ย. 53, 13:41

ติดตามเรื่องราวค่ะ

กระทู้: 33

ความเห็น: 3,264

ล่าสุด: 26-11-2567

ตั้งแต่: 24-12-2550

mangmo1980(381 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้

)

ความเห็นที่ 13: 23 ก.ย. 53, 13:43

หวัดดีครับน้ารัด หวาดเสียวจังเคยไปที ไปงัดเสาเค้าหหลายไม้แล้ว

กุเราที่นี่แปลกๆนะครับไล่งับเบ็ดโสก

กระทู้: 40

ความเห็น: 2,353

ล่าสุด: 27-01-2566

ตั้งแต่: 17-12-2547

เสียงสน(280 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้

)

ความเห็นที่ 14: 23 ก.ย. 53, 13:43

[b]ฝูงปลาที่หลงอยู่ในอาณาบริเวณน้ำเบียด-น้ำกัน หรือน้ำเปลี่ยนสีเป็นกลุ่มๆ นี้จะตาย ส่วนฝูงปลาที่เคล

ฝูงปลาที่หลงอยู่ในอาณาบริเวณน้ำเบียด-น้ำกัน หรือน้ำเปลี่ยนสีเป็นกลุ่มๆ นี้จะตาย ส่วนฝูงปลาที่เคลื่อนหนีทันก็จะถูกน้ำเสียธรรมชาตินี้เบียดกันเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ ชาวประมงผู้รู้จังหวะลีลาของธรรมชาติเหล่านี้ก็จะเข้าไปหาปลาได้มากมายจากภาวะน้ำเบียด-น้ำกันนี้ เพราะน้ำเสียธรรมชาติทำหน้าที่ห้อมล้อมกวาดต้อนฝูงปลาที่หนีน้ำเสีย ที่ขาดออกซิเจนเหล่านี้ พวกที่หนีไม่ทันก็จะตายไปโดยธรรมชาติ

กระทู้: 0

ความเห็น: 588

ล่าสุด: 27-01-2566

ตั้งแต่: 25-03-2553

FROMMAN

ความเห็นที่ 15: 23 ก.ย. 53, 13:46

หมับเกาะข้างเรือเข้าให้

กระทู้: 40

ความเห็น: 2,353

ล่าสุด: 27-01-2566

ตั้งแต่: 17-12-2547

เสียงสน(280 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้

)

ความเห็นที่ 16: 23 ก.ย. 53, 13:47

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับ

ภาวะน้ำเบียด-น้ำกัน มักจะเกิดขึ้นประมาณเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน เป็นวัฏจักรที่ธรรมชาติของระบบน้ำทำการชำระสะสางมลทินต่างๆ นอกจากปลาจะต้องตายไปบางส่วนแล้ว สัตว์น้ำหรือพวกกุ้งปูหอยต่างๆในอาณาบริเวณเหล่านี้ก็จะนอนตายไปด้วยเช่นกัน

กระทู้: 40

ความเห็น: 2,353

ล่าสุด: 27-01-2566

ตั้งแต่: 17-12-2547

เสียงสน(280 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้

)

ความเห็นที่ 17: 23 ก.ย. 53, 13:49

[b]ลักษณะที่สองเป็นภาวะน้ำเบียด น้ำกันอีกแบบ เกิดจากกระแสลม กระแสน้ำเป็นผู้กระทำ กล่าวคือ ช่วงก่อนจ

ลักษณะที่สองเป็นภาวะน้ำเบียด น้ำกันอีกแบบ เกิดจากกระแสลม กระแสน้ำเป็นผู้กระทำ กล่าวคือ ช่วงก่อนจะเข้าฤดูฝนเต็มที่ น้ำทะเลจะร้อนด้วยอุณหภูมิสูงในหน้าร้อนประกอบกับมลพิษ มลภาวะต่างๆ ทั้งที่เป็นคุณ และเป็นโทษสะสมอยู่บริเวณพื้นทะเลปากอ่าวไทยตอนบน และลมกำลังจะเปลี่ยนจากฝ่ายใต้เป็นฝ่ายตะวันตก เป็นช่วงฝนยังน้อย หรือฝนทิ้งช่วง น้ำทะเลผิวบนจะร้อนกว่าน้ำทะเลด้านล่าง จากแม่กลอง เพชรบุรี จะถูกลมพัดส่งจากทิศตะวันตกบริเวณตอนบนของแผนที่รูปด้ามขวานไปทางทิศตะวันออกด้านชลบุรี เมื่อมาปะทะกับชายฝั่งทะเลทางตะวันออกแล้วก็จะสะท้อนกลับเป็นกระแสน้ำเย็นที่หนักกว่า กวาดเอาตะกอนก้นอ่าวกลับมาหาชายฝั่งทะเลตะวั้นตกด้านแม่กลอง เพชรบุรี ทำให้ตะกอนและสารอาหารที่เป็นคุณ และเป็นโทษ ฟุ้งขึ้นสู่ด้านบนกระทบแสงแดด เกิดการบูมของแพลงก์ตอนคล้ายกับแบบแรก

กระทู้: 40

ความเห็น: 2,353

ล่าสุด: 27-01-2566

ตั้งแต่: 17-12-2547

เสียงสน(280 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้

)

ความเห็นที่ 18: 23 ก.ย. 53, 13:53

[b]ชาวประมงจะบอกว่า น้ำเย็นมาปลาตาย ตามสุภาษิตไทยที่ว่า น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย ส่วนแพลงก์ตอนท

ชาวประมงจะบอกว่า น้ำเย็นมาปลาตาย ตามสุภาษิตไทยที่ว่า น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย ส่วนแพลงก์ตอนที่บูมขึ้นอย่างราวเร็วจะตายหรือดร็อพลงสู่พื้นทะเล เกิดเป็นสิ่งมีชีวิตที่ชอบภาวะน้ำไม่ดี ซึ่งชาวประมงจะเรียกด้วยความรังเกียจเหมือนผู้ปฏิบัติธรรมที่ละเมิดผิดศิล (ไม่ได้ว่าไปตามกระแสพระดังเวลานี้) นะครับ หรืออย่างไรไม่รู้แน่ชัด ส่วนที่มีลักษณะเป็นพืช เป็นเส้นๆ เกาะตามโขด หรือตามไม้หลักที่ปักอยู่ในพื้นทะเล เรียกกันว่า หมอยยายชี กับสิ่งมีชีวิตอีกลักษณะ เป็นก้อนใสๆกลมบ้างรีบ้าง ขนาดลูกปิงปอง เรียกว่า กระโปกตาเถร

กระทู้: 40

ความเห็น: 2,353

ล่าสุด: 27-01-2566

ตั้งแต่: 17-12-2547

เสียงสน(280 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้

)

ความเห็นที่ 19: 23 ก.ย. 53, 14:00

[b]หลังจากนั้นทะเลก็จะอุดมสมบูรณ์ไปจนหน้าแล้ง ซึ่งมักถือเอาการมีน้ำขึ้นใหญ่มากครั้งสุดท้ายในช่วงตรุ

หลังจากนั้นทะเลก็จะอุดมสมบูรณ์ไปจนหน้าแล้ง ซึ่งมักถือเอาการมีน้ำขึ้นใหญ่มากครั้งสุดท้ายในช่วงตรุษจีน เป็นจุดเปลี่ยนเข้าสู่หน้าแล้งของทะเล เข้าสู่ฤดูปลาวางไข่หน้าแล้ง เจริญเติบโตหน้าฝน และสมบูรณ์เต็มที่ปลายฝนต้นหนาว
จบเรื่องราวสวัสดีครับ
ภาพถ่าย หรั่งเคหะราม ข้อมูลอาจารย์สุรจิต ชิรเวทย์ สว.สมุทรสงคราม รัดเสียงสนเรียบเรียง