เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมเป็นทหารอยู่ รพ.อานันทมหิดล จ.ลพบุรี วันที่ 6 มีนาคม 2551 ที่ผ่านมานี่เอง
ผมเข้าเวร ตอน6โมงเย็น จะไปออกตอนเที่ยงคืน (เรียกว่าเวรเปล เพราะมีหน้าที่รับผู้ป่วยเข้าห้องฉุกเฉินของรพ.)
อยู่กับเพื่อน5คนครับ พอ6โมงกว่าๆเท่านั้น มองไปทางบ่อน้ำพุหน้าห้องฉุกเฉิน อ้าว เฮ้ย! เด็กกำลังจมน้ำในบ่อ ผลุบโผล่อยู่ ยืนดูไม่ได้แล้วครับ (เพราะเห็นวัยรุ่นคนนึงมันนั่งคุยอยู่กับแฟน ข้างบ่อนั่นแหละ แต่มันยืนดู เอากะมันสิ)
วิ่งครับ วิ่งๆๆ แบลืมเนื้อลืมตัว ไปถึง ตูม! โดดครับ อุ้มเด็กขึ้นมา เด็กสำลักน้ำไปหลายอึก พอขึ้นมาได้ พ่อเด็กมาพอดี (มันไปอยู่ใหนมาฟะ ทิ้งลูกให้จมน้ำ) บอกขอบคุณครับ แล้วมันก็อุ้มลูกไป
มองดูตัวเอง โธ่กรูหนอกรู เปียกหมดเลย นึกขึ้นมาได้ ล้วงกระเป๋า แงๆ มือถือ2เครื่อง เสียชีวิตแล้วครับ นาฬิกาข้อมืออีก1เรือน แตก คงตอนตะเกียกตะกายพาเด็กขึ้นจากบ่อแล้วฟาดกับหินขอบบ่อ
เงิน 9พัน กับบัตรของทางราชการอีก8-9ใบ เปียกหมด โธ่เอ๋ย กรูหนอกรู เสียหายยับเยิน แต่พวกบัตรไม่เป็นไรเอาออกมาตาก พักนึงแห้ง
กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้ามาเข้าเวรต่อ แล้วส่งผู้ป่วยกลับบ้านมีรถคันนึงมาจอด ผมก็ส่งผู้ป่วยขึ้นรถไป มีเด็กในรถยิ้มให้ แล้วโบกมือบ๊ายบายยย ผมก็ยิ้มแล้วโบกมือตอบ
แล้วหันไปถามเพื่อน เด็กไปใหนแล้วล่ะ เป็นอะไรมั่งป่าว เพื่อนบอกก็ที่เมิงส่งผู้ป่วยขึ้นรถไปนั่นแหละ เด็กอยู่ในรถ
เวงกำ กรูจำม่ะได้ ก็เด็กเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเหมือนกัน มาคิด เฮ้อ!
มือถือตาย2 นาฬิกาอีก1 เท่าไรว๊ะเนี่ยกรู แต่ก็ประทับใจกับรอยยิ้มของเด็กน้อยที่โบกมือให้ คงจะคิดขอบคุณผมอยู่ แต่อยู่ในรถเลยพูดออกมาไม่ได้ เฮ้อ หมดตัวอีกแว๊ววววว แงๆๆๆๆ
คุ้มป่าวคร๊าบกะการเป็นฮีโร่
อ้ายพวกเพื่อนทามมายเมิงม่ายวิ่งปายก่อนกรู ฮือๆๆ
เกิดมาม่ะค่อยได้ช่วยใคร ก็เพิ่งนี่แหละ แต่แหม ราคามันแพงจัง...