เมื่อวานเพิ่งเจอเรื่องเครียดมาอยากระบายให้ใครได้ฟังซักนิด (ตอนนี้อยู่คนเดียว) คือเมื่อวานผมไปร่วมงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยแจกเรือ 100 กว่าลำ แจกถุงยังชีพให้ชุมชนหนึ่งใน ย่านฝั่งธน ที่น้ำท่วมสูงมากเกินเมตร แถมอยู่ลึกจากถนนใหญ่เกือบ 3 กม. เป็นกิจกรรมบริจาคกันเองของชมรมศิษย์เก่าเฉพาะรุ่นผมที่ร่วมกันจัด เป้าหมายคืออยากช่วยชาวชุมชนรอบๆ สถาบันเก่าอันเป็นที่รักของพวกเรา ที่พวกผมทราบมาว่าตอนนี้กำลังลำบากสุดๆ โดยพวกผมคุยกันทาง FB โทรวางแผนกันเพียงแค่ 3 วัน โดยได้รับความร่วมมือจากเพื่อนในรุ่น ช่วยกันออกเงินและของบริจาคกัน พร้อมได้รับความร่วมมือจากจากของ รง.ผลิตเรือช่วยผลิตและขายเรือให้เราในราคาถูกแถมช่วยบริจาคเรือให้อีกจำนวนหนึง แถมยังให้ยืมรถบรรทุกขนาดใหญ่มาอีกคันด้วย(ขอกราบขอบพระคุณท่านเจ้าของ บ. SPI คุณสงคราม ไว้ ณ.ที่นี้ด้วย) ในวันเริ่มดำเนินการปรากฏว่าขบวนรถใหญ่(น้องๆ GMC ของทหาร)ที่บรรทุกเรือและสิ่งของเครื่องยนต์เกิดดับ เพียงแค่เข้าไปปากทางที่แยกออกจากถนนใหญ่ได้แค่ประมาณ 200 เมตร ช่วงที่เรากำลังประสานงานกับ สส.พื้นที่ทางโทรศัพท์ พร้อมกับติดต่อขอความช่วยเหลือกับทางราชการอื่นๆ อยู่ ชาวบ้านที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นก็ออกมาดูรถที่เราเสียอยู่ บางคนก็ลุยน้ำมา บางคนก็พายเรือมา คิดว่าึคงเห็นของที่รถ และเห็นป้ายที่ข้างรถที่เขียนบอกว่าเป็นรถช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ต่างก็เข้ามาขอเรือ ขอของ เราก็ให้น้ำ ให้อาหาร ไปบ้าง แต่เราปรึกษากันว่าคงจะยังไม่แจกเรือให้ ซึ่งทางผมก็แจ้งกับชาวบ้านแถวนั้นไปว่าเรือเป็นของสถาบันผมเป็นเจ้าของ(ขออนุญาตไม่เอ่ยชื่อ เพราะคงรู้จักกันทุกคน และผมไม่อยากเจาะจงสถานที่ให้กระทบกระเทือนคนแถวนั้น) ซึ่งเจ้าของจะต้องเป็นผู้แจกเอง ถ้าต้องการหรืออยากได้จริงๆ ก็คงต้องเข้าไปขอรับเองที่สถาบัน แต่ชาวบ้านแถวนั้นก็พยายามร้องขอเรือ ผมก็ให้เหตุผลว่าด้านในมีความจำเป็นมากกว่าเพราะแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเดินฝ่าน้ำออกมาด้านนอกด้วยระยะทางที่เกือบ 3 กม. โดยไม่มีเรือ แถมเท่าที่ทราบระดับน้ำด้านในลึกกว่าด้านที่รถผมดับ ซึ่งห่างจากถนนแค่ 200 เมตร (ก่อนพวกผมเข้าไปในซอย ยังพอเห็นร้านของของกิน ของใช้ ด้านนอกอยู่บ้าง) หลังจากให้เหตุผลไป แทนที่จะเข้าใจกลับยิ่งทำให้ชาวบ้านบางคนโกรธ โดยเฉพาะชายคนที่พายเรือเข้ามาขอเรือ(ตัวเองก็มีเรือใช้อยู่แล้ว) ตะคอกใส่พวกผมว่า "พวกกูก็ลำบาก ไม่เห็นมีใครสนใจ จะเอาไปให้แต่พวกข้างในไม่ให้พวกกู" ผมชักเลือดขึ้นหน้าก็พยายามใจเย็นถามกลับไปแบบเรียบๆว่า "พี่คนไทยรึเปล่าครับ ถ้าคนไทยเป็นแบบนี้หมด จะมีใครอยากเข้ามาช่วยเหลือล่ะครับ บ้านผมก็ท่วมเหมือนกัน ผมก็ยังอาสามาช่วยคนอื่นเลย" เพื่อนผมอีกคนที่เป็นหมอ รีบมาสะกิดผมพร้อมกับกระซิบว่า มึงอย่าไปต่อล้อต่อเถียงกับพวกนี้เลย เดี๋ยวเป็นเรื่องจมตีนอยู่แถวนี้แหละ ขณะเดียวกันก็มีผู้หญิงอีกคนที่เดินลุยน้ำมา ตะโกนตามมาว่า ไม่ให้พวกกู ก็ไม่ต้่องไปช่วยพวกมัน ให้มันตายห่...อยู่นั้นแหละ พร้อมกับเดินจากไป จุดที่รถตายอยู่ระยะทางไม่เกิน 200 เมตร จากถนนใหญ่ แต่ไม่มีใครเข้ามาช่วยเราเลย มีแต่คนเข้ามาขอโน่น ขอนี่ มีหลายคนที่พูดดีๆ กับพวกผม แต่ท่านสุดก็ขออีก แต่ไม่มีใครมาช่วย เราติดอยู่หลายชั่วโมง จนแสงเริ่มจะหมด พวกผมปรึกษากันว่าถ้ามืดคงลำบาก หรือดีไม่ดีอาจโดน....โดยไม่คาดคิด ยังดีที่ทีมงานสามารถประสานไปหาศิิษย์เก่าอีกคนเพื่อไปหารถ 4 WD และเรือสปีดโบ๊ทมาช่วยเราออกไปก่อนมืดได้ทันท่วงที โดยไม่มีวี่แววของหน่วยราชการใดๆ ที่เราร้องขอติดต่อกลับมาสักราย ผลที่สุดเราก็ต้องให้ตัวแทนสถาบันของเราหาเรือมาทะยอยลากเรือ และบรรทุกของบริจาคเข้าไปแทน โดนที่พวกเราไม่สามารถเข้าไปถึง รร.ได้ เริ่มตั้งแต่ 8.00 น.กว่าจะเสร็จสิ้นก็ปาไป 2 ทุ่มกว่า และรถใหญ่ที่เสียก็ไม่สามารถเอากลับไปได้เพราะเสื้อสูบแตก (ท่าทางค่าซ่อมคงหลายหมื่น) วันนี้ก็ได้จ้างรถยกยกกลับไปที่บริษัทแล้ว
***ผมเข้าใจความยากลำบากของคนที่ประสบภัย เพราะบ้านผมเองก็ท่วมไม่น้่อย ผมไม่อยากคิดในแง่ไม่ดีกับคนไทยด้วยกัน ผมเห็นโฆษณามากมายที่แสดงถึงความมีน้ำใจของคนไทยด้วยกัน ขณะเดียวกันผมก็ได้เห็นภาพข่าวของชาวชุมชนสามวาและอีกหลายภาพข่าวที่ตามมา เพียงแต่ผมไม่อยากให้ความมีน้ำใจของคนไทยสูญหาย ละลายไปหมดกับสายน้ำท่วมครั้งนี้เลย
ปล.ความจริงมีรูปประกอบ แต่ผมไม่อยากลงให้กระทบกระเทือนชาวชุมชนที่กล่าวถึงนั้น เพราะถ้าลงหลายท่านก็คงรู้จักแน่นอน
เครียด แล้ว ต้องแก้เครียดหน่อยนะครับ
ช่วงนี้เฝ้าบ้านช่วงน้ำท่วม ลูกเมียก็ทิ้งเราหมด หนีไปอยู่คอนโด พอดีเพื่อนส่งให้่มาอ่านแก้เครียด(ความจริงไม่ได้เครียดเลย อยู่คนเดียวแสนสบายเหมือนเป็นโสดอีกครั้ง 555+ ของกินอุดมสมบูรณ์ สต๊อคไว้แยะ รวมทั้งน้ำสีอำพันด้วย อยู่ได้เกินเดือนแน่นอน ขาดอย่างเดียว......) เลยเอามาฝากเพื่อนๆ สมาชิกซะเลย ถ้าซ้ำกับท่่านอื่นก็ต้องขอโทษด้วยครับ
***ถ้าไม่ขำก็ต้องไปตรวจว่าเป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่า(ควรรีบปรึกษาจิตแพทย์นะ) ฝากมาขำ ไม่อยากขำคนเดียว
1. ถ้าบอกว่า ผิดเป็นครู .. ผิดบ่อยอย่างกูคงเป็น อธิการบดี
2. ผู้หญิงที่ชอบพูดคำว่า อย่าได้แคร์ มันเป็นคำเชิญชวนว่า แหย่ได้ค่า
3. ข้อดีของการพูดในใจ คือด่าใคร แล้วมันไม่รู้
4. ระดับการศึกษาแค่
ปริญญาตรี , แต่ระดับความโสดที่มี
ปรมาจารย์
5. บางครั้ง สถานะ ที่เราตั้ง.. ก็มีแค่ 2 คนที่ เข้าใจ .. คือเจ้าของโปรไฟล์และใครอีกคน
6. ไม่ได้คบคนที่หน้าตา
แต่คบคนที่พร้อมจะชราไปด้วยกัน
7. มั่นใจ!! คนไทยเกินล้านคน ไม่ยอมเปลี่ยนเบอร์มือถือ
เพื่อรอแฟนเก่าโทรมา
8. ถ้า ความรัก คือการ เรียนรู้
ชู้ คงเป็นการ เรียนพิเศษ
9. ผู้หญิงสวยหนึ่งคน ทําผู้ชายมากกว่าหนึ่งคน
อกหัก
10. แอดเป็นเพื่อนหนะพอรู้ แต่ถ้าอยากแอดเป็นชู้นี่มันกดตรงไหน
11. น้ำตา ประกอบไปด้วย น้ำ 1 % อีก 99% ที่เหลือคือ ความรู้สึก ล้วนๆ
12. อกเล็ก อาจเป็นที่พันธุกรรม แต่ อกหัก มันเป็นชะตากรรม!!
13. ผู้หญิงมีสิ่งเดียวที่เห็นแก่ตัว.. คือไม่แบ่งผัวให้ใคร !!
14. บอก เกลียดฉัน 1,000,000 ครั้ง ไม่เจ็บเท่าบอก รักมัน แค่ครั้งเดียว
15. เป็น คนเหนือ , อีสาน , ใต้
ไม่ลำบากใจ เท่าเป็น คนกลาง
16. ลำโพง เสียงมันดัง แต่ ลำพัง เสียงมันเงีียบ
17. ไปประกวด Thailand Got Talent ยังฝึกซ้อมน้อยกว่า
ไปบอกรักเธอ
18. มีเงิน นับเป็นน้อง , มีทอง นับเป็นพี่ , แต่มี หนี้ นับไม่ถ้วน
19. แอบรักเพื่อนเหมือนดูหนัง สามมิติ เห็นว่าจ่ออยู่ตรงหน้า ..แต่คว้ามาไม่ได้
20. อยู่บน เขา ไม่หนาวใจเท่า
อยู่บน คาน
21. อาหมวยในวันนี้ คืออาซิ้มในวันหน้า และคืออาม่าในอนาคต
22. เกิดมาเคยเจ็บอยู่ 2 ครั้ง ครั้งแล้วกับครั้งเล่า
สำหรับน้าๆ ที่ยังไม่เคยอ่านเจอมาก่อนคงชอบกันไม่มากก็น้อยนะครับ