เรือบรรทุกน้ำตาลทรายแดงกว่า 7 พันตันล่ม ส่งผลให้เปลี่ยนทางเดินน้ำกัดเซาะตลิ่งพังเป็นวงกว้าง หลายหน่วยงานเร่งเข้ากู้สถานการณ์ก่อนบ้านอีก 2 หลัง จะพังตาม กรมมลพิษ เข้าตรวจสอบคุณภาพน้ำ ยังไม่พบความผิดปกติ แต่น้ำตาลเริ่มส่งกลิ่นเน่า
เหตุเรือบรรทุกน้ำตาลทรายแดงชนกับตอม่อจนจมลงในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อเย็นวานนี้ ล่าสุด พบว่าเรือน้ำตาลที่ล่มริมตลิ่ง ทำให้เกิดการเปลี่ยนเส้นทางเดินของน้ำจนตลิ่งที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาทรุดตัวพังลงยาวประมาณ 7 เมตร แล้ว
นอกจากนี้ พบว่าบ้านเรือนของชาวบ้านที่อยู่ริมแม่น้ำ ต้องย้ายสิ่งของออกหมด และประกาศเป็นเขตอันตราย ส่วนการกู้เรือบรรทุกน้ำตาลนั้นยังทำได้ยาก เนื่องจากน้ำไหลเข้าท่วมน้ำตาลทรายที่อยู่ในเรือทั้งหมดแล้ว จนทำให้เกิดกลิ่นเหม็นจากการผสมกันของน้ำและน้ำตาล ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ยกเลิกการกู้เรือบรรทุกน้ำตาลด้วยการใช้เรือแบ็คโฮตักน้ำตาลออก แต่จะใช้วิธีการสูบน้ำ และน้ำตาลใส่เรืออีกลำแทน
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่จากกรมควบคุมมมลพิษ ยังส่งเจ้าหน้าที่ออกเก็บตัวอย่างน้ำในจุดที่ก่อนเรือล่ม และหลังจากเรือล่ม พบว่าค่าน้ำยังปกติ สาเหตุเป็นเพราะเจ้าหน้าที่ยังไม่ให้เปิดผ้าใบที่ปิดเรือบรรทุกน้ำตาลออก เพราะเกรงว่าปริมาณน้ำตาลที่อยู่ในเรือจะละลายไปกับกระแสน้ำ จนอาจทำให้เกิดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม
สำหรับอุบัติเหตุเรือบรรทุกน้ำตาลทรายแดงกว่า 7,000 ตัน ชนตอม่อสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณอำเภอเมืองพระนครศรีอยุธยา เกิดขึ้นเมื่อเย็นวานนี้ (31 พ.ค.54) ซึ่งเป็นเรือโป๊ะบรรทุกน้ำตาล ของบริษัทไทยมารีน ซัพพลาย จำกัด รับน้ำตาลทรายแดง จำนวน 7,200 ตัน บรรทุกใส่เรือโป๊ะเหล็กขนาดใหญ่ จำนวน 3 ลำ ใช้เรือยนต์ลากจูงออกมาจาก บริษัทไทยรวมทุนคลังสินค้า อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง มาตามแม่น้ำเจ้าพระยาท่ามกลางกระแสน้ำที่ไหลเชียวกรากไปส่งขึ้นเรือใหญ่ปากอ่าวไทย แต่กระแสน้ำเชี่ยวได้พัดเรือลำแรกที่ลากจูงมาชนเข้ากับตอม่อสะพาน ทำให้กาบเรือด้านท้ายขวาแตก และหัวเรือโป๊ะที่พ่วงต่อมาเป็นลำที่ 2 ได้ชนเข้ากับตอม่อสะพานต้นเดียวกัน ทำให้หัวเรือแตกเป็นแผลใหญ่ น้ำไหลทะลักเข้าภายในเรือค่อยๆจมลง ประเมินค่าเสียหายประมาณ 200 ล้านบาท