หลังจากอาหารมื้อค่ำผ่านไปต่อมากลายเป็นนิทานข้างกองไฟ เป็นธรรมเนียมปฎิบัติ สุรา กลับแกล้ม เพียบพร้อม
อากาศเริ่มทวีความหนาวเย็นตามตัวเลขที่เพิ่มขึ้นในหน้าปัทม์นาฬิกา
เรื่องเล่าต่างๆไม่ว่าจากดวงดาว แผ่นฟ้า เรื่องอำกัน เรื่องแกล้งกัน ถูกนำมาเล่าเผยแพร่ในวงสนทนา
น้ำค้างพร่างพราวพร่างพรมลงทุกหย่อมหญ้า อากาศหนาวนัก วงเหล้า และ วงเล่า กลับอบอุ่น
สิบกว่าชีวิตนั่งเบียดรายล้อมเป็นวงกลมเผื่อแผ่ไออุ่นของกันและกัน
ดึกแล้วแสงดาวกระจ่างเต็มท้องฟ้า คลุมครอบรอบล้อมกรอบพวกเราเอาไว้จากเบื้องบน ความหนาวเหน็บเริ่มส่งผลให้เห็นจากไอที่ออกทางปาก
ผมดื่มเหล้าอย่างเมามันส์ สะใจ บรรยกาศดี เหล้าอร่อย เพื่อนรู้ใจ ความหลังครั้งเก่าก่อน ของทุกๆคนถูกนำออกมาเล่าสู่กันฟัง
แม้กระทั้งมุขตลก อูฐทะเลทรายของพี่หมี ที่เล่นเอาเงียบกันทั้งกองไฟ จนเจ๊หมี น้อยใจแอบเข้าไปนอน
หลายคนเริ่มทยอยเข้าไปนอนประจำที่กันทีละคน ทิ้งผม จานเป็ด พี่โจ พี่ทิด พี่ต้อม พี่ไพร ให้ดวดเหล้ากันต่อไป
สายลมหนาวพัดโชยเอื่อยๆ ความเหน็บหนาวไม่สามารถกระทำอะไรร่างกายเต็มไปด้วยแอลกอฮอล์ของพวกผมได้ใน ยามนี้
ความสุขที่ทุกคนสามารถสัมผัสด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 ความสุขที่เป็นรูปธรรม สวรรค์บนดินที่มีอยู่จริง
พวกเรายังคงคุยกันถึงเรื่องราวต่างๆนานากันอย่างไม่มีทีท่าว่าจะถดถอย ยาดอง แกลลอนแรกหมดไปแล้ว หกลิตรผ่านไป ไวเหมือนโกหก
พี่ต้อมหันไปคว้า เหล้าสี ที่ผมไหว้เจ้าที่เจ้าทางมาแต่ตอนเย็น รินใส่แก้วเป๊กแจกจ่ายไปอีกรอบ ความเมามาเยือนเมื่อถึงรอบนี้ สองเดือนก่อน
ผมคลานเข้าเต็นท์ที่ แก่งงาช้าง ก็สูตรนี้ เหล้าสีรินวนมารอบที่สาม
เสียงพูดเสียงคุยเริ่มเบาลงจนจางหายไปทีละลำดับ พี่ไพร ญาติพี่ทิด ถ่อเรือ ป่ายซ้าย เปะขวา
หนีกลับบ้านฝั่งตรงข้ามไปตั้งแต่เจอะเหล้าสีจอกแรก
ดึกสงัดแล้ว มีแต่ความเงียบงันของธรรมชาติ ความเงียบสงบที่ไพเราะที่สุดกว่าเสียงใดๆในโลก
กลิ่นกองไฟ ไอดิน กลิ่นหญ้า ช่างหอมหวลยิ่งนัก คืนนี้ผมหลับอย่างมีความสุขที่สุดในรอบปี