หน้าแรก|กระดาน|รีวิว|ประมูล|ตลาด|เปิดท้าย

**บันทึก 108 รวมเคล็ดลับตีเหยื่อปลอม** ช่วยกันรวบรวมนะ

+1 ครับ ดันดันดัน เพื่อเก็บเกี่ยวฟามรู้

+1 คับ ช่วยดันคับ ฟามรุทั้งน้านนนนน           

+ เก็บความรู้.....

ปลาที่หลุด....มักตัวใหญ่เสมอครับ 

+1 จัดไป แหล่มเลยเพิ่งหันมาเล่นเหยื่อปลอมอ่ะ มาแอบซุ่มหาข้อมูลบ้างคร๊าบ

+1 จัดไป แหล่มเลยเพิ่งหันมาเล่นเหยื่อปลอมอ่ะ มาแอบซุ่มหาข้อมูลบ้างคร๊าบ

มาเพื่อเก็บเกี่ยวฟามรู้ครับ

เสิรมอีกหน่อยครับวิทยาศาตร์

- เฉพาะ texas rig  กับปลาช่อน ตีเหยื่อไปแล้ว พอเหยื่อตกน้ำ อย่าพึ่งรีบลาก รอจนกว่าวงน้ำหายไป ค่อย ๆ หมุนรอกจนสายตึง แล้วเจิร์คเบา ๆ หนึ่งครั้ง ถ้าปลาอยู่แถวนั้น หรือว่ายมาดู จังหวะนี้มักจะโดน 

เยี่ยมเลยครับขออีก

ปลาล่าเหยื่อส่วนมากชอบอยู่ตามหัวแหลม เพื่อรอปลาเหยื่อว่ายผ่านมา

การตกปลาเกล็ดแบบสองขอ
จริงๆแล้วเราจำเป็นต้องออกจากตั้งแต่เช้าตรู่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นยิ่งดี
เพื่อทำการอ่อยเหยื่อและเวลาช่วงเช้าถึงสายๆจะเหมาะที่สุดในการตกปลาเกล็ด
สังเกตุได้ว่าช่วงเช้าและช่วงเย็นปลาเกล็ดจะเข้ามาหากินใกล้ฝั่ง
นักตกปลาเกล็ดส่วนมากจะนั่งตกตั้งแต่เช้าจนถึงเย็นค่ำ ไม่ขยับหาหมายบ่อย และโดยมากแล้วจะมีหมายประจำ
นั่งเฝ้าเป็นวันๆ ไม่ขยับไปไหน มีแค่ร่มกันแดดอันเดียวนั่งกลางแดดเปรี้ยงๆทั้งวัน
เพราะหมายตกปลาที่ดีๆส่วนมากมักไม่ค่อยสะดวกสบายเท่าไหร่นัก จึงนับว่านักตกปลาเกล็ดแบบสองขอ
เป็นคนอดทนที่สุด ในบรรดานักตกปลาหลายๆแนวที่มีอยู่ในบ้านเรา
การเลือกหมายที่ดีในการนั่งตกปลาเกล็ด
- ไม่ควรมองทุ่นย้อนแสงแดดเพื่อเวลามองทุ่นจะได้ไม่ต้องฝืนสายตายามแสงแดดจัดๆ
นั่นคือเลือกนั่งตำแหน่งที่ไม่หันหน้าประทะทิศทางแสงแดดตรงๆ
- ในเวลาที่ลมพัด คลื่นน้ำจัด การจุ่มปลายคันชิงหลิวลงในน้ำเพื่อรอเวลาปลามากินเหยื่อคือวิธีที่ดีที่สุด
โดยให้รักษาสายเอ็น ที่อยู่ระหว่างจุดผูกคันจนถึงจุดล็อคทุ่นหลิวให้สายหย่อนน้อยที่สุด
ยิ่งสายเอ็นหย่อนมากความใวในการตวัดคันเมื่อปลากินเหยื่อ จะช้ามาก จนตวัดปลาไม่ติด
รักษาสายเอ็นไม่ให้ตกท้องช้าง โดยกำหนดที่จุดตำแหน่งลงเหยื่อให้พอดีสายพอตึงไม่หย่อนมาก
ทุ่นเป็นอิสระเซทความลึกของทุ่นหลิวพอดีถูกต้องไม่ใช่ใช้คันดึงให้ทุ่นตั้งระดับ ลงเหยื่อที่เดิมทุกครั้ง
เลือกความยาวคันชิงหลิวให้ถูกต้องเหมาะสมกับหมาย เซทสายเอ็นให้จมน้ำ
- การอ่อยเหยื่อ ต้องอ่อยระหว่างตัวเรากับจุดลงเบ็ด และไม่ควรอ่อยครั้งละมากๆ
ไม่ควรอ่อยเหยื่อก้อนใหญ่สาดกระจายไปทั่วทุกทิศทาง
เราควรอ่อยเหยื่อเป็นก้อนที่จุดเดียวเท่านั้นก่อนที่จะเริ่มประกอบคันเบ็ดชุดปลายสาย
การอ่อยจะใช้วิธีปั้นเป็นก้อนนิ่มๆขนาดเท่าใข่ไก่ใบเล็ก ลูกเดียว
แล้วโยนลงจุดกึ่งกลางตัวเรากับจุดลงเหยื่อ ถ้านั่งตกแล้ว
นานๆไปก็ให้ใช้เหยื่อปั้นเป็นก้อนเล็กๆเท่ากับที่หุ้มขอเบ็ดดีดไปตำแหน่งที่ลงเหยื่อ
เพื่อให้เป็นจุดสนใจของปลาเพิ่มขึ้นแต่อย่าทำบ่อยให้ใช้เฉพาะตอนที่ปลาเงียบ ไม่เข้า เท่านั้น
หรือใช้วิธีสาดเหยื่ออ่อยโดยการละลายเหยื่อลงกับน้ำในภาชนะให้ละลายเป็นน้ำแล้วสาดกระจายให้ฝุ้ง
ในบริเวณที่ลงเบ็ด
วิธีสาดเหมาะกับหมายที่เป็นบ่อตกปลามากกว่าหมายธรรมชาติเพราะการใหลเวียนของน้ำบ่อมีน้อยกว่าหมายธรรมชาติ
ปลาบ่อมักจะเป็นปลาเขี้ยวๆ หรือปลาที่กินเบาๆ
การให้อาหารเป็นก้อนอาจทำให้ปลาสนใจเหยื่ออ่อยมากกว่าเหยื่อหุ้มขอเบ็ด แต่กับปลาหมายธรรมชาติ
ไม่ต้องกลัวว่าปลาจะอิ่มเหยื่ออ่อย
เพราะปริมาณปลาและนิสัยเข็ดเบ็ดไม่เหมือนปลาบ่อโดยสิ้นเชิงการอ่อยจุดเดียวจึงควรลงเป็นก้อนเพื่อให้ปลามา
รุมกินเรียกว่าปลาเข้ารวมฝูง ทำให้ตกได้ง่ายกว่า
ที่เหลือก็แค่อ่านทุ่นให้ทะลุปรุโปร่งก็แล้วกันได้ตวัดคันกันสนุกมือทั้ววันแน่
- สำหรับหมายธรรมชาติที่เรายังไม่เคยลงเบ็ดตกปลามาก่อน พึ่งมาครั้งแรกว่างั้นเถอะ ก่อนปักหลักลงเบ็ด
ต้องเดินดูเป้าหมายปลาให้เจอก่อนค่อยเข้าประจำหมาย โดยสังเกตุจี้ปลาให้ดี แยกให้ออกว่าอันใหนจี้ของปลา
อันใหนฟองแกสใต้น้ำ ถ้ามีความสามารถแยกแยะจี้ปลาว่าเป็นจี้ปลาอะไรยิ่งแจ๋ว
หรือการสังเกตุการขึ้นน้ำของปลา ถ้าเป็นเป้าหมายธรรมชาติจะชัดเจนมาก
การสังเกตุง่ายมากๆทั้งพรายน้ำที่ปลาขึ้น หรือ จี้ขึ้นเป็นเม็ด เป็นฝูง
ถ้าแยกไม่ออกระหว่างจี้ปลากับฟองแกส ก็ให้มองหาหมายที่เป็น ตอไม้ กอไม้ ต้นไม้ที่ยืนในน้ำ ง่ายๆก็คือ
แหล่งที่คาดว่าเป็นบ้านของปลาเกล็ด แต่ต้องสะดวกในการลงเบ็ดด้วย ไม่ใช่ลงไปกี่ไม้ๆก็ติดตอทุกดอก
ยังงี้วัยรุ่นเซ็งเลย ทดสอบง่ายโดยใช้สายเอ็นผูกตะกั่วที่ปลายสาย
แล้วลองลากใต้น้ำบริเวณที่หมายตาใว้เพื่อทดสอบพื้นใต้น้ำ แค่นี้ก็รู้สภาพพื้นใต้น้ำว่าเป็นอย่างไร
ให้เลือกทำเลอยู่ในมุมที่เงียบที่สุด จะดีมากๆครับ
ระดับน้ำก็สำคัญ ถ้าเลือกได้ควรอยู่ที่ระดับ 1 ม. – 2 ม. จะเหมาะมากๆ
เพราะระดับนี้ปลาเข้าหมายกินเหยื่อได้ดี และทุ่นแสดงอาการได้ใวกว่า
ถ้าน้ำลึกมากๆจำเป็นต้องใช้ทุ่นใหญ่ขึ้น ถ้าตกหน้าดินก็ต้องใช้ตัวถ่วงใหญ่ขึ้น
ปลาที่เข้ากินเหยื่อก็ย่อมระแวงมากเพราะน้ำหนักเหยื่อจากตัวถ่วงเพิ่มมากขึ้น
สายเอ็นก็มีแรงต้านจากคลื่นใต้น้ำที่เคลื่อนตัวไปมา โอกาศได้ปลาใหญ่ที่กินเหยื่อเบาๆจึงมีน้อยลง
นอกจากโชคดีเจอปลาใหญ่ที่ไม่เคยเบ็ด ตะกระ ยังงี้ทุ่นใหญ่แค่ใหน ก็จมแพรบให้วัดได้เต็มปาก
ก็ถือว่าเรามีโชค..เอาตัวขึ้นมาให้ได้ก็แล้วกัน น้ำลึกๆ ปลาใหญ่ๆ
เจอแบบนี้มันวิ่งให้เราเหงื่อตกมาหลายคนแล้ว
ถ้าเป็นประเภทปลาจีนก็โชคดีหน่อยเพราะมันสู้เบ็ดไม่รุนแรงชอบวิ่งที่ระดับกลางน้ำถึงผิวน้ำแต่ถ้าเจอยี่สก
นวลจันทร์ธรรมชาติระดับสองโลอัพกับคันหลิวละก็ ถึงแขนห้อยเชียวครับ วิ่งสู้ฟัดทั้งมุดทั้งว่ายไปมา
ยิ่งยี่สกนี่มีกระโดดน้ำให้หวิวตะคริวเกาะอดีนาลีนเล่นซะยังงั้น สาวกยี่สกคงซึ้งดี
- มีนักตกปลาสองขอเก่งๆตามบ่อตกปลาเกล็ด พูดคุยให้ฟังว่า การจะตกปลาเกล็ดให้ได้ตัวอย่างที่ตั้งใจ ต้องมี
ลักษณะดังนี้ คือ …ดูหมายปลาเป็น …เตรียมอุปกรณ์ และเหยื่อพร้อมและเหมาะสม
…เซทเทคนิคถูกต้องสำหรับหมายแต่ละที่รู้ว่าปลาบ่อต้องเล่นยังใงปลาอ่างต้องเล่นอย่างไรปลาแต่ละหมายนิสัยค
ล้ายกันแต่สิ่งแวดล้อมต่างกันทำให้พฤติกรรมต่างกัน …อัดปลาเป็น รู้จังหวะ น้ำหนัก ไม่ใช่จะงัด
อัดอย่างเดียวควรมีผ่อนมีตาม …เป็นคนมีมารยาท ช่างสังเกตุ นิ่ง รู้จักการรอ
เอามาจาก
http://fishingall.blogspot.com/2007/06/blog-post.html

ความแม่นยำในการตีเหยื่อ เข้าตรงจุดที่เราคิดว่ามีตัวครับ เพราะถ้าสะเป่สะปะก้ออาจจะหมดโอกาสได้ตัว..

- ชักมัน ขออีกข้อละกันครับ พอแล้ว แหะ ๆๆ 

- สำหรับ texas rig  กับปลาช่อน เข้าหมายใหม่ ๆ เมื่อเปลี่ยนจุดตีทุกครั้ง จากจุดที่ยืน ไม้แรกที่ตี ลากช้าสุด ๆ อย่างเดียวไม่มีเจิร์ค  เพื่อสำรวจพื้นใต้น้ำว่าเป็นอย่างไรจากการจับความรู้สึก จะได้รู้ว่าตรงไหนเป็นหลุม ตรงไหนเป็นโคลน/เลน ตรงไหนเป็นตอ 

สปูลจะแยกออกได้เป็น 3 แบบด้วยกันคือ
1.คาสติ้งสปูน (Casting Spoon) คำว่า คาสติ้ง หมายถึง การเหวี่ยง หรือขว้างออกไป มีรอกตกปลาอยู่ประเภทหนึ่ง เรียกว่า เบท คาสติ้ง (Bait Casting) ก็หมายถึง รอกที่ใช้งานเหวี่ยงเหยื่อนั่นเอง หรือรอกตกปลาแบบไซท์คาสท์ (Side Cast) ก็คือ รอกที่มีกลไกปรับตัวหลอดเก็บสาย ให้สามารถเหวี่ยงเหยื่ออกไปด้านข้าง ของหลอดเก็บสายได้ เช่น รอกยี่ห้อ แอลวี่ (Alvey) ซึ่งนิยมใช้ในออสเตรเลีย นอกจากนี้คำว่า(Casting) ยังหมายถึง การหล่อโลหะแบบหนึ่ง เหยื่อสปูนแบคาสติ้งนี้ ใช้กับงานเหวี่ยงเหยื่อจากฝั่งหรือบนเรือ เป็นเหยื่อ ที่มีขนาดเล็ก ถึงปานกลางนักตกปลาบ้านเรานิยมใช้ตกปลากะสูบ หรือปลาชะโดโดยเหยื่อแบบนี้จะประกอบตัวเบ็ด 3 ทางมากกว่าเบ็ด 2 หรือทางเดียว
2.ทรอลลิ่ง สปูน (Trolling Spoon) คำว่า ทรอลลิ่งนั้น นักตกปลาทางทะเล รู้จักกันดีพอสมควร มันก็คือการลากเหยื่อนั่นเอง เหยื่อสปูนแบบนี้ จะมีขนาดปานกลาง ไปจนถึงใหญ่นั่นเองประกอบด้วยเบ็ดขนาดใหญ่ตัวเดียว และเป็นการประกอบแบบตายตัว คือ ตัวเบ็ดหมุน หรือเกว่งไม่ได้เลย นักตกปลาแบบลากเหยื่อสมัยก่อนชอบกันมาก แต่ก็พบว่ามีปัญหาจากการควงตัวของเหยื่อที่ค่อนข้างมาก ทำให้สายเบ็ดตีเกลียว ปัจจุบันมีนักตกปลาใช้กันไม่มากนัก
3.จิ๊ก สปูน (Jig Spoon) คำว่า จิ๊ก หมายถึงการกระตุก เต้นเขย่า หรือเต้นกระตุก เป็นการดัดแปลงเหยื่อสปูนบางแบบ ที่ทำเป็นโลหะแท่งตันรูปทรงต่างๆ มาใช้กับงานจิ๊ก คือการหย่อนเหยื่อลงน้ำระดับลึกเล้วกระตุก ขึ้นลงเร็วๆ ปัจจุบันบ้านเรานิยมใช้กันมากกับแหล่งน้ำระดับ 60-100 เมตร ทำให้เหยื่อจิ๊กสปูนใช้งานได้ผลดี ถึงกับมีการสั่งรอกสปินนิ่งที่ใช้กับงานหนักแบบนีเข้ามาขาย ตัวละเกือบ 2 หมื่นกว่าบาทคันเบ็ดก็ถูกดัดแปลงจนดูเหมือนคันเบ็ดทรอลลิ่ง ใช้งานกับสาย30-50 ปอนด์ได้อย่างสบาย ก็เลยเป็นเหตุให้เหยื่อสปูน แบบนี้แจ้งเกิดได้อย่างสบาย เหยื่อจิ๊ก เป็นเหยื่อที่ค่อนข้างเก่าแก่อีกแบบหนึ่ง จุดประสงค์คือตกปลา ล่าเหยื่อหน้าดิน เป็นหลัก ซึ่งเหยื่อปลอมแบบอื่นๆ นิยมใช้ตกปลล่าเหยื่อผิวน้ำเสียมากกว่า เอกลักษณ์ของเหยื่อจิ๊กอีกอย่างคือ ส่วนของตัวเบ็ดที่เรียกว่า จิ๊ก ฮุค(Jig Hook) ซึ่งต่างจากตัวเบ็กธรรมดาอยู่บ้าง คือส่วนของตาเบ็ด (Eye) จะถูกดัดแปลงให้เป็นมุมฉาก เข้าด้านในของวงเบ็ด ตัวเบ็ดแบบนี้ไม่ได้ถูกนำไปใช้ตกปลาโดยตรง ต้องนำไปประกอบกับส่วนหัว หรือ เฮด (Head) ที่ทำด้วยตะกั่วโดยจะหุ้มส่วนงอของมุมฉาก โผล่เฉพาะส่วนตาเบ็ดออกมาเท่านั้น ส่วนหัวของเหยื่อจิ๊กมีอยู่หลายรูปทรง แต่ส่วนมากเป็นทรงกลมนอกจากนั้นยังต้องนำไปประกอบส่วนพู่หาง ซึ่งจะมีทั้งเส้นไนล่อน และพลาสติกอ่อน ที่ทำเลียนแบบ ไส้เดือน กุ้ง และปลาเป็นต้น
การตกปลาด้วยเหยื่อจิ๊ก เรียกว่า จิ๊กกิ้ง (Jigging) เป็นการหย่อนเหยื่อลงระดัยลึก บางครั้งจนถึงหน้าดิน จากนั้นก็กระตุกขึ้นลงเป็นจัวหวะเรื่อยไป เหยื่อจิ๊กส่วนมากจะถูกออกแบบมาให้ใช้กับงานจิ๊กกิ้งเป็นการเฉพาะรวมทั้งแบบจิ๊กสปูน (Jig Spoon) ด้วยเช่นกันแต่มีบางแบบใช้ร่วมกับงานเหวี่ยงเหยื่อเป็นการเริ่มต้นก่อน แล้วจิ๊กกิ้งทางด้านแนวนอนเข้ามาหาตัวของนักตกปลาเหมือนการใช้เหยื่อสปูน เหยื่อจิ๊กแบบนี้เรียกว่า คาสติ้ง จิ๊ก (Casting Jig) แต่นักตกปลาไม่ค่อยใช้ เพราะไม่ค่อยต่างไปจากเหยื่อจิ๊กสปูนแต่อย่างใด เพียงแต่ตัวเบ็ดของจิ๊กสปูน มักใช้ตัวเบ็ดแบบเงี่ยงเดียว 2 ตัวประกบอยู่ด้านบนของตัวเหยื่อมากกว่าจะเบ็ด 3 แฉกตัวเดียว ประกอบอยู่ด้านล่างของตัวเหยื่อ
เหยื่อปลอมอีกแบบหนึ่ง ที่นิยมใช้กับงานเหวี่ยงเหยื่อ เช่นกันนั่นก็คือ เหยื่อสปินเนอร์ (Spinner) คำว่า สปินเนอร์ หมายถึงตัวปั่น หมุน ควง ม้วน เพราะเหยื่อแบบนี้ จะมีโลหะ เรียกว่า เบลด (Blade) ซึ่งหมายถึงใบมีด หรือใบกังหัน ที่จะหมุนได้รอบตัวตุ้มนำหนักที่เป็นแกนกลางของตัวเหยื่อ ซึ่งมักทำด้วยทองเหลือง จึงเรียกว่า แบรส บอดี้ ( Brass Body) นอกจากนี้ก็มีตัวเบ้ด และส่วนประกอบอื่นอีกบางส่วนเมื่อเวลาม้วนสายเบ็ดเข้ามา ตัวใบพัดจะหมุนรอบตัวเหยื่อ เป็นการกระตุ้นใหปลาล่าเหยื่อเกิดความสนใจ เหยื่อสปินเนอร์ถูกออกแบบมาให้ใช้ตกปลาล่าเหยื่อนำจืดเป็นส่วนใหญ่ เพราะรูปทรงของตัวเหยื่อมักจะมีขนาดเล็ก นิยมใช้กับชุดสปินนิ่ง และเป็นเบทคาสติ้งขนาดเล็ก ถึงปานกลาง
เหยื่อสปินเนอร์อีกรูปแบบหนึ่ง มีการออกแบบก้านลวดเป็นรูปตัววี ใช้ร่วมกับเหยื่อรูปทรงแบบเหยื่อจิ๊ก ทางปลายก้านด้านหนึ่ง และอีกด้านเป็นแบบสปินเนอร์ สามารถเกี่ยวเหยื่อสดไปได้ด้วย
ที่มา
http://www.publichot.com/forums/showthread.php?t=3689

+1 สำหรับความรู้ ใหม่ๆ

สิ่งที่...แบ่งปัน...

*ในช่วงที่เป็นค่ำคืนเดือนมืด เช้าในวันถัดไปจะเหมาแก่การออกไปตีเหยื่อปลอมมากที่สุด*

เพราะ ในค่ำของคืนเดือนมืด ปลาล่าเหยื่อจะหาอาหารได้น้อยกว่าในค่ำของคืนเดือนหงาย อันเนื่องมาจากแสงสว่างที่มีน้อย

จึงทำให้ ต้องหาอาหารในช่วงเช้าของวันถัดไปมากเป็นพิเศษ

สุดยอดมากครับ 
+1 ครับให้สำหรับ น้าๆๆ ที่แบ่งบันความรู้ครับ

เอากับเค้าด้วย ประสบการณ์ตกกระสูบส่วนตัว
กรณีเข้าหมายใหม่หรือทำเลใหม่ ไม้แรกให้เน้นๆ ครับ ถ้ามีตัวอยู่มันไม่ปล่อยโอกาสแน่

ต่อๆ ตรวจสอบอุปกรณ์ก่อนเข้าหมายทุกครั้งทั้งตัวเบ็ด ห่วง สาย คัน ไม่งั้น ปลาใหญ่มันจะหลุด (ปลาที่หลุดมีแต่ตัวใหญ่ๆ  )

ตีเหยื่อเหนื่อลมตีไปได้ตามถนัด ถ้าตีสวนลบปรับเบรคไว้หน่อย และตีเผื่อลมไว้นิด แล้วจะได้จุดตกของเหยื่อตามต้องการ (แต่ต้องฝึกมากๆ นะจ๊ะ  )

เอ้าเชิญท่านอื่นๆ มาต่อ 

โอความรู้มากมายเลยคับมาดันอีก

ควรเปลี่ยนความเร็ว/รูปแบบในการลากเหยื่อ ก่อนที่จะคิดเปลี่ยนเหยื่อครับ

1.ในวันที่อากาศร้อนปลามักจะลงไปอยู่ในที่ลึกขึ้น

2.ปลาล่าเหยื่อมักจะซุ่มตัวอยู่ตามตอไม้หรือพุ่มไม้

3.ตีเหยื่อให้ใกล้ฝั่งที่สุดแล้วลากออกมาโอกาศโดนกัดมีสูง