ขอตัดมาที่กระพง 4.5 โลเลยนะครับ มีคนตั้งขอสังเกตว่า ทุกครั้งที่กระพงกินนั้น จะไม่มีใครยืนอยู่ขอบบ่อเลย เนื่องจากบ่อเป็นตลิ่งสูง ปลาอาจเห็นคนและสุมหัวกันนินทาคนที่ยืนรอบ ๆ บ่อหลังคันเบ็ด(หรือหัวเราะเยาะก็ไม่รู้)
หลังจากที่น้าต้อมได้ 3 โลขึ้นมาแล้ว คันเบ็ดเกือบทุกคันจากบ่อใหญ่ก็ประเคนตีลงที่บ่อกลางกันอย่างสนุก นับแล้วเป็น 10 คัน ที่บ่อใหญ่เหลือวางทิ้งไว้คันเดียวเอง ปรากฎว่าเงียบ เงียบเป็นชั่วโมง ๆ จนคนทยอยกลับเพราะเวลาเข้าสู่ยามเย็น หันไปอีกทีเห็นเบ็ดวางอยู่ 2-3 คัน ทุกคนกลับมานั่งเล่น นอนเล่น เคี้ยวโน่นเคี้ยวนี่ คุยกันเพลิน ๆ ได้ยินเสียงคุณแฟนของน้าติ ตะโกนว่า ปลาติด เราจึงวิ่งหน้าตั้งไปดูกัน แฟนของน้าติวัดเรียบแล้ว คือวัดแล้วปลามุดเข้ากอบัวเรียบร้อย น้องผู้ชายที่เข้าไปช่วยอัด ลองลาก เห็นกอบัวโดนรวบทั้งกอ แบบนี้ ขาดแน่ ๆ จะมีเอ็นที่ใหนลากบัวกอที่มีเส้นผ่าสูญกลางประมาณเมตรครึ่งได้ คุณต๋องเจ้าของบ่อ พระเอกของเราก็ถอดพระเครื่องกระโจนลงน้ำทันที ว่ายไปไล่ปลาที่กอบัวจนหลุดออกมาจนได้ ไม่รู้ห่วงกลัวเราไม่ได้ปลา หรือกลัวบัวจะช้ำ น้ำจะขุ่น...เอิ๊ก ๆ พอลากเข้ามาได้ เกือบถึงฝั่งแล้ว ปลามันเห็นหน้าใครม่ายรู้(คงไม่ใช่ผมน๊ะ) ตกใจสุดขีด รวบรวมกำลังว่ายตรงเข้าซุกกออีกครั้ง ด้วยการแบกน้ำหนัก 4.5 กิโลของตัวเอง+บวกกับพละกำลังที่เหนือกว่าของน้องคนที่อัด ก็ไปไม่รอดครับ ยอมมอบตัวแต่โดยดี
เอาขึ้นมาได้ ทุกคนเอ่ยด้วยความแปลกใจ มิน่า ระหว่างอัด+เย่อทำไมมันไม่กระโจนขึ้น ก็มันหนักพุงนี่เอง