เทคนิคไม่ค่อยมีอ่ะครับ เนื่องจากยังอ่อนประสบการณ์มาก แต่พอจะเสริม ๆ ได้บ้างนิดหน่อยจากที่พอได้เคยเรียนรู้ด้วยตัวเองมาบ้าง ดังนี้ครับ
- สำหรับ Plug ไม่ว่าดำตื้นหรือดำลึก ผมปล่อยสายราว 100 เมตร ขึ้นไป เพื่อให้ลิ้นของเหยื่อต้านน้ำโชว์แอ็คชั่นเต็มที่ สังเกตที่ปลายคันทรอลลิ่งจะค่อนข้างนิ่งไม่สั่นหรือกระตุกเป็นระยะ ช่วยเซฟคันได้บ้าง แต่ถ้าลากโดยใช้ดาวน์ริกเกอร์, เอ๊าท์ริกเกอร์ ก็หายห่วง ส่วนพวก Jet หรือหัวลากประกอบสเกิ๊ร์ท จะปล่อยประมาณคลื่นลูกที่สี่จากท้ายเรือ หากลากสามสายจะพยายามให้อยู่ตรงกลางเพื่อหลีกเลี่ยงคลื่นจากใบจักรเรือที่บานออกทางท้ายเรือเป็นรูปตัว V เหยื่อประเภทนี้ไม่ค่อยมีแอ็คชั่นมากนัก เรียกความสนใจจากปลา จากพู่หาง, การต้านน้ำของหัวลาก หรือฟองน้ำจากหัว Jet
- ส่วนตัวชอบใช้อุปกรณ์ระดับ 50 ปอนด์ สายลีดเดอร์ขนาด 100 ปอนด์ ขึ้นไป สำหรับการทรอลลิ่ง เพราะ
1. เผื่อไว้ก่อน หากเจอปลาโทนที่ตระเวณหากินในท้องทะเลกว้าง ซึ่งขนาดมักไม่ค่อยธรรมดา
2. ปลาที่ติดสายทรอลลิ่งแล้ว ถ้าไม่ใช่บิ๊กเกมจริง ๆ โดนแอ็คชั่นคันดีดเซ็ทฮุคเข้าไปเต็มที่ ช็อคครับ มักไม่ค่อยเหลือเรี่ยวแรงสู้เบ็ด ย่านอ่าวไทยมักทรอลลิ่งกันช่วงเข้าหมาย, ย้ายหมาย, กลับฝั่ง ปลาที่ทรอลลิ่งได้มักนับเป็นของแถม ใช้สายใหญ่ได้ตัวเร็ว ไม่ต้องจอดเรือคอยนานจนเพื่อนค้อนเอา
3. ย่านอันดามันในจุดที่ทรอลลิ่งกันเป็นหลัก หากปลาชุม ฉวยเหยื่อดี สายต้องรับบทหนักมาก
4. เวลาติดลอบ สวะ ขยะ ซั้ง อุปสรรคต่าง ๆ ในทะเล ฯลฯ สายใหญ่ช่วยลดความเสี่ยงในการสูญเสี่ยเหยื่อตัวเก่ง
- เวลาปล่อยเหยื่อ Plug ลงน้ำ สาวสายออกมากองมากหน่อย ตั้ง Drag ไว้พอให้หนืด ๆ นิด ๆ ปักคันคล้องสายเซฟตี้ที่รอกเรียบร้อยแล้ว ค่อย ๆ หย่อนเหยื่อลงน้ำปล่อยให้รูดมือออกไปช้า ๆ จนสายตึงแล้วค่อย ๆ ลด Drag ปล่อยสายไปจนถึงระยะที่ต้องการ ที่ต้องใช้วิธีนี้เพราะมีบทเรียนกับตัวเองมาแล้ว คราวนั้นสาวสายออกมานิดเดียวจับเหยื่อได้ก็โยนโครมลงน้ำ ปรากฏว่าตัวเบ็ดสามทางของเหยื่อไปเกี่ยวสายลีดเดอร์ทำให้เหยื่อขวางน้ำ พักเดียวก็สะดุดยอดคลื่นกลายเป็นเหยื่อกลัวน้ำกระโดดกลับขึ้นเรือ ตัวเบ็ดสามทางมาเกี่ยวตรงอกเสื้อพอดี โชคยังดีที่ไม่ได้เลือด หรือถ้าเกี่ยวหูเข้าก็คงเป็นแฟชั่นใหม่ระบาดฮ็อทฮิทในหมู่วัยรุ่นไปอีกนาน ...ตุ้มหู cd 18..... แหะ ๆๆๆ
- สำหรับเทคนิคการปล่อยเหยื่อลงน้ำโดยไม่ต้องผูกสายเบ็ด ให้ลองถามไต๋ต่วยดูครับ กรั่ก ๆๆๆๆ
- มาร์กสายโดยใช้หนังยางมัดสายปล่อยออกไป จะช่วยกะระยะในการปล่อยเหยื่อหลายสายได้, เป็นจุดสังเกตได้ในขณะลาก และช่วยในการกะระยะสำหรับการปล่อยสายทรอลลิ่งครั้งต่อไป
- ที่อยากแนะนำก็คือ ลากกันมาตั้งนานเป็นชั่วโมง พอเรือใกล้ถึงหมายได้ยินเสียงไต๋สั่งเก็บสายทรอลลิ่ง พอเรือเบาเราก็มักปั่นรอกยิก ๆ เก็บสายยกเหยื่อขึ้นเรือ เก็บคันทรอลลิ่งไปคว้าคันโบ้ทเตรียมลุยปลากองปลาซาก......... ใจเย็นครับใจเย็น จังหวะได้เสียมันอยู่อีตอนเรือวิ่งเข้าหมายหรือวนรอบหมายนี่แหละ ปล่อยให้เหยื่ออยู่ในน้ำไปก่อน เก็บสายเข้ามาให้เหยื่ออยู่ห่างเรือสัก 20 เมตร ถือคันไว้คอยคอนโทรลให้เหยื่อทำมุมกับเรืออย่าให้พันได้ตอนเรือตีโค้ง ลากช้า ๆ รอบ ๆ หมายนี่ โชคดีก็ได้อัดปลาก่อนเพื่อนนะครับจะบอกให้ ปลารับประทานคามืออีกต่างหาก ได้ปลาตอนสมอยังไม่ลงน้ำที่เท่อย่าบอกใคร ยิ่งลาก lure สเกิ๊ร์ทเล็ก ๆ เข้าหาซั้งอีโต้มอญล่ะก็ โอกาสได้อัดปลาก่อนเพื่อนสูงมากครับ แต่..ครับแต่ แต่ถ้าไม่มีปลาฉวยและสมอลงน้ำแล้วเมื่อไหร่ ให้รีบปั่นรอกเก็บเหยื่อขึ้นได้เลยครับ ขืนช้าไต๋เรือเข้าเกียร์ถอยหลังไล่สายสมอให้ตึงทีนี้ล่ะก็ได้อัดใบจักรหรือหางเสือเรือแทนครับ อันนี้ตัวใครตัวมัน โทษกันไม่ได้ แหะ ๆๆๆ
- ไม่ต้องเชื่อนะครับ ลองเอง รู้เอง ดีที่สุด ครับ
- ผมว่าการทรอลลิ่งก็เหมือนการซื้อล็อตเตอรี่ โชคดีมากก็ถูกรางวัลใหญ่ โชคดีน้อยหน่อยก็ถูกเลขท้าย โชคร้ายก็เสียดาย (แบบผมเอง ลากอยู่ดี ๆ ที่ตราด เรือตกปลาชื่อดังอีกลำวิ่งตัดสายหน้าตาเฉย คัน 80 ปอนด์โค้งแทบหัก รอกร้องสนั่นลั่นทะเล พวกยังไม่ยอมหยุดให้ ผมจำใจต้องกดสปูลสังเวย cd 14 ให้พี่ท่านไป จำไว้ ๆ)
ปล. แร้งเฒ่าสอนผมว่า ถ้ามีโอกาสลากเหยื่อได้ จงลาก เพราะเค้าไม่เก็บตังค์เพิ่ม และยังสอนอีกว่า คนชอบทรอลลิ่งคือคนขยัน ซึ่งตามสถิติของ guiness book of world records คนขยันจะรวยกว่าคนขี้เกียจ ว่างั้น...