สยามฟิชชิ่ง
หน้าแรก|กระดาน|รีวิว|ประมูล|ตลาด|เปิดท้าย
login | สมัครสมาชิก | วิธีสมัครสมาชิก | ลืมชื่อ/รหัส | login ไม่ได้? | 20 เม.ย. 67
รู้จักคำงาย รู้จักซานติอาโก และรู้จักตัวเอง? : Fishing Article
 ห้องบทความ/เทคนิค > บทความอื่นๆ
ความเห็น: 8 - [6 ต.ค. 45, 20:57] ดู: 2,100 - [20 เม.ย. 67, 07:18] โหวต: 5
รู้จักคำงาย รู้จักซานติอาโก และรู้จักตัวเอง?
ผิวไผ่ (204 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้) offline
17 ก.ย. 45, 07:29
1
ครั้งหนึ่ง ด้วยความบังเอิญ บนถนนของชีวิต ผมพบใครคนหนึ่งซึ่งไม่รู้จักกันมาก่อน แต่ก็นั่นแหละ บนถนนชีวิต บางครั้งการคุยกันรู้เรื่อง ก็อาจไม่จำเป็นต้องรู้จักชื่อ ขอเพียงคุยเรื่องเดียวกัน เข้าใจความหมายในเรื่องเดียวกัน ชีวิตแบบนี้ถ้าจะมองดูลึกๆ แล้วน่าเปลี่ยวเหงาเหมือนกัน หรือว่าโดยแท้จริงแล้ว ชีวิตเป็นดังทางเดินแคบๆ สำหรับคนๆเดียวเท่านั้น เพราะแม้ว่าจะคุยกันด้วยเรื่องที่ออกรสที่สุด บางครั้งลึกๆ ของความรู้สึก เรากลับอ้างว้างอย่างบอกไม่ถูก คืนนั้น จำได้ว่า คนที่ผมคุยด้วย เขาบอกว่า เขารู้สึกว่าตัวเองจมจ่อมอยู่กับตัวเองและแปลกแยก ผมถามเขาว่า คุณพูดคนเดียวบ่อย? เก็บตัว? สุดท้ายเขาพยักหน้า ซ่อนความเงียบไว้บนริมฝีปาก และซ่อนความคิดไว้ในใจ บางครั้งคนเราโดดเดี่ยวปานนั้น บางครั้งมิติที่ซ่อนลึกในจิตใจของคนหนึ่ง อีกคนไม่สามารถค้นหา กระทั่งจินตนการยังไม่พบ เป็นไปได้หรือไม่ขณะที่ใครคนหนึ่งจมจ่อมอยู่กับตัวเอง เขากำลังสงสัยเกี่ยวกับชีวิต การเริ่มต้น ความฝัน และจุดสุดท้าย กระทั่งบางครั้งสงสัยในตัวเอง? ชีวิตเต็มไปด้วยความคลุมเครือและเครื่องหมายคำถาม????

คำงายเป็นใคร…ตัวแทนของความจมจ่อมและหมกมุ่นกับความคิดของตัวเองและเป็นตัวแทนของชีวิตที่สวยงามและการคลี่คลาย? "คำงายตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำอะไร เขาเปะปะทั่วหมู่บ้าน บางวันก็ถอนใจอยู่คนเดียวบนหัวกระได" สำนึกในความรู้สึกนั้นบอกว่า ฉันเป็นคน ฉันมีลูกและฉันมีครอบครัวต้องเลี้ยงดู เหมือนกับที่คำงายพูดกับบุญฮามว่า "แกก็ลากซุง ทุกคนกำลังลากซุงอยู่ทั้งนั้น แต่เป็นซุงที่มองไม่เห็น เขาอยากจะบอกว่าทุกคนต่างก็มีตาขอบังคับอยู่บนหัว มีโซ่ผูกโยงอยู่ข้างหลัง " ในบางมุมชีวิตรับทราบถึงความรับผิดชอบที่เราต้องส่งมอบให้กับคนอื่น แต่อีกมุมหนึ่ง ชีวิตแต่ละชีวิตก็มีบางสิ่งบางอย่างที่ต้องการไขว่คว้า คำสวยหรูบางคำกล่าวว่ามีความฝันที่ต้องสะสาง แต่ลึกลงไปแล้ว บางครั้งฝันที่ต้องสะสางนั้น เป็นของเฉพาะตน คนที่อยากสะสางและมองว่ามันสวยงามนั้นคือเราคนเดียว บางครั้งชีวิตเป็นเรื่องมืดมนและอธิบายไม่ถูก นำมาซึ่งความจมจ่อมอยู่กับตัวเองในที่สุด เพราะบอกใครไม่ถูกว่าฉันกำลังค้นหาอะไร หรือฝันถึงอะไร หรือบางครั้งไม่อยากบอก เพราะสิ่งนั้นดูไร้ค่าเหลือเกินในความรู้สึกและสายตาของคนอื่น แต่ในระหว่างความรับผิดชอบต่อตัวตนและความสภาพความเป็นจริงของชีวิต และการต้องรับผิดชอบกับความฝันของตัวเองนั้น สิ่งหนึ่งที่สัมพันธ์และเตือนให้เราอยู่ได้ในโลก นั้นคือสายสัมพันธ์ระหว่างความฝันกับความจริง บ่อยครั้งที่คำงายถูกสภาพความเป็นจริงของชีวิตฉีกออกมาจากการแกะสลักช้าง แต่ก็ยังฝันถึงช้างของเขา จะมากจะน้อยก็ตามบางครั้งฝันที่เราทำแล้วไม่เป็นจริงหรือยังไม่สำเร็จนั้นกลับเลี้ยงชีวิตเรา ก่อความรู้สึกชุ่มชื่นและพลังบางอย่าง เมื่อวัยเยาว์เรามักพูดกันเสมอๆ ว่าอยากทำตามฝัน อยากให้ฝันเป็นจริงๆ นั้นก็สุดแล้วแต่ว่า ฝันของเราคืออะไร หรือได้รับอิทธิพลจากใคร เมื่อเติบโตแล้วเราจึงพบว่าบางครั้งเราก็มีข้อจำกัด และมีปัจจัยหลายอย่างทำให้เราเดินทางไปไม่ถึง "แต่ก็นั่นแหละ ทุกคนต่างก็มีความฝัน ใครๆ ก็มีช้างใหญ่ในใจของตัวเอง จะคิดให้สวยยังงัยก็ได้ ถ้าเขายังไม่ต้องถือสิ่วกับค้อนเข้าไปยืนอยู่หน้าขอน ช้างเขาจะสวยเสมอ อย่างไม่มีขอบเขต เขายังไม่พบแม่น้ำที่ใสจนเห็นตัวเองชัดเจน" ดูเหมือนจะเป็นคำตอบนัยยะแฝงที่ให้ความกระจ่าง

มนุษย์เกิดมาเพื่อเอาชนะ.. หรืออย่างน้อยก็อยากพิสูจน์ว่าจริงๆ แล้วฉันทำได้ตามที่ฉันฝันหรือฉันปรารถนา ให้โอกาสฉันสิ สิ่งนี้เป็นเสมือนโคมไฟส่องทางให้เราทำ ให้เราฝ่าฝัน และทุ่มเทสุดความสามารถเหมือนที่คำงายได้แกะสลักช้างออกมา แรกเริ่มเดิมทีนั้น เพื่อให้ลูกชายได้ขี่ช้าง สมมุติว่าเป็นช้างจริง เหตุผลนั้นเหมือนผลักดันให้คำงายต้องแกะสลักช้าง แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ คำงายมีช้างตัวหนึ่งในใจและคำงายคิดว่าคำงายเข้าใจทุกอย่าง แม้ลูกชายจะตายไปแล้ว คำงายก็แกะต่อไป เหมือนกับตาเฒ่าซานติอาโก ตกปลามาเพื่อจะขาย เพื่อที่จะหารายได้ยังชีพ และในวัยที่แก่ชราลงนั้น การไปตกปลานั้นเพื่อพิสูจน์ความฝันและตัวตนจริงๆว่า "ที่จริงแล้วฉันทำได้" เฒ่าซานติอาโก พยายามบอกว่าฉันแกร่งและแข็งแรงพอสำหรับแก--ปลา ฉันยอดเยี่ยมเท่าหรือบางครั้งดีกว่า "แต่มนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างมาให้แพ้ เขาพูด "มนุษย์ถูกทำลายได้แต่แพ้ไม่ได้"

"ตลิ่งสูง ซุงหนัก" และ "ชายเฒ่ากลางทะเลลึก" ใช้การคลี่คลายของความฝันกับความเป็นจริงด้วยการให้ตัวละครพูดกับตัวเองเมื่อต้องการสื่อกับความฝัน และพูดกับคนอื่นเมื่อต้องการแสดงถึงการสื่อกับชีวิตแท้จริงที่ดำรงอยู่ บทที่พูดกับคนอื่นนั้นบางครั้งถ่ายทอดความในใจไม่ได้ เพราะคนอื่นไม่ได้ฝันไปกับเขา ขณะที่บทที่พูดกับตัวเองนั้น กลับเป็นการคลี่คลายให้กับตัวเอง และทำความเข้าใจถึงตัวตนที่แท้จริง การพูดกับตนเองนั้น อาจจะเป็นเพียงความเข้าใจในขณะหนึ่งและถูกต้องในขณะหนึ่ง ซึ่งก็ไม่แปลกถ้าจะบอกตัวเองว่า "ฉันเคยเดินทางไกล ได้พบเห็นอะไรหลายอย่าง แต่ของใกล้ตัวที่มีความหมายกับฉันมากที่สุด ฉันกลับมองไม่เห็น เหมือนไม่รู้จักมันเลย ข้อที่แปลกก็คือ ฉันไม่รู้ว่าฉันไม่รู้" พูดกับคนอื่นนั้นเราเฉไฉหรือเก็บงำความจริง รวมไปถึงการปฏิเสธความจริงได้ แต่ถ้าพูดกับตัวเองอย่างซื่อสัตย์แล้ว เราไม่ปฎิเสธตัวเองได้บ่อยนัก อย่างที่คำงายบอกว่า "ฉันไม่รู้ว่าฉันไม่รู้" และในที่สุดการพูดกับตัวเอง เรากลับยอมรับความพ่ายแพ้ต่อความฝันและต่อเป้าหมายของตัวเองได้อย่างสมศักดิ์ศรี "ตอนแกะช้างไม้ก็เหมือนกัน เขาคิด ฉันเจอทุกอย่างที่หนัก ไม่มีทางหลบ จนรู้ว่าจริงๆ แล้วตัวฉันเล็กนิดเดียว" หรือกรณีของเฒ่าซานติอาโก "เดี๋ยวนี้แกรู้สึกเจ็บขึ้นมาแล้วซีเจ้าปลา เขาพูด และพระเจ้ารู้ว่าฉันเป็นอย่างเดียวกัน"

ถึงแม้ว่ามนุษย์หลายคนและหลายเผ่าพันธ์จะคิดและเชื่อว่า ฉันยิ่งใหญ่สุด มนุษยชาติคือความยิ่งใหญ่ ที่ยากจะมีใครโค่นล้ม แต่ความสวยงามที่สุดของชีวิตกลับไม่ใช่อยู่ตรงนั้น กลับอยู่ที่ว่าเรายอมรับว่าสักวันหนึ่งฉันก็กลายเป็นใครคนหนึ่ง เป็นฝุ่นผงในสายลม สักวันหนึ่งสิ่งที่ฉันฝันใฝ่และดิ้นรนไขว่คว้าเพื่อให้ได้มาครอบครอง กลับกลายของที่ฉันไม่ได้ใช้ กลับกลายเป็นอื่น เปลี่ยนสภาพไปง่ายดาย สักวันหนึ่งฉันก็กลับสู่ดินและเชิงตะกอน ทุกอย่างที่เคยได้มากลับสูญสลาย นี่คือสภาพความจริงที่อมตะและยั่งยืน เป็นความจริงในความจริง และก็เป็นความเศร้าที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติ สุดท้ายของปลาที่ซานติอาโกตกได้ แต่เขาลากขึ้นฝั่งได้เพียงส่วนหัว เหลือจากฉลาม สุดท้ายของช้างไม้ที่คำงายแกะสลักเกือบเสร็จคือ ขายให้กับพ่อเลี้ยงราคาไม่แพง และคำงายเองกลับพลีร่างเป็นผุยผงกับพลาดกุด หรือสุดท้ายของชีวิตทุกคนเป็นเช่นนี้จริงๆ? "อย่าคิดมากเลย ตาเฒ่า เขาพูดดังๆ แล่นใบไปตามทางนี้ต่อไป ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็รับมือกับมัน" ซานติอาโกคลี่คลายปมเช่นนั้น

ชีวิตนั้นสอดคล้องและสัมพันธ์กันอย่างประหลาด บางครั้งเราอาจจะคิดจนสับสนวุ่นวาย รู้มากเกินไปว่าทำแล้วอาจจะลงเอยด้วยความล้มเหลว รู้ว่าทำแล้วสุดท้ายของชีวิตเราก็ตายจากโลกนี้ไปและสิ่งที่ได้มา-กลายเป็นอื่น ไม่เห็นคุณค่าว่าแล้วจะเหนื่อยไปใย คำงายและซานติอาโก ไม่ได้บอกเราเช่นนี้ แต่กลับบอกว่า ชีวิตนั้นสวยงาม และมีคุณค่าทุกขณะ ต่อสู้ก็มีคุณค่า ล้มเหลวก็มีคุณค่า เดินไปข้างหน้าก็มีคุณค่า ค้นพบข้อจำกัดของตัวเองก็มีคุณค่า แต่การฝันและไม่ทำนั้นไร้คุณค่า ส่วนการคิดรู้มากเกินไปจนกระทั่งปฏิเสธการเข้าไปหาคุณค่าของแต่ละขั้นตอน ปฎิเสธการต่อสู้ ความพ่ายแพ้ ทำเช่นนี้ไม่ใช่ไร้คุณค่าหรือมีคุณค่า แต่กลายเป็นว่าเราพลาดประเด็นของการมีชีวิตและการดำรงอยู่ไปโดยสิ้นเชิง คำงายบอกเราว่าประเด็นนั้นคือ "เราทุกคนมีการเกิดและความตายอย่างละหนึ่งหนเท่ากัน แต่สิ่งที่อยู่ระหว่างกลางนั้นเป็นชีวิต เราต้องหาเอาเอง"

"ไม่ว่าช้างจะถูกเอาไปทำอะไร ซื้อหรือขาย ไม่มีใครเอามันไปได้จริง การตอกสิ่วครั้งแรกจนถึงครั้งหลังสุด การอยู่ในเพิงตั้งแต่ก้าวเข้าไปจนกระทั่งกลับออกมาอีกครั้ง นี่ต่างหากเป็นมันจริงๆ เป็นความสุข ความทุกข์ ดีใจเสียใจ กลางวันกลางคืนที่เขาใช้ไป แล้วมันสะท้อนกลับมาอัดแน่นในตัวเขา ทุกคนมีช้างของตัวเอง ของใครของมัน ต่างคนต่างแกะ ทำแทนกันไม่ได้" คำงายสรุปไว้อย่างเข้าใจและเห็นคุณค่า


"ตลิ่งสูง ซุงหนัก" นิคม รายวา สำนักพิมพ์รูปรวี ISBN 974-86829-8-6
"ชายเฒ่ากลางทะเลลึก" เออร์เนสต์ เฮมมิ่งเวย์ อาษา ขอจิตต์เมตต์ แปล สำนักพิมพ์แสงดาว The old man and the sea
กรุณา ลงทะเบียน และ login ก่อนส่งความเห็นครับ
siamfishing.com © 2024