สยามฟิชชิ่ง
หน้าแรก|กระดาน|รีวิว|ประมูล|ตลาด|เปิดท้าย
login | สมัครสมาชิก | วิธีสมัครสมาชิก | ลืมชื่อ/รหัส | login ไม่ได้? | 29 มี.ค. 67
นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 4 ตอนที่ 4 : Fishing Article
 ห้องบทความ/เทคนิค > บทความอื่นๆ
ความเห็น: 23 - [5 ม.ค. 56, 00:00] ดู: 3,494 - [28 มี.ค. 67, 16:17] ติดตาม: 1 โหวต: 9
นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 4 ตอนที่ 4
หนุ่มธุดงค์ไพร (707 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้) offline
7 มิ.ย. 54, 11:06
1
นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 4 ตอนที่ 4
ภาพที่ 1
บทที่ 4

ตอนที่ 4

          ตัดมาที่แค้มป์ เหน๋อและพรานแปะก็ไม่ได้อยู่เฉยให้เสียเวลาเปล่า ต่างช่วยกันเก็บกวาดสถานที่ให้ดูน่าอยู่ขึ้น หลังจากช่วยกันเก็บฟืนมาเพิ่มได้อีกกองใหญ่ ก็ช่วยกันถ่ายข้าวสวยในหม้อสนาม ที่สุกจนควันกรุ่นเทใส่ใบตอง แล้วห่อไว้อย่างมิดชิด จากนั้นก็นำหม้อสนามทั้งสี่ใบไปล้างทำความสะอาดที่ริมห้วย ที่ตอนนี้มีฝูงปลาเล็กปลาน้อยมารุมกินเศษข้าวกัน ดูสับสนไปหมด

“ปลาสร้อยเยอะดีแท้ น่าจับมาทำหมกกิน”เหน๋อพูดขณะใช้ทรายล้างหม้อสนาม ที่มีเศษข้าวติดอยู่

“รู้ยังงี้ เอาสวิงมาด้วยก็ดี เดินช้อนกันเพลินไปเลย”พรานแปะพูดเสริมมาอีกคน พูดจบก็เดินถือหม้อสนามสองใบที่ถูกล้างทำความสะอาดแล้ว ไปตักน้ำในลำห้วยที่อยู่เหนือขึ้นไป แล้วนำไปแขวนบนราวเตรียมไว้ต้มทำน้ำดื่มให้สิงห์

“ไอ้สิงห์มันก็ชอบเที่ยวป่าเหลือเกิน อยู่ในเมืองสบายๆดีอยู่แล้วจะมาลำบากทำไมไม่รุ”พรานแปะพูดจบก็ก้มลงไปเป่าไฟในกอง

“มันชอบมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว อย่าว่าแต่มันเลยพี่แปะ ขนาดผมลูกป่าแท้ๆยังไม่คิดที่จะเบื่อ”เหน๋อพูดพลางเดินหิ้วหม้อสนามมาอีกสองใบ ภายในนั้นมีน้ำอยู่เต็มปริ

“จริงของเอ็ง ข้าอยู่มาจนมีลูกมีเมีย ยังไม่เบื่อเลยวะ ยิ่งมาได้เพื่อนเที่ยวแบบไอ้สิงห์ด้วยแล้ว ไปไหนไปกัน”พรานแปะพูดจบก็หักกิ่งไม้แห้งเล็กๆใส่กองไฟ

“ไปถึงไหนกันป่านนี้ยังไม่มา เผาปูรอท่าดีกว่าพี่พร เดี๋ยวมันจะเน่าเสียเปล่าๆ” พูดจบเพื่อนเกลอของสิงห์ก็เดินไปหิ้วพวงปูที่แขวนไว้บนแคร่มาที่ริมกองไฟ

“ไม่รู้ว่าชายดงป่าดำ ที่พี่เบจะพาไปมันจะมีกุ้งมีปลาให้เรากินกันแบบนี้หรือเปล่า”พรานแปะพูดพลางใช้ไม้เขี่ยพลิกปูที่อยู่บนกองถ่านไปมา ไม่นานนักปูเผาก็ส่งกลิ่นหอมฉุย

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็ยังนึกหวาดๆว่าจะเจออะไรบ้าง แค่คิดก็เสียวสันหลังแล้ว”เหน๋อพูดขณะนั่งห่อตัวอยู่บนรากไม้ที่เป็นสันนูนพ้นดินขึ้นมา แล้วพูดต่อมาอีกว่า

“ถ้าเราเสือ กทะลึ่งหลงเข้าไปในป่าดำ แล้วกลับออกมาไม่ได้จะทำยังไง”เหน๋อพูดพลางหันไปมองรอบๆที่แค้มป์แบบหวาดๆ เพราะอากาศตอนนี้เริ่มขมุกขมัวมากขึ้นทุกที

“เอ็งก็พูดไปได้ ไอ้ห่ ามีกันอยู่แค่สองคน คนยิ่งกลัวๆผีอยู่”พรานแปะพูดจบก็หยิบท่อนฟืนทำท่าจะตีกบาลคนปากเสีย ที่ตอนนี้ดวงตาเหลือแต่สีขาวกรอกไปมา

“มาช่วยข้าสุมไฟอีกกองดีกว่า ชักเริ่มจะหนาวแล้ว”ไม่รู้ว่าอากาศหนาวหรือเพราะพรานแปะเกิดกลัวขึ้นมา จึงทำเป็นก่อไฟอีกกองใหญ่ จนบริเวณที่พักสว่างโพลงไปหมด

“ผมว่าจะไปอาบน้ำล้างตัวเสียหน่อย เหนียวไปหมดแล้ว พี่แปะไปอาบน้ำเป็นเพื่อนผมหน่อย”เหน๋อทำท่าน่าสงสาร ชักชวนพรานแปะให้เป็นเพื่อนอาบน้ำให้ได้

“ไอ้ห่ า เอ็งนี่ถ้าจะบ้า มีอย่างที่ไหนเสือ กชวนข้าไปอาบน้ำด้วย ฟ้าผ่าตายโห ง”พรานแปะโพล่งออกมา

“ทีเมียทำไมอาบด้วยกันได้ ผมเห็นประจำ”เหน๋อพูดจบก็กระโดดหลบบาทาของพรานแปะที่เฉี่ยววูบเกือบโดนสีข้าง

“เสือ กรู้อีกว่าข้าอาบน้ำกับเมียประจำ ไอ้สั นดานมาแอบดูข้าตอนไหนวะ”พูดจบก็คว้าท่อนฟืนเขวียงไล่หลังเหน๋อที่ตอนนี้วิ่งหลบลงไปที่ริมห้วยพร้อมกับเสียงหัวเราะคิก

          อากาศที่ร้อนระอุในตอนบ่ายที่ผ่านมา บัดนี้กลับเย็นยะเยือกมากยิ่งขึ้น แสงแดดเริ่มลดน้อยลงจากสว่างจ้ากลับมาเป็นเพียงแสงสลัวๆพอมองออกว่าใบไม้อันไหนอ่อนอันไหนแก่ได้ในระยะใกล้ๆ เกือบสองชั่วโมงแล้ว ที่บุคคลทั้งหกแยกตัวออกไปยังไม่กลับมา แต่ก็ไม่ได้ทำให้ชายทั้งสองมีความกังวลใจอะไรมากนัก เพราะรู้ๆฝีมือกันอยู่ อีกอย่างป่าที่มาตั้งแค้มป์กันอยู่นี้ก็ไม่ได้ลึกลับอะไรมากนัก

          เสียงนกการ้องเจื้อยแจ้วบนยอดยางสูงลิบ ผสานกับเสียงไก่ป่าขันอยู่ในหุบใดหุบหนึ่งใกล้ๆ จิ้งหรีดและลองไนเริ่มกรีดปีกส่งเสียงเซ็งแซ่ ผสมกับเสียงกบเขียดที่ร้องงึมงำอยู่ในดงบอนริมห้วย ช่วงเวลาไม่นานนักกลุ่มของสิงห์ก็เดินมาถึงที่พัก ซึ่งกองไฟกองใหญ่ถูกจุดขึ้นบริเวณลานโล้งกลางแค้มป์

“ได้มาเยอะเหมือนกันนิ แหมตัวสวยๆทั้งนั้นเลย”พรานแปะพูดพลางหยิบพวงปลาที่พุ่มกองไว้บนใบตองริมกองไฟขึ้นมาดู

“ไอ้สิงห์ตกลงปลากั้งเอ็งจะเอามาต้มยำใช่หรือเปล่า ข้าจะได้สับให้เลยหรือเอ็งจะต้มทั้งตัวดีว่ะ”พรานชราตอบมาจากริมห้วย

“สับมาเลยลุง ผมจะทำต้มยำ ไม่ได้เอามาทำต้มเปร ต ฮาๆ”พูดจบสิงห์ก็เดินไปค้นเครื่องครัวเตรียมทำต้มยำ

“ไอ้เคิ้ง เอ็งไปช่วยข้าทำปลาเลย ไอ้ห่ า หามาตั้งเยอะแยะข้าทำคนเดียวไม่เสร็จแน่”พุ่มร้องบอกเคิ้งที่ตอนนี้นั่งแทะกระดองปูอย่างเอร็ดอร่อย โดยมีเจ้าพะเปรียวและเจ้าพะบองนั่งมองตาละห้อยอยู่ใกล้ๆ

“ไปๆข้าไปช่วยอีกคนจะได้เสร็จไว้ๆ มืดค่ำแล้วจะลำบาก”พรานแปะพูดจบก็ลุกขึ้นจากเปล ส่วนเหน๋อคอยเป็นลูกมือพ่อครัว

“น้าเบกับน้าพรไปยันไหน จะมืดแล้วยังไม่กลับมาอีก”สิงห์พูดขณะตั้งหม้อใบเล็กที่ดำเหมือนลูกนิมิต บนเส้าหินสามก้อน

“เห็นมันบอกว่าจะขึ้นไปดูลูกไม้บนเขาโน่น มันว่าจะขัดห้างไว้ ถ้าเจอลูกไม้สุก”พรานแปะพูดพลางชี้มือไปที่ภูเขา ซึ่งตอนนี้มองอะไรไม่ค่อยเห็นแล้วนอกจากเงาลางๆที่ดูมืดทะมึน

“เดี๋ยวก็คงมา ไฟฉายก็ไม่ได้เอาไปกัน”พรานชราร้องบอกมาจากริมห้วย ซึ่งตอนนี้เจ้าพุ่มและเคิ้งช่วยกันทำปลามือเป็นระวิง ส่วนพรานแปะเหลาไม้ไผ่เป็นซีกเล็กๆจากนั้นก็เอาส่วนปลายที่แหลมเสียบตัวปลาเวียน โดยเสียบเข้าทางปากทะลุส่วนหางในทางยาว

          ปลากั้งสับเป็นท่อนๆเสร็จพร้อมๆกับน้ำในหม้อกำลังเดือดได้ที่ สิงห์ก็โยนมะขามเปียกลงไปสองสามฝัก พอเนื้อมะขามเริ่มเปื่อยดีก็เติมเกลือลงไป จากนั้นก็เร่งให้เหน๋อที่กำลังเตรียมหัวหอมและตะไคร้ รีบเอามาเทใส่ในหม้อพร้อมกับข่าซอยอีกสี่ห้าแว่น พอกลิ่นเครื่องต้มยำหอมฉุยได้ที่ดีแล้ว ก็ค่อยๆตักชิ้นปลากั้งลงอย่างบรรจง จากนั้นก็ปิดฝาหม้อปล่อยให้น้ำในหม้อเดือดพล่านส่งกลิ่นยั่วน้ำลายทั้งคณะ หลังจากดูว่าสุกได้ที่ดีแล้ว สิงห์ก็ยกลงมาพักไว้เตรียมปรุงรส พริกสดไม่มีก็ใช้น้ำพริกเผาที่พรานเบตำไว้เป็นกระปุกใหญ่ ใส่ลงไปละลายแทน ต้มยำปลากั้งของสิงห์จึงยิ่งส่งกลิ่นหอมเป็นทวีคูณ

“วู้...ใครทำอะไรกลิ่นหอมมาถึงนี้เลย ฮาๆ”เสียงพรานพรตะโกนอยู่ทางปลายห้วยเบื้องล่าง”

“คิดว่าจะกินข้าวลิงกันในป่าเสียอีก มาๆ เพิ่งเสร็จพอดี”สิงห์ร้องตอบ

“ไปถึงไหนมาไอ้พร”พรานชราร้องทักมาจากริมห้วย ซึ่งตอนนี้ปลาเวียนกองใหญ่ทำจวนเสร็จแล้ว

“มัวแต่ขัดห้างกันอยู่เลยมาช้า ข้ากับไอ้เบไปเจอต้นมะกอกป่า ลูกสุกหล่นเกลื่อนเลย มีรอยเก้งกับหมูป่าลงกินเปรอะไปหมด”พรานพรพูดจบก็ควักลูกมะกอกป่าในย่ามโยนให้สิงห์

“กินข้าวอิ่มว่าจะไปเฝ้าเสียหน่อย ดึกๆเก้งชอบลงมากินลูกไม้”พรานเบพูดจบก็เอาปืนลูกซองที่สะพายมา วางพิงไว้กับโคนชงโค

“น้าเบจะไปคนเดียวหรือ”สิงห์ร้องถามขณะที่สรวลอยู่กับการขึงเปลนอน เนื่องจากเปลของสิงห์แตกต่างจากเปลที่พรานกะเหรี่ยงใช้กันมาก เพราะมันมีมุ้งและหลังคาติดมาด้วย ซึ่งย่อมเกิดความยุ่งยากในการผูกนอน แต่ก็มีข้อดีตรงที่มันกันยุงและน้ำค้างได้เป็นอย่างดี

“ข้าว่าจะไปกับไอ้พรมัน”พรานเบพุดพลางมวนยาสูบ

“จะไปกับพี่หรือเปล่าสิงห์ ห้างพี่ขัดไว้ก็ไม่ไกลกันหรอก ไม่รู้จะมีตัวอะไรลงมากินหรือเปล่า”พรานพรร้องถาม

“คืนนี้คงไม่ได้ไปหรอกพี่ สงสัยจะโอกาสหน้า คืนนี้ลุงโส่ยแกจองตัวผมแล้ว เดี๋ยวกินข้าวกินปลากันก่อนดีกว่า แล้วค่อยมาว่ากัน ม่ะ ต้มยำเสร็จพอดี”สิงห์พูดจบก็ยกหม้อต้มยำปลากั้งลงจากเตา

          นอกจากแกงป่าไก่ใส่เต่าร้าน และต้มยำปลากั้ง ที่ถูกจัดวางเรียงบนผ้าใบผืนใหญ่แล้ว บนใบตองใบใหญ่ยังมีปูห้วยเผาอีกกองใหญ่ กลิ่นของปูเผาหอมฉุยยั่วให้หิวยิ่งขึ้นไปอีก นอกจากกับข้าวสามอย่างที่ว่ามาแล้ว อีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือน้ำพริกเผาแนมกับผักป่านานาชนิด ทั้งยอดผักกูด ยอดมะกอกป่า และผักป่าอีกสองสามอย่างที่สิงห์เองก็ไม่รู้จักมาก่อน ถัดออกไปที่กองไฟ พรานโส่ยกำลังสรวลอยู่กับการจัดเรียงปลาเวียนบนร้านย่างปลา ที่พุ่มกับเคิ้งช่วยกันทำอย่างง่ายๆ โดยพรานโส่ยแยกปลาเวียนตัวเขื่องๆทาเกลือกเอาไว้ย่างกินสิบกว่าตัว ส่วนตัวที่เล็กหน่อยก็เอาขึ้นร้านย่างเตรียมทำปลารมควัน
ชั่วเวลาไม่นานพราชราก็จัดเรียงปลาเวียนจนแน่นร้านย่างไปหมด จากนั้นแกก็ใช้ใบตองมาปิดทับอีกสองสามชั้น

“มาตาโส่ยมากินข้าวกินปลาก่อน”พรานพรพูดจบก็เตรียมแจกจ่ายจานข้าวให้สมาชิกที่นั่งรอล้อมวงกันอยู่

“ไอ้เคิ้ง เอ็งตักข้าวไปไหว้เจ้าที่เจ้าทางเขาเสียหน่อย”พรานเบเสริมมาอีกคน

“เทเหล้าป่าใส่จอกนี่ไปด้วย”พรานแปะพูดจบก็โยนจอกเหล้า ซึ่งทำจากกระบอกไม้ไผ่ ส่งให้เคิ้ง หลังจากเคิ้งรับไปรินเหล้าป่าเกือบเต็มจอก

          บริเวณโคนยางนาใหญ่ต้นหนึ่ง ที่ขึ้นโดดเด่นอยู่ไม่ห่างจากแค้มป์มากนัก เทียนสองเล่นถูกจุดขึ้นบนก้อนหินสองก้อนที่คนจุดตั้งใจทำเป็นฐาน เปลวเทียนสว่างเป็นสีเหลืองนวลส่ายไปมาตามสายลมที่พักมาเอื่อยๆ ที่พื้นดินระหว่างกึ่งกลางเทียนทั้งสองเล่มนั้น มีของไหว้เจ้าที่เจ้าทาง หรือเครื่องเซ่น โดยเด็กหนุ่มจัดวางไว้บนใบตองอย่างเป็นระเบียบ บนใบตองนั้นมีทั้งข้าวสวยและกับข้าวที่ทำตักแบ่งไว้อย่างละนิดอย่างละหน่อย แถมด้วยจอกเหล้าป่าซึ่งถูกปักไว้อยู่ใกล้ๆ ภายในนั้นมีน้ำใสๆอยู่เกือบเต็มจอก หลังจากจัดเตรียบเรียบร้อยแล้ว กะเหรี่ยงหนุ่มก็นั่งคุกเข่าบรรจงกราบกับพื้นสามครั้งแล้วทำปากขมุบขมิบ ซึ่งการกระทำทุกอย่างอยู่ในสายตาของคนทั้งเจ็ดที่เฝ้าดูอยู่ห่างๆ

“อ๊อมีๆ”สิงห์ร้องชวนกินข้าวเป็นภาษากะเหรี่ยง พูดจบก็จุดเทียนขึ้นอีกสองเล่มบนฝาของหม้อสนาม ที่ถูกวางไว้กลางวงข้าว

“มาเที่ยวป่ากันไม่กี่ครั้ง พูดกะเหรี่ยงได้แล้วรึไอ้สิงห์ ฮาๆ”พรานโส่ยหัวเราะชอบใจ

“ก็รู้ไม่กี่คำหรอกลุงโส่ย ผมจำได้แต่คำง่ายๆ ประโยคยาวๆผมพูดไม่ได้หรอก”สิงห์พูดจบก็ซดน้ำต้มยำแก้เขิน

“บอกให้มาอยู่ที่นี้ไปเลย ไม่ต้องกลับไปแล้ว มีหนุ่มเมืองกรุงเข้ามาอยู่ป่าแบบนี้ ขี้คร้านสาวกะเหรี่ยงจะมาติดให้หึ่ง”พรานแปะพูดจบก็ม้วนยอดผักกูดจิ้มน้ำพริกเผาที่พรานพรผสมลูกมะกอกป่าลงไปด้วย

“สาวองจุ สวยๆทั้งนั้น สิบสี่สิบห้า มีอยู่หลายคน”พรานพรพูดถึงสาวกะเหรี่ยงอีกหมู่บ้านที่อยู่ถัดออกไป

“จะหาเมียให้ผม หรือจะหาคุกให้ผมพี่พร หาให้ทั้งทีเอาที่มันห่างๆคุกหน่อยสิ ฮาๆ”สิงห์พูดพลางหัวเราะพลาง

“กลัวทำไม่พี่สิงห์ แถวนี้เขาไม่ถือกันหรอก สิบสี่สิบห้าก็มีลูกมีผัวกันแล้ว”เคิ้งเสวนาตอบ พูดจบก็ตักแกงป่าไก่คลุกกับข้าวสวย

“เออลุงโส่ย คืนนี้เราจะออกส่องปลากันกี่โมงกี่ยาม”สิงห์หันมาถามพรานโส่ย ซึ่งตอนนี้กำลังนั่งแทะปูห้วยเผาอย่างเอร็ดอร่อย

“กินข้าวอิ่มนั่งดูดยาเส้นสักมวนก็ไปกันได้แล้ว”พรานชราพูดจบก็โยนเศษกระดองปูให้หมาสองตัวที่นอนหมอบอยู่ข้างๆ

“แล้วน้าเบล่ะ จะออกกันตอนไหน”สิงห์ร้องถามพรานเบ ที่กำลังแคะมันปูมาคลุกข้าวกับน้ำพริกเผา

“ก็คงจะออกดึกๆหน่อย ตอนนี้กี่โมงแล้วล่ะ”พรานเบเงยหน้าขึ้นถาม

“อีกหกนาทีทุ่มครึ่ง”สิงห์ตอบหลังจากยกนาฬิกาพรายน้ำขึ้นดู

“สักสามสี่ทุ่มโน้นล่ะ ข้าว่าจะออกไปนั่งห้างกับไอ้พรมัน”พูดจบแกก็ตักข้าวคำใหญ่เข้าปากเคี้ยวจนแก้มตุ่ย

“เอ็งไม่ลองไปกับน้าเบดูบ้างล่ะไอ้สิงห์ เห็นบ่นๆว่าอยากลองนั่งห้าง”เหน๋อร้องถามขณะนั่งเขี่ยก้างปลาในจานสังกะสีเคลือบใบเก่า

“ยังมีเวลาอีกเยอะ ไปตอนนี้ไม่รู้ว่าจะได้ยิงอะไร กลัวไอ้สิงห์จะไปนั่งทรมานเสียเปล่าๆ”พรานพรพูดเสริมมาอีกคน

“โอกาสหน้าก็ได้ไอ้เหน๋อ คืนนี้ข้ามีนัดกับลุงโส่ยแล้วโว้ย”พูดจบสิงห์ก็บิเนื้อปูห้วยเผาจิ้มน้ำพริกกิน
อาหารเย็นที่กินเอาเมื่อตอนค่ำเต็มไปด้วยความสุข ถึงแม้จะเป็นอาหารแบบง่ายๆก็ตาม แต่ได้บรรยากาศมาเป็นตัวช่วยเสริมรสชาติด้วยแล้ว ต่อให้กินข้าวสวยเปล่าๆก็ยอม ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบง่ายไม่ได้มีความพิถีพิถัน ต่างคนต่างกินข้าวกันไป คุยหยอกล้อกันบ้าง เป็นที่สนุกสนาน โดยไม่มีใครถือสาใคร จนเวลาผ่านไปเกือบสองทุ่มงานเลี้ยงกลางป่าถึงได้เลิกรา โดยไม่มีใครเกี่ยงงอนเคิ้งและพุ่มช่วยกันลำเรียงถ้วยจานลงไปล้างที่ท้ายห้วย ส่วนสิงห์เดินลงไปหิ้วหม้อสนามที่พรานแปะต้มน้ำจนเดือดแล้วเอาไปแช่น้ำในห้วยทิ้งไว้ โดยไม่ต้องใช้ตู้เย็น น้ำในหม้อสนามก็เย็นชื่นใจ ส่วนเหน๋อหลังจากดื่มน้ำในหม้อสนามหมดแล้ว ก็เดินไปตักน้ำเตรียมต้มชงกาแฟ พรานเบและพรานพรตรวจสอบไฟฉายที่เตรียมใช้งานในคืนนี้ พรานแปะกับพรานโส่ยช่วยกันกลับพลิกปลารมควันบนร้านย่าง เมื่อเห็นว่าไฟในกองใกล้จะหมดก็เติมเชื้อฟืนเข้าไปอีก โดยให้ไฟพอมีควันรุมๆ

“น้ำเดือดแล้วสิงห์ เอ็งจะกินกาแฟเลยหรือเปล่าเดี๋ยวข้าชงให้กิน”เหน๋อร้องบอก

“เออขอบใจ กาแฟอยู่ในถุงพลาสติก ข้าแขวนไว้ที่แคร่นั่น”สิงห์ร้องตอบพลางชี้มือไปที่ถุงกาแฟที่ถูกแขวนไว้บนแคร่วางของ

“น้าเบกับพี่พรจะกินกันเลยหรือเปล่า จะได้ให้ไอ้เหน๋อมันชงให้ทีเดียวเลย”สิงห์หันไปถามพรานเบและพรานพรที่ตอนนี้กำลังง่วนอยู่กับการปรับแต่งไฟฉาย

“เอาไว้ก่อนวะ ใกล้ๆจะไปแล้วค่อยกิน ตอนนี้ข้ายังอิ่มอยู่เลย”พรานเบร้องตอบมา

“แล้วพี่พรล่ะ จะกินเลยหรือเปล่า”สิงห์ร้องถามพรานพร ที่ตอนนี้กำลังใช้ผ้าถูเช็ดปืนคู่ชีพอย่างอารมณ์ดี

“ไม่เป็นไรสิงห์ เดี๋ยวพี่จัดการเอง”พรานพรหันมาตอบ

“เคิ้งกับพุ่มถ้าจะกินกาแฟก็กินกันได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจพี่เตรียมมาเยอะ”สิงห์พูดจบก็นั่งจิบกาแฟร้อนบนเปล

“ไปกันหมดเลยหรือ แล้วใครจะอยู่เป็นเพื่อนข้าหละ”เหน๋อตอบมาตื่นๆ เพราะนอกจากเจ้าตัวแล้ว ไม่มีใครอยู่แค้มป์ด้วยเลย

“อยู่กับไอ้พะเปรียวกับไอ้พะบองมันแล้วกันพี่เหน๋อ”พุ่มพูดพลางหัวเราะ

“เออ...ถ้าพวกข้าไปกันแล้วเอ็งช่วยจับมันสองตัวอยู่ที่นี้นะ ถ้าจะให้ดีเอาเชือกผูกมันด้วยก็ยิ่งดี ขืนตามพวกข้าไปด้วย เดี๋ยวพวกมันจะทำเสียเรื่องหมด” พรานเบพูดจบก็ดีดก้นยาสูบลงกองไฟ

“เอ๊า! ดีกว่าอยู่คนเดียวว่ะ ทางลุงโส่ยก็อย่ากลับมาดึกมากหละ”คนเฝ้าแค้มป์ทำเสียงน่าสงสาร

“ถุย..ไอ้ตาขาว ข้าก็ไม่ได้ไปไกลขนาดนั้น อย่างเก่งก็แถวๆที่ข้าดักลอบไว้”พรานชราโพล่งออกมา แล้วพูดต่อมาอีกว่า

“อยู่ทางนี้ก็อย่าเสือ กลืมดูปลาที่ข้าย่างไว้ล่ะ ถ้ากลับมาปลาไหม้หมด เอ็งโดนข้ากระทื บแน่”พรานเฒ่าพูดจบก็รินเหล้าใส่จอกขึ้นจิบ

          หลังจากวางแผนกันเรียบร้อยแล้ว สรุปได้ว่าเหน๋อเป็นคนอยู่เฝ้าแค้มป์โดยมีเจ้าพะเปรียวและเจ้าพะบองอยู่เป็นเพื่อนแบบไม่เต็มใจนัก เพราะทั้งสองตัวถูกเชือกผูกคอไว้กับต้นไม้ กลุ่มแรกที่ออกจากแค้มป์ที่พักก่อนคือกลุ่มของพรานโส่ย มีพรานแปะ สิงห์และ สองกะเหรี่ยงดงพุ่มกับเคิ้งที่จะออกไปกู้ลอบและส่องปลา ส่วนอีกกลุ่มคือพรานเบและพรานพรจะออกจากแค้มป์ดึกหน่อย ช่วงที่ไม่ได้ทำอะไรคนทั้งสองจึงนอนพักเอาแรงเสียหน่อย นกกลางคืนบางชนิดร้องกู่ในป่าแว่วมาไกลๆจากยอดไม้บนเขา เสียงน้ำไหลกระทบแก่งหินเล็กๆในลำห้วยดังจุ๋งจิ๋ง ในเงาไม้ตะคุ้มๆริมห้วย เขียดป่าพากันร้อง ออดแอดแข่งกับเสียงอึงป่า ที่อยู่ในโพลงหินฝั่งตรงข้าม รองไนและจิ้งหรีดพากันกรีดปีกผสานเสียงเพลงบรรเลงไพร โดยมีหิ่งห้อยหลายสิบตัวบินส่องแสงวูบวาบ แข่งกับแสงดาวระยิบระยับบนท่องฟ้าที่ปราศจากหมู่เมฆมาบดบัง.....

....นิยายยังไม่จบเพียงเท่านี้ โปรดติดตามหาความบันเทิงได้ต่อ ในตอนต่อไป เร็วๆนี้....

ผิอพลาดประการใด ผมหนุ่มธุดงค์ไพร ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

ปล.ขอเวลาสักหน่อยนะครับ เดี๋ยวผมจะเอารูปมาลงเพิ่มครับน้าๆ
นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 4 ตอนที่ 4
ภาพที่ 2
เจ้าพะบอง (ปัจจุบันตายไปนานแล้วครับ)
นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 4 ตอนที่ 4
ภาพที่ 3
พรานโส่ย พ่อของเจ้าเคิ้ง
นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 4 ตอนที่ 4
ภาพที่ 4
เจ้าพุ่ม ยิ้มเบิกบานทุกครั้งที่เข้าป่าครับ
นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 4 ตอนที่ 4
ภาพที่ 5
พรานพร กับหม้อต้มส้มครับ
นิยาย แนวผจญภัย บทที่ 4 ตอนที่ 4
ภาพที่ 6
ต้มส้มปลา แบบตามมีตามเกิดครับ
กรุณา ลงทะเบียน และ login ก่อนส่งความเห็นครับ
siamfishing.com © 2024