สยามฟิชชิ่ง
หน้าแรก|กระดาน|รีวิว|ประมูล|ตลาด|เปิดท้าย
login | สมัครสมาชิก | วิธีสมัครสมาชิก | ลืมชื่อ/รหัส | login ไม่ได้? | 19 เม.ย. 67
กลับมาพร้อมเทคนิคดีๆอีกตามเคย ตอน คนตกปลา : Fishing Article
 ห้องบทความ/เทคนิค > บทความตกปลา
ความเห็น: 36 - [1 พ.ย. 54, 22:03] ดู: 20,188 - [16 เม.ย. 67, 14:34] โหวต: 17
กลับมาพร้อมเทคนิคดีๆอีกตามเคย ตอน คนตกปลา
สุพรชัย2 (82 คะแนนโหวตจากผู้ชมกระทู้) offline
21 ก.พ. 53, 18:50
1
วิธีสู้ปลาด้วยคันชิงหลิว


วิธีสู้ปลาด้วยคันชิงหลิวของผมอาจไม่ใช่วิธีที่ยึดถือต่อๆกันมาตามตำรา...แต่ผ่านการเรียนรู้ส่วนตัวจากหน้างานจริงมาบ้าง แต่ก้อจะเอามาเล่าสู่ต่อกันให้ไว้เพื่อพิจารณาคับ

จากที่พบเห็นมา...ร้อยทั้งร้อยของผู้ที่สนใจหัดตกปลาด้วยคันชิงหลิว(รวมทั้งตัวผมเองด้วย) มักจะติดนิสัยความเคยชินในระหว่างสู้ปลาเหมือนตอนเราใช้คันเบ็ดที่มีรอกอยู่ด้วย เมื่อปลาใหญ่ติดเบ็ดแล้วกระชากตัวว่ายพุ่งหนีออกไปแนวนอกเรามักลดคันลงเพื่อผ่อนแรงปลากระชากโดยที่น้ำหนักเบรคของรอกที่ตั้งไว้เหมาะสมก้อจะช่วยผ่อนสายออกไปให้ด้วยเพื่อจะที่จะทำให้ปลาที่อยู่ที่ปลายสายเบ็ดของเรายังไม่หลุดหรือขาดไปไหน....แต่การทำแบบนี้สำหรับคันชิงหลิว เป็นวิธีที่ผิดอย่างมหันต์...

อย่าลืมว่าการตกปลาด้วยคันชิงหลิวเราไม่มีรอกเข้ามาช่วยผ่อนสาย...สายที่มีอยู่จำกัดเมื่อเราลดปลายคันลงสานเอ็นที่ตึงเปี๊ยะและเครียดอย่างที่สุดจะรับแรงดึงเกินพิกัดไหวก้อจะขาดลงเพราะเราไม่ใช้ประสิทธิ์ภาพการรั้งปลาของคันให้เป็นประโยชน์สูงสุด...

วิธีที่ถูกต้อง : เมื่อปลาใหญ่ติดเบ็ดแล้วกระชากตัวมันเองออกไปด้วยความเร็วสูง สิ่งที่เราต้องทำก้อคือตั้งคันไว้ให้คันช่วยรั้งปลาโดยที่เราใช้ข้อมือเป็นตัวบังคับ โดยที่เราใช้อุ้งมือกำด้ามคันแต่เพียงหลวมๆพร้อมจะปล่อยตลอดเวลา...ถ้าปลาที่ติดเบ็ดเป็นปลาที่มีสปีดสูงเช่น ปลายี่สก หรือปลานวลจันทร์ เราต้องพร้อมรับมือกับการกระชากตัวว่ายหนีอย่างรวดเร็วของมัน ถ้าน้ำหนักการกระชากอยู่ในพิกัดที่เราตั้งคันรั้งไว้ได้ก้อควรรั้งไว้เช่นนั้นก่อน แต่ถ้าการกระชากสายรุนแรงมากจนเราสัมผัสได้ด้วยฝ่ามือ(อันนี้ต้องโดนบ่อยๆ)เราก้อต้องพร้อมที่ผายฝ่ามือเพื่อปล่อยหรือโยนคันลงน้ำเพื่อใช้สายเซฟตี้ที่ผูกไว้ที่ตูดคันช่วยสู้ปลาในลำดับต่อไป... 
กลับมาพร้อมเทคนิคดีๆอีกตามเคย ตอน คนตกปลา
ภาพที่ 2
ในระหว่างการสู้ปลานั้น...ปลาที่ติดอยู่ปลายสายอาจพุ่งตัวสู่แนวนอกไกลตลิ่งออกไป หรืออาจม้วนตัวย้อนสายกลับเข้ามา หรือว่ายออกไปด้านข้างขนานกับตลิ่ง...ผมเป็นคนชอบตกปลาขนาดใหญ่ด้วยอุปกรณ์หรือขนาดสายเล็กๆ ซึ่งธรรมชาติของปลาใหญ่ก้อมักจะมีสปีดสูงพอๆกับความดื้อดึง เมื่อมันพุ่งตัวออกด้านนอกโดยที่เราใช้ประสิทธิ์ภาพของคันช่วยตั้งรั้งจนถึงที่สุดแล้ว สัมผัสเหล่านี้เราจะรู้ได้ที่ฝ่ามือของเรา วิธีของผมเมื่อปลาพุ่งตัวออกไปผมมักย่อตัวลงให้ต่ำแต่ยังคงตั้งคันรั้งไว้ อาจต่ำลงไปถึงขนาดที่ผมต้องนั่งยองๆก้อได้ วิธีนี้จะช่วยให้ความโค้งของคันช่วงครึ่งบนลดองศาลง ผ่อนแรงกระชากตัวของปลาเพื่อช่วยลดแรงเครียดของสายได้ส่วนนึงโดยที่รั้งปลาไว้โดยการตั้งคันของเราไม่ได้ลดตามไปด้วย สายเบ็ดจึงตึงตลอดเวลาแต่จะไม่เครียดตลอดเวลา
กลับมาพร้อมเทคนิคดีๆอีกตามเคย ตอน คนตกปลา
ภาพที่ 3
การลุกขึ้นยืนหรือย่อตัวต่ำในระหว่างการสู้กับปลาด้วยคันชิงหลิวนั้นสำหรับผมถือว่าได้ผลดีและเราสามารถทำได้คล่องตัวโดยไม่เอากฏเกณท์อะไรมาบีบรัดความถนัดแบบของเราจนเกินไป...

เมื่อเราสู้ปลาด้วยวิธีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีนี้จนปลาอ่อนแรงลง เราต้องชิงความได้เปรียบ(ซึ่งไม่ค่อยจะมีเท่าไหร่)ด้วยการพยายามยกคันให้สูงเพื่อยกหัวปลาที่อ่อนแรงลงให้ขึ้นสู่ผิวน้ำ ใช้คันบังคับปลาตามหลักการของชิวหลิว(แน่ล่ะเพราะเราไม่มีรอกช่วยนี่) และเมื่อปลาอ่อนแรงลงจนสัมผัสนั้นมาสู่สายตาและฝ่ามือ ผมจะยืนขึ้นสู้และยกคันให้สูงขึ้นแต่ต้องพร้อมที่จะย่อตัวลงเมื่อปลามีก๊อก2-3-4จะพุ่งตัวออกไปทุกเมื่อ...เมื่อเรายืนและยกจนเราแน่ใจว่าปลาอ่อนแรงลงมากแล้ว จังหวะต่อมาหลังสายเบ็ดเริ่มอยู่ในแนวองศาที่ดิ่งขึ้นเราควรต้องระวังการตั้งคันในองศาที่มากเกินไปจนอาจทำให้คันหักบริเวณปลายคันได้...วิธีที่ผมจะทำต่อมาคือเดินถอยหลังโดยที่ยังรักษาการตั้งรั้งไว้เหมือนเดิม ปลาใหญ่ที่อ่อนแรงก้อจะถูกเราจูงเข้าใกล้ตลิ่งได้ง่ายขึ้นคับ....




เทคนิคการตกปลาน้ำจืด
จัดแบ่งเป็น 2 ประเภท
1.ประเภทตกด้วยเหยื่อสด
2.ประเภทตกด้วยเหยื่อปลอม
ประเภทที่ตกด้วยเหยื่อสด
แยกประเภทใช้ตามชนิดของปลาด้วย เหยื่อหลักๆที่นิยมใช้กัน ได้แก่

1.เหยื่อไส้เดือน ใช้ตกปลาแขยงใบข้าว ปลากดเหลือง ปลากดคัง ปลาบู่ ปลาฉลาด ฯลฯ
2.เหยื่อแมลงสาปขาว ตกปลาแขยงใบข้าว ปลากดเหลือง ปลาฉลาด และปลาแรด
3.เหยื่อกุ้งสด กุ้งเป็น ตกพวกปลาหมอตาและปลาหมอโค้ว ปลาแรดใช้กุ้งเป็นๆ กุ้งสดใช้ตกปลาแขยงใบข้าวได้
4.เหยื่อแมลงปอ ใช้ตกปลาแรด ปลาหมอโค้ว
5.เหยื่อสูตรผสม พวกขนมปังปนรำ ใส่หัวเชื้อนมแมว ใช้ตกปลากระมัง ปลากระแห ปลาตะพาก
เทคนิคการเกี่ยวเหยื่อแต่ละชนิดที่แตกต่างกัน ชนิดที่เป็นเหยื่อสดพวกไส้เดือน วิธีการก็คือ ฝังคมเบ็ดเข้าทางหัวใหญ่ของตัวใส้เดือนจนมิดเบ็ดแล้วปล่อยไว้ทั้งตัว ปล่อยเหยื่อลงสู่พื้นดิน แล้วหมุนรอกกลับไปให้สายตึง ให้เหยื่อไส้เดือนอยู่ที่พื้น รอปลากินเหยื่อ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกปลาแขยงใบข้าว ปลากด ปลากดคัง ปลาฉลาด ถ้าจะตกปลาคังหรือปลากด อาจใช้ตัวเบ็ดใหญ่อีกหน่อย เพราะปลาพวกนี้ปากกว้าง ควรใช้เหยื่อไส้เดือนเกี่ยวหลายๆตัวรวมกันเป็นพวง ใช้ตกปลาคังจะได้ตัวค่อนข้างใหญ่

ชนิดที่เป็นเหยื่อแมลงสาปขาว ต้องเข้าใจก่อนว่าตัวแมลงสาปขาวคือเจ้าแมลงสาปแดงนี่แหละ แต่ที่มีสีขาวคือตอนที่มันลอกคราบตัวอ่อนมันจะมีสีขาว ถ้าถูกแสงแรงๆจะออกสีแดงทันที และมีกลิ่นสาปแรงด้วย ฉะนั้นการเก็บรักษาจะนิยมจับใส่ขวดลิโพ แล้วห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์อีกชั้นหนึ่งกันแสงเข้า จะทำให้มันมีสีขาวตลอด เวลานำมาใช้ส่วนมากแมลงสาปขาวมักจะตาย การนำเอาไปใช้จะต้องเก็บไว้ในความเย็น

การเกี่ยวเบ็ด ให้เจาะคมเบ็ดลงกลางหัวให้ทะลุอีกด้านหนึ่ง แล้วค่อยเกี่ยวเข้าทะลุลำตัวใหญ่ แล้วหย่อนเหยื่อให้ถึงพื้นดิน แต่ถ้าเป็นปลาแรดต้องปล่อยให้ลึกจากผิวน้ำประมาณ 1 ศอก

ชนิดที่เป็นเหยื่อกุ้งสดและกุ้งเป็น ถ้าเป็นเหยื่อกุ้งสดให้ฝังคมเบ็ดเข้าหางด้านในให้ตัวเบ็ดฝังไปตามตัวกุ้ง ทำตัวกุ้งให้เหยียดตรง ให้ปลายคมเบ็ดโผล่กลางท้อง ถ้าเป็นกุ้งเป็นให้เอาคมเบ็ดเกี่ยวเปลือกด้านในออกด้านหลัง ไม่เกี่ยวลึกมากจะทำให้กุ้งตาย ต้องเกี่ยวติดเหลือด้านข้าง ถ้าตกปลกแรดก็วางเบ็ดค่อนข้างตื้น ลึกจากผิวน้ำไม่เกิน 1 ศอก แต่ถ้าตกปลาหมอโค้งหรือปลาหมอตา ก็ควรลงลึกไปประมาณกลางๆ น้ำ ไม่ต้องถึงดิน แต่ถ้าตกพวกปลากดปลาแขยงก็ต้องลงเหยื่อให้ถึงพื้นดิน เหยื่อกุ้งสดหรือกุ้งเป็นก็เป็นที่ชื่นชอบของปลากดและปลาคังเช่นกัน

ชนิดที่เป็นเหยื่อแมลงปอ ที่หาเอาตามธรรมชาติ วิธีเกี่ยวแมลงปอ ให้เกี่ยวคมเบ็ดเข้าทางหางร้อยให้คมเบ็ดโผล่กลางอก ถ้าใช้ปลาแรดให้หย่อนลงจากผิวน้ำประมาณ 1 ศอก แต่ถ้าเป็นปลาหมอโค้วหรือปลาหมอตาให้หย่อนลึกประมาณกลางน้ำ หรือเกือบถึงพื้นขึ้นอยู่กับแหล่งปลาด้วย

ชนิดที่เป็นเหยื่อสูตรผสม จากการทดลองมาหลายปีพบว่า สูตรสำหรับผสมจะเป็นขนมปังสด ผสมกับรำละเอียดและใส่หัวเชื้อน้ำหอมกลิ่นนมแมว ผสมให้เข้ากันให้พอหมาดๆ ระวังอย่าให้เหลว เพื่อให้ติดกับเบ็ดแน่นๆ ไม่หลุดง่าย

ที่แพน้ำโจนนี้เหยื่อผสมจะใช้ตกปลากระมังเป็นหลัก เพราะมีค่อนข้างชุกชุม เวลาตกควรใช้ลูกหมุน 3 ทางแล้วผูกเบ็ด 2 ตัว ควรใช้เบ็ดขนาดเบอร์ 5 กำลังดี ขณะตกให้หย่อนเหยื่อลงสู่พื้นล่าง และดึงสายตรึงให้ตะกั่วลอยจากพื้น ให้เหยื่อนอนอยู่ที่พื้น รอปลากินเหยื่อ แต่การใช้เหยื่อขนมปังรำนี้ ถ้าลงเหยื่อนานไป เหยื่อจะหมด ต้องเอาเหยื่อขึ้นดูบ่อยๆหน่อย ปกติ หย่อนเหยื่อลงไปซักครู่ พอเหยื่อถึงพื้นสักเดี๋ยวจะถูกปลาตอดเหยื่อแล้ว
เทคนิคก็คือ เมื่อหย่อนเหยื่อแล้วต้องปั้นเหยื่อเม็ดเล็กขนาดเม็ดถั่วเขียวหย่อนตรงบริเวณสายเบ็ดที่เราตกอยู่ เพื่อให้ปลาเข้ามาวนกินเหยื่อที่อ่อยไว้ จะทำให้เราตกปลาได้ตลอดเวลา




ประเภทการตกด้วยเหยื่อปลอม
แบ่งเป็น 3 วิธี คือ

1.ตกแบบผิวน้ำ
2.ตกแบบกลางน้ำ
3.ตกใต้น้ำหรือน้ำลึก
การตกเหยื่อปลอมแบบผิวน้ำ วิธีนี้มีมาประมาณ 10 ปีแล้ว การตกเหยื่อปลอมผิวน้ำ หรือที่เรียกเหยื่อชนิดนี้ว่า เหยื่อบล๊อกๆ เป็นเหยื่อปลาปลอมติดใบพัด ใบพัดมีหน้าที่เป็นเสียงเรียกให้ปลาสนใจแล้วมองเห็นปลาปลอม มันจึงไล่กัด ส่วนมากเรามีไว้ตกปลาชะโด แต่เจ้าปลากระสูบก็กินเหมือนกัน แต่จะเป็นปลากระสูบขนาดใหญ่เท่านั้น ฉะนั้นแล้วเจ้าเหยื่อบล๊อกๆนี้มีไว้เพื่อปราบชะโดเป็นหลัก

วิธีใช้เหยื่อบล๊อกๆที่ถูกต้อง ตัวเหยื่อบล๊อกๆจะเป็นเหยื่อที่มีน้ำหนักมาก ต้องใช้สายใหญ่หน่อย ควรเป็นสายแรงดึงประมาณ 15 ปอนด์ขึ้นไปจะดี แต่เหยื่อต้องแข็งแรง ใบพัดต้องแข็งแรง ส่งเสียงดัง บล๊อก ! เป็นเสียงเรียกที่ไม่ผิดเพี้ยน

เหยื่อใบพัดเป็นเหยื่อที่มีจุดกำเนิดมาจากตัวเหยื่อกบ ประกอบด้วย 2 ส่วน ส่วนหลังที่เป็นใบพัดจะหมุนตีน้ำดัง บล๊อกๆๆ ปลาอาจฟังว่าเป็นเสียงจ๊อกๆๆแบบกบกระโดดบนผิวน้ำจึงไล่กัด ติดเบ็ดสองทางที่หงายขึ้นไว้เข้าเต็มปาก

เมื่อตอนถ่ายทำสารคดีส่องโลกทางช่อง 5 คุณสุธี สุทธิวงศ์ คิดทำเป็นตัวพิเศษเพื่อการถ่ายจะได้เห็นช่วงเวลาที่ปลาฮุบเหยื่อผิวน้ำได้ชัด ดูแล้วเร้าใจ แต่เหยื่อชุดแรกที่เขาถ่ายทำนั้นตัวปลาปลอมจะสั้นกว่าปัจจุบันเล็กน้อย ข้อเสียก็คือตัวเบ็ดตัวท้ายกับตัวกลางอาจเกี่ยวกันทำงานไม่สม่ำเสมอ แต่ปัจจุบันนี้เหยื่อทุกตัวได้รับการปรับปรุงให้ตัวเหยื่อยาวกว่าเดิมเล็กน้อย ซึ่งทำให้ตัวเบ็ดทั้งสองตัวสามารถทำหน้าที่ได้เต็มที่ทุกครั้งที่ตีเหยื่อไป

เทคนิคในการตีเหยื่อใบพัดหรือเหยื่อบล๊อกๆ ให้ตีเหยื่อเข้าเป้าหมายอย่างแม่นยำ พอเหยื่อตกถึงน้ำให้ดึงเหยื่อกลับทันที เหมือนตุ๊กแกตกน้ำ พอถึงน้ำมันจะกระโดดบนผิวน้ำต่อ การตีเหยื่อก็ต้องขึ้นอยู่กับการฝึกฝน และเดาเป้าหมายที่มีปลาถูก ก็จะได้ผลทันที

การตกปลาด้วยเหยื่อปลอมกลางน้ำ เราเรียกเหยื่อชนิดนี้ว่า เหยื่อปลั๊ก มีสองชนิดคือ
1.ชนิดปลั๊กน้ำตื้น
2.ชนิดปลั๊กน้ำลึก
ชนิดปลั๊กน้ำตื้น เหยื่อชนิดนี้เป็นเหยื่อรูปร่างเหมือนตัวปลา มีปากสั้นไว้สำหรับกินน้ำส่ายไปมาเหมือนปลาว่ายน้ำ แต่จะว่ายอยู่ใกล้ๆผิวน้ำ ส่วนใหญ่ไม่ว่าจะลากเหยื่อเร็วแค่ไหน ก็จะดำได้ลึกไม่เกิน 1 เมตรจากผิวน้ำ เหยื่อชนิดนี้ใช้ตีตามที่มีสาหร่ายตื้น แต่ต้องลากเหยื่อไม่ให้ติดสาหร่าย ถ้ามีปลาอยู่ใต้สาหร่ายมันจะขึ้นไล่กัดเหยื่อ

ชนิดปลั๊กน้ำลึก เหยื่อชนิดเป็นนี้เป็นเหยื่อที่มีรูปร่างเหมือนตัวปลา มีปากยาวไว้สำหรับกินน้ำลึก ส่ายไปมาเหมือนปลาว่ายน้ำ ถ้าลากเร็วก็จะดำน้ำลึก อาจถึง 2 เมตรจากผิวน้ำ เหมาะสำหรับใช้ตกตามหน้าผาหรือแหล่งสาหร่ายลึกๆ

เหยื่อสองชนิดนี้แต่ก่อนเมื่อกว่าสิบปีที่แล้ว ทางคุณสุธีได้ผลิตขึ้นใช้ในหมู่ชมรมตกปลาด้วยกัน แต่มาระยะหลังไม่ได้ผลิตขึ้น มีบ้างแต่น้อย ในหมู่นักตกปลาด้วยกันจะรู้ดีว่ามันทำยาก แอคชั่นไม่ค่อยดีเท่ากันทุกตัว การตั้งแอคชั่นยากมาก

แต่ชนิดปลั๊กน้ำลึกยังใช้ได้ดีมาก ปลาที่อยู่แหล่งน้ำลึกยังพอหาตกได้ เหยื่อชนิดนี้เวลาปลาติดเบ็ดจะเกิดวงพวยอากาศใต้น้ำ เราต้องสังเกตดูวงพวยใต้น้ำ ถ้าวงใหญ่ก็ตัวใหญ่ ถ้าวงเล็กเล็กก็ตัวเล็ก ข้อสำคัญอีกอย่างหนึ่ง ต้องระมัดระวังปลาจะพาเหยื่อไปติดตอใต้น้ำ ต้องขืนไว้ไม่ให้เข้าตอ จึงจะได้ตัว

การตกเหยื่อปลอมใต้น้ำ ถ้าพูดถึงการตกในน้ำจืดคงจะหมายถึงเหยื่อปลอมที่เรียกว่าสปูน เป็นเหยื่อปลอมสำหรับตกปลากระสูบ ใช้ตกปลาตามผิวน้ำได้ แต่สปูนใช้ตกปลาน้ำลึกผลดี แต่น้ำไม่ควรลึกเกิน 20 เมตร แหล่งที่ตกอาจจะเป็นหน้าผาหรือแหล่งตอไม้ใต้น้ำ การตีเหยื่อสปูนไปต้องปล่อยให้เหยื่อสปูนลงถึงพื้นแล้วหมุนรอกดึงสายกลับทันที เพราะทั่วไปปลากระสูบขึ้นฮุบผิวน้ำแล้วมันจะลงไปอยู่ตามตอไม้หรือกอไม้หรือกองหินใต้น้ำเสมอ ฉะนั้นเราต้องหย่อนเหยื่อให้ถึงปลา บางครั้งเราหมุนเหยื่อกลับมาจากพื้นเพียง 1-2 เมตร ก็จะมีปลาฉวยเหยื่อแล้ว

การตีเหยื่อสปูนตกน้ำลึก เราจะไม่ตีเหยื่อไกลๆ เพราะจะทำให้ตัวเหยื่อติดตอไม้ใต้น้ำแล้วปลดไม่ออก อาจเสียเหยื่อ เราควรตีเหยื่อระยะใกล้ๆเท่านั้น เวลาที่ตัวเบ็ดเกาะตอ เราสามารถตระหวัดออกได้โดยไม่เสียเหยื่อ

การตีเหยื่อปลอมแบบสปูนก็ต้องฝึกให้แม่นยำ เข้าเป้าหมายเหมือนการใช้เหยื่อปลอมแบบผิวน้ำ และการตีเหยื่อปลอมแบบสปูน ถ้าตีปลาฝูง เวลาเหยื่อตกน้ำต้องลากเหยื่อสปูนมาบนผิวน้ำ จะถูกปลากระสูบไล่กัด


ศาสตร์แห่งการ Jiging ตอนเหยื่อ Jig


ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมากนี้วิวัฒนาการในวงการตกปลาได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว นั่นเป็นเพราะ มีนักตกปลาหน้าใหม่ๆเกิดขึ้นทุกๆวัน และข่าวสารสำหรับการตกปลาก็กว้างไกลมากขึ้น นักตกปลาสามารถเสพข่าวต่างๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องอุปกรณ์ใหม่ๆ เรื่องรูปแบบการตกปลาใหม่ๆ หรือแม้กระทั่งไปตกปลาตามสถานที่ต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งต้องยอมรับว่า โลกแห่งการตกปลาเปลี่ยนโฉมหน้ากันไปแล้ว ทั้งหนังสือ นิตยสาร และ Inter net ล้วนก็มีความสำคัญต่อนักตกปลาทุกคน อยู่ที่ว่านักตกปลาสามารถเลือกที่จะเสพได้ว่า เขาอยากเสพอะไร แล้วสามารถเอามาเป็นประโยชน์ต่อตัวเขาเองได้เท่าไหร่ ควรจะใช้ให้ถูก เหมือนกับเราใช้รอกใช้คันเบ็ดให้ถูกต่อเกม ที่เราจะเล่นแล้วเกมการตกปลา ของเราก็จะสนุกและประทับใจไปตลอด Jigging คือ การตกปลาด้วยลักษณะของการเอาเหยื่อปลอมที่เป็นโลหะไปตกปลาน้ำลึกๆ ด้วยการทิ้งเหยื่อในแนวดิ่งจนถึงพื้น แล้วก็กรอสายขึ้นมาพร้อมกับการสร้าง Action ให้ตัวเหยื่อทำแบบนี้จนกระทั่ง ปลาเข้า “กัด“ ตัวเหยื่อ Jiggingเกิดขึ้นมานานแล้ว แต่รูปแบบการตกปลาแบบนี้ ค่อยๆพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ
โดยนักตกปลาญี่ปุ่น เพราะฉะนั้น นักตกปลาของญี่ปุ่นจะแตกฉานมากกว่า จนกระทั่งกลายเป็น “ เจ้าแห่งการ Jigging “ และนักตกปลาชาวไทยเราก็ต้องคอยศึกษาจากพวกเขาอยู่เรื่อยมา ศาสตร์แห่งการ Jigging ตอนที่ 1 นี้ เป็นความคิดส่วนตัวของผม และจากประสบการณ์ที่ผมได้ออก Jigging ในฝั่งพม่าค่อนข้างเยอะ และเรียนรู้จากนักตกปลาชาวต่างประเทศด้วย เพราะฉะนั้นจึงไม่อยาก
ให้ท่านผู้อ่านเอาบทความของผมเป็นมาตรฐานว่า    ดาวน์โหลด (40.67 KB)

2 ชั่วโมงก่อนถูกต้องตามหลักการทั้งหมด เพียงแค่ว่าเอาไปผสมสานกับของที่ท่านได้รับรู้มา และศาสตร์แห่งการ Jigging ตอนที่ 1 จะขอเกล่าถึง เรื่องของตัวเหยื่อก่อนเป็นอันดับแรก เพราะตัวหยื่อJig นั้นมีความสำคัญมากสำหรับการ Jigging และตัวเหยื่อ Jig มีหลากหลายรูปแบบหลากหลากรูปทรงหลากหลายน้ำหนัก และหลากหลายราคา ก็อยากจะขอนำเสนอ เป็นพวกเหยื่อ Jig ประเภทตัวยาวและสั้น ก่อน
          เหยื่อ Jig ที่มีรูปทรงยาวและแบน จะใช้กับการ Jigging ประเภทที่มี กระแสน้ำที่แรง เพราะด้วยรูปทรงที่ยาว เมื่อเจอกระแสน้ำที่แรงตัวเหยื่อจะพลิ้วไหวตามกระแสน้ำ เหมือนจำพวกปลาดาบหรือ ปลาปีศาจ( Baracouta ) และเมื่อเรากระชากตัวเหยื่อ เพื่อสร้าง Action ตัวเหยื่อก็จะดีดดิ้น เหมือนกับปลาที่กำลังกระเสือกกระสน นั่นแหละครับ แล้ว Dog tooth , Yellow Fin , GT ตัวไหนจะทนความเย้ายวนได้ครับ กัดแน่นอนถ้าตรงนั้น มีฝูงปลา เหยื่อ Jig ที่มีรูปทรง สั้น แบน และกลม จะใช้กับการ Jigging ประเภท ที่มีกระแสน้ำที่ไหลไม่แรง หรือบางทีก็จะไหลแบบเอื่อยๆ ไปจนถึงแบบน้ำตาย คือ น้ำไม่ไหลเลยเหยื่อแบบนี้จะสร้าง Action ได้ง่ายกว่าเหยื่อทรงยาวแบน เพราะไม่จำเป็นต้องกระชากแรงๆ กระชากเบาๆหรือถี่ๆก็ได้ ตัวเหยื่อจะแฉลบไป แฉลบมาจนกลายเป็นสิ่งเร้าใจกับปลาล่าเหยื่อ ทนไม่ได้ต้องเข้ามากัดเหยื่ออย่างแน่นอน
          น้ำหนักของตัวเหยื่อ เป็นเรื่องสำคัญอย่างมากครับ การที่จะใช้ตัวเหยื่อหนัก หรือเบา ก่อนอื่นอยู่ที่ กระแสน้ำก่อนครับแล้วค่อยมาใช้จินตนาการเอาว่า เราจะสร้าง Action ให้ตัวเหยื่ออย่างไร ถ้ากระแสน้ำที่ ไหลไม่รุนแรง เราก็สามารถใช้ตัวเหยื่อที่มีน้ำหนักเบาได้ อย่างเช่น น้ำหนัก 100 กรัม ไปจนถึง 200 กรัม  แต่ถ้ากระแสน้ำไหลแรงขึ้น เราก็เปลี่ยนเหยื่อ มาใช้ที่มีน้ำหนักประมาณ 250 กรัม ไปจนถึง 350 กรัม แต่ถ้าน้ำแรงจัด เราก็จะใช้เหยื่อน้ำหนัก 400 กรัมถึง 500 กรัมไปเลย
            โปรดจดจำไว้ว่า ถ้าเหยื่อตัวเล็กและเบา เราใช้ตอนน้ำไม่แรง เราจะต้องสร้าง Action ให้มันแบบไหนจะเป็นการกระชากแบบแรงๆหรือเบาๆ อยู่ที่ตัวเราว่าจะจินตนาการอย่างไรและจินตนาการได้มากน้อย 
แค่ไหนบางครั้งเราก็ต้องลืมทฤษฎีไปบ้างเหมือนกัน  บทเรียนบางบทเรียนยังถูกเก็บใส่กล่องกระดาษ แล้วก็เอาไปเก็บในที่ทีเราไม่ต้องการจะรื้อมาดูอีกเลย
สีของเหยื่อของตัวเหยื่อและรูปทรงที่เลียนแบบ ปลาในธรรมชาติ คือความสำคัญของเหยื่อ Jig เหมือนกันครับ ด้วยสีสันที่สดใส ฉูดฉาด มักจะกระตุ้นต่อมความอยากของนักตกปลาก่อน และเมื่อนักตกปลา “ ชาร์ต “ เหยื่อตัวนั้นแล้ว เขาก็จะพยายามเอาเหยื่อตัวนั้นไปทำให้ปลากินให้ได้  พยายามแล้ว พยายามเล่าจนสุดท้ายมี 2 อย่างคือ ปลากัดเหยื่อดีมาก นักตกปลาก็จะชอบใจ แล้วจะบอกเพื่อนๆว่า เหยื่อตัวนี้ดีจริงๆนะ หรือถ้าปลาไม่สนใจจะมองเหยื่อ ตัวนั้นเลย และไม่คิดจะกัดเหยื่อตัวนั้น นักตกปลาก็จะบอกว่าเหยื่อตัวนี้ไม่ดี สีไม่สวย Action ไม่ได้เรื่อง และหนักไปว่านั้นก็จะบอกเลยว่า “ มันห่วย มากๆ “ อย่าไปใช้มันนะ
            สีสันของตัวเหยื่อ ไม่ได้มีผลกับปลาสักเท่าไหร่ แต่ที่แน่ๆสติ๊กเกอร์ที่ติดข้างตัวเหยื่อซิครับ มันจะแวววาว เรียกความสนใจของปลามากกว่าเหยื่อบางตัวนอกจากจะมีสีสันงดงามแล้ว ก็ยังมีสติ๊กเกอร์ หรือชุบโครเมี่ยมให้แวววาวด้วย แต่ถ้าเป็นการ Jigging ในตอนกลางคืน ก็มักจะนิยมใช้เหยื่อประเภท เรืองแสง  หมายถึงตัวเหยื่อที่ชุบสีเรืองแสง สีของมันจะออกมาเป็นสีเขียว หรือ เหลืองซึ่งจะเห็นชัดในเวลามืดๆ 
          นอกจากสีสันของตัวเหยื่อแล้ว รูปทรงที่ออกแบบมาก็มีส่วนสำคัญด้วย เพราะว่า การที่เราสร้าง Action ให้ตัวเหยื่อแล้ว มันก็จะสร้างคลื่นเสียงไปตามน้ำ ซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้ปลาเข้ามา กัดเหยื่อเพราะบางที ในช่วงกลางคืนที่เราไม่ได้ใช้เหยื่อแบบเรืองแสง ปลาก็ยังคงกัดเหยื่อตัวนั้นเพราะรูปทรงที่มันสร้างคลื่นเสียงทางน้ำได้ดี แต่ถ้าจะให้เปรียบเทียบกับเหยื่อที่เรืองแสง ผมเองก็ยังเชื่อว่า เหยื่อที่เรืองแสงปลาจะกัดดีกว่าเหยื่อธรรมดา ที่ไม่เรืองแสง
          การสร้าง Stroke ในการ Jigging มีหลายรูปแบบ ซึ่งผมจะอธิบายอีกครั้ง ตอนที่เป็นภาคของ วิธี Jigging ซึ่งผมจะอธิบายให้ละเอียดเลย             
แต่อย่างที่บอกมาข้างต้นว่า เป็นวิธี Jig ที่ผมเขียนนี้ เป็นวิธีที่ผมเล่นมาตลอดไม่ได้หมายความว่า จะถูกต้องทั้งหมด แต่ผมก็ได้ปลาอยู่เรื่อยๆ ในรูปแบบของผมนี้แต่ในภาคนี้จะอธิบายคร่าวๆก่อนว่า ถ้าเหยื่อทรงยาวแบนและหนักๆ ผมก็จะใช้ Stroke ยาวในการสร้าง Action และไม่ต้องเร่งจังหวะ Stroke นี้ใช้ได้กับเหยื่อสั้นแบนและมีน้ำหนักมากๆด้วย ส่วนถ้าเป็นเหยื่อยาวแบนหรือสั้นแบน ผมจะใช้ Stroke สั้นและเร็วขึ้น เพื่อให้ตัวเหยื่อกระตุกแรงๆ จะเป็นการกระตุ้นต่อมอยาก “กัด “ ของปลามากขึ้น ซึ่งบอกได้เลยว่าได้ผลจริงๆครับ พวกต่างชาติที่ผมพาไปก็ใช้ Stroke แบบนี้ครับ ไม่ต้องมานั่งทะเลาะกันด้วยว่าเหยื่อตัวนั้นไม่กิน หรือกินไม่จัดมันกินทั้งนั้นครับ ถ้าผ่านหน้ามันล่ะก็ อยู่ที่ว่าจะ “ วัด “ คันได้ทันหรือเปล่า และ  Jig ได้ถูกวิธีเปล่า

ยี่ห้อของเหยื่อ Jig
        มีหลายยี่ห้อครับ มีทั้งจากต่างประเทศ และ ทำในเมืองไทย โดยฝีมือคนไทยคิดรูปแบบออกมาเอง หรือ “ ก๊อบปี้ “ ของนอกมาทั้งดุ้นก็เยอะแยะครับ
        เหยื่อ Jig จากเมืองนอกก็มีหลายยี่ห้อที่นักตกปลาบ้านเรานิยมใช้ถึงแม้จะมีราคาที่ค่อนข้างแพง แต่กับคุณภาพที่ดีจริง ปลากัดแน่นอนเพราะฉะนั้น จำเป็นต้องมีในกระเป๋าเหยื่อ คือ

      1. Jig ace
      2. Smith
      3. Jigging Master
      4. River 2 Sea
      5. Diwa
      6. Shimano
      7. Evergreen
      8. SureCatch 
      9. Duel
      10. MaggaBass
         
          แล้วก็ยังมีอีกหลายยี่ห้อครับ ที่สั่งเข้ามาขายเยอะมากครับไม่สามารถนำมาแนะนำได้หมดครับและโปรดสังเกตนะครับ ว่าถ้าเหยื่อดีเหยื่อสวยๆนั่นหมายถึงเขาทำมา “ตก“ คนก่อนครับ แล้วคนน่ะแหละที่นำเอาเหยื่อตัวนั้นไปตกปลาจนได้ปลาอีกทีครับ         
          ส่วนเหยื่อ ของไทยเราที่ทำออกมาขาย  โดยออกแบบเอง  แล้ววางตลาดขายทั่วไปก็จะมี ของป๋าชรัส และ Super Jack ของเฮียเจนศักดิ์ แล้วที่ “ ก๊อบ “ของนอกมาก็มี....... ฮ่า ฮ่า ฮ่า จ้างก็ไม่บอกหรอกครับ เดี๋ยวเขาจะมา ยิงกบาลผมซะก่อน กรั่กๆๆๆ
          และอีกสิ่งหนึ่งที่ผมอยากแนะนำก็คือ  ตัวเหยื่อ  Jig  ควรไปติดไปเยอะๆครับ อย่างน้อยๆก็สัก 20 ตัวครับ ติดไปแบบคละสี คละไซร์ กันไปครับ เพราะบางครั้งเกิดท่านโชคดีปลากัดเหยื่อของท่านบ่อยมาก
โปรดอย่าลืมนะครับว่า

          บนเรือไม่มีเหยื่อขายครับ บางทัวร์อาจมีขายแต่อยากจะบอกว่า แพงกว่าซื้อในร้านอีก 1 เท่าตัวเลยครับ อิอิอิ มีนะครับ ลูกค้าผมเคยโดนมาแล้วเดี๋ยววจะกลายเป็นว่า
“  ไม่ไหวจะเครีย “ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ของไม่บูดไม่เน่า เอาไปมากๆย่อมได้เปรียบครับ ถ้าปลามันกินเหยื่อแบบที่เรามีก็ดีไป แต่ถ้ามันกินแบบที่เราไม่มี เศร้าเลยครับท่าน นั่งดูพวกตกกันหงอยเลยครับ ถ้ามีคนใจดีท่านก็โชคดีไปครับ แต่ส่วนใหญ่กลุ่มลูกค้าของผมใจดีทุกท่านครับ เอื้ออาทรซึ่งกันและกันครับ แล้วยิ่งตอนนี้ ผมเองก็มีเหยื่อไปตั้ง 2 กระเป๋าประมาณ  50 กว่าตัวก็ยินดีให้ยืมใช้ครับ แต่ถ้าขาดก็ว่ากันตามขาดครับ ราคาเท่าไหร่ก็เท่านั้น เหยื่อแพงก็ว่าตามแพง เหยื่อถูกก็ว่าตามแพง เอ้ย....ว่าตามถูกซิ ฮ่า ฮ่า ฮ่า รับรองครับ คนอย่าง ติ่ง แสมสาร ไม่ใจจืดใจดำหรือเห็นแก่เงินนี่แหละครับ มันถึงได้เจ๊งไงครับ กรั่กๆๆๆๆ
          ในส่วนของ อุปกรณ์อื่นๆ เช่น ตัวเบ็ด ลีดเดอร์ สายPE คันเบ็ด และรอก ผมก็คงจะเขียนเป็นตอนๆไป แนะนำกันเป็นส่วนๆไป ท่านจะได้ไม่งงว่าอะไรเป็นอะไร
แล้วค่อยๆพิจารณาว่า จะเลือกซื้ออะไร ยี่ห้อไหน แบบไหน แล้วเล่น Jigging ในรูปแบบไหนนี่แหละครับจะพยายามอธิบายให้ละเอียดที่สุด เท่าทีจะทำได้ครับ แต่ถ้ายังมีอะไรที่สงสัยหรืออยากรู้อะไรมากขึ้นก็โทรมาสอบถามได้ครับ แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดก็มาที่ ร้านแสมสาร รามอินทราซอย 65 ได้เลยครับ ถ้าผมไม่ได้ออกทริพ ก็จะอยู่ที่ร้านคอยตอบสิ่งที่ท่านอยากรู้ให้ครับเพราะบางทีท่านที่สนใจอาจอยากรู้อะไรที่มากกว่านี้ ก็จะได้รู้แจ้งกันไปเลย และศาสตร์แห่งการ Jigging ตอนเหยื่อ Jig ก็มาถึงย่อหน้าสุดท้ายใคร่ขอเกล่าคำอำลา

ขอบคุณข้อมูล จาก แสมสาร ไม่มีวันลาก่อน



การเลือกชุดอุปกรณ์ในการตกปลาหน้าดินชายฝั่่งทะเลครับ
โดยทั่วไปแล้วการตกปลาชายฝั่งทะเลโขดหินนั้น เป็นการตกปลา ตั้งแต่ขนาดเล็ก ไม่ถึงครึ่ง กิโลกรัม ถึงปลาขนาดใหญ่ 10 กิโลกรัม การเลือกอุปกรณ์จึงค่อนข้างง่ายกว่า การตกปลาประเภทอื่น ดังนี้

คุณสมบัติ ของคันเบ็ด
1) การตกปลาหน้าดินชายฝั่ง ควรมีความยาว( Length) 9 ฟุต ขึ้นไป เพราะส่วนใหญ่ต้องทำระยะค่อนข้างมาก โดยปรกติผู้เขียน จะใช้คันยาวประมาณ 10 ฟุต กำลังดี
2) weight ของคันควร ประมาณ 12-25 lb กำลังดี ไม่ควรอ่อนเกินไป เพราะการงัดปลา ก็ทำได้ยาก ทำให้ใช้เวลาในการสู้นานเกินไป ทำให้ปลาหลุด หรือถ้าคันอ่อนไป อาจทำให้การรั้งปลาไม่ให้วิ่ง ทำได้ยากกว่า ซึ่งอาจทำให้ปลาเข้าหินขาดได้ง่าย
3) คันควร มีน้ำหนักเบา และ สปริงตัวได้เร็ว เช่น คันประเภท กราไฟท์ หรือไฟเบอร์ ก็ได้ และกำลังค่อนข้างสูงสปริงตัวดีดกลับได้ดี

การเลือกรอก
รอกตกปลาหน้าดินชายฝั่งทะเลนั้น เลือกได้กว้าง เพียงแต่เลือกขนาดให้เหมาะสม ทนต่อน้ำเค็มได้ดี ก็สามารถใช้ได้แล้วครับ คุณสมบัติ ควรมีดังนี้ครับ
1) รอกมีระบบการจัดเรียงเก็บสายได้ดี
2) จุสายได้พอสมควรครับ แนะนำรอกขนาด BG 15 -20 ไม่เกินนั้น ถ้าใหญ่เกินไป ก็จะหนักไป และทำระยะได้ไม่ดี ถ้าเล็กไป ก็จะจุสายได้น้อยเกินไป ในทีมผู้เขียนเองนิยมใช้ BG 15-20 ถึงแม้จะเป็นรอกระบบเดิมๆ แต่ เหมาะกับการใช้งาน แข็งแรง และทนน้ำเค็ม ดี ดูแลรักษาง่าย


โดยทั่วไปแล้วการตกปลาชายฝั่งทะเลโขดหินนั้น เป็นการตกปลา ตั้งแต่ขนาดเล็ก ไม่ถึงครึ่ง กิโลกรัม ถึงปลาขนาดใหญ่ 10 กิโลกรัม การเลือกอุปกรณ์จึงค่อนข้างง่ายกว่า การตกปลาประเภทอื่น ดังนี้
  ดาวน์โหลด (11.29 KB)

27-1-2010 16:08
การเลือกคันเบ็ด
การตกปลาชายฝั่งทะเลนั้น จำเป็นต้องทำระยะพอสมควร นอกจากนั้นต้องค่อนข้างแข็งแรง เวทไม่อ่อนมากนัก ดังนั้นคันเบ็ดที่ใช้ สำหรับการตกปลาหน้าดินชายฝั่งทะเลนั้น ควรมีคุณสมบัติดังนี้ครับ
  ดาวน์โหลด (9.49 KB)

27-1-2010 16:08
คุณสมบัติ ของคันเบ็ด
1) การตกปลาหน้าดินชายฝั่ง ควรมีความยาว( Length) 9 ฟุต ขึ้นไป เพราะส่วนใหญ่ต้องทำระยะค่อนข้างมาก โดยปรกติผู้เขียน จะใช้คันยาวประมาณ 10 ฟุต กำลังดี
2) weight ของคันควร ประมาณ 12-25 lb กำลังดี ไม่ควรอ่อนเกินไป เพราะการงัดปลา ก็ทำได้ยาก ทำให้ใช้เวลาในการสู้นานเกินไป ทำให้ปลาหลุด หรือถ้าคันอ่อนไป อาจทำให้การรั้งปลาไม่ให้วิ่ง ทำได้ยากกว่า ซึ่งอาจทำให้ปลาเข้าหินขาดได้ง่าย
3) คันควร มีน้ำหนักเบา และ สปริงตัวได้เร็ว เช่น คันประเภท กราไฟท์ หรือไฟเบอร์ ก็ได้ และกำลังค่อนข้างสูงสปริงตัวดีดกลับได้ดี
  ดาวน์โหลด (29.28 KB)

27-1-2010 16:10
การเลือกรอก
รอกตกปลาหน้าดินชายฝั่งทะเลนั้น เลือกได้กว้าง เพียงแต่เลือกขนาดให้เหมาะสม ทนต่อน้ำเค็มได้ดี ก็สามารถใช้ได้แล้วครับ คุณสมบัติ ควรมีดังนี้ครับ
1) รอกมีระบบการจัดเรียงเก็บสายได้ดี
2) จุสายได้พอสมควรครับ แนะนำรอกขนาด BG 15 -20 ไม่เกินนั้น ถ้าใหญ่เกินไป ก็จะหนักไป และทำระยะได้ไม่ดี ถ้าเล็กไป ก็จะจุสายได้น้อยเกินไป ในทีมผู้เขียนเองนิยมใช้ BG 15-20 ถึงแม้จะเป็นรอกระบบเดิมๆ แต่ เหมาะกับการใช้งาน แข็งแรง และทนน้ำเค็ม ดี ดูแลรักษาง่าย
  ดาวน์โหลด (21.56 KB)

การเลือกสาย
สายเอ็นที่ใช้ สามารถเลือกได้ตามใจชอบ เพียงแต่ คำนึงให้เหมาะสม กับรอก และคัน จะสามารถทำระยะได้ไกล และ แข็งแรงเพียงพอ เช่น คันเบ็ด 10 ฟุต รอก BG 15 สายเอ็นไม่เกิน ขนาด 0.35 mm -0.40 mm
การตกปลาด้วยเหยื่อปลอมกับการตั้งค่าเบรก
บทความโดย James1

เรื่องราวของการตกปลาเหยื่อปลอม  มีอะไรมากมายที่น่าพูดถึง มีหลายต่อหลายอย่างที่นักตกปลาส่วนใหญ่ที่มีความชำนาญมากๆแล้ว หลายคนอาจจะจะมองข้ามทริคบางอย่างไปเลย เพราะเขามีความชำนาญและประสบการณ์ในการตกปลามามาก  แต่ในวันนี้ขออนุญาติเอาเรื่องเก่าๆ ทริคธรรมดาๆ ที่หลายท่านอาจจะรู้แล้วมาเล่าสู่กันฟังกับเพื่อนนักตกปลาบางท่านที่อาจจะยังไม่เคยผ่านตากับเรื่องราวเล็กๆ อย่างเช่นเรื่องของการตั้งค่าเบรกของรอกเพื่อการตกปลาด้วยเหยื่อปลอม

การตกปลาด้วยเหยื่อปลอมกับการตั้งค่าเบรก

บางคนสงสัยว่า  การตั้งค่าเบรกมันไม่น่าจะมีอะไรตายตัว และมันจำเป็นขนาดที่จะต้องสนใจมันด้วยหรือ ที่จริงแล้วการตั้งค่าเบรกนี่แหล่ะคือเรื่องธรรมดาๆ ที่มีส่วนทำให้นักตกปลาพลาดการได้ปลาหรือไม่ได้ตัวปลาหลังจากการชาร์จเหยื่อของปลาแล้ว


คำถามที่เกิดขึ้นก็คือ  การตั้งค่าเบรกแข็ง  ปานกลาง หรืออ่อน เอาไว้ก่อนมันจำเป็นกับการตกปลาด้วยเหยื่อปลอมไหม?

คำตอบ คือ จำเป็น  เพราะว่านักตกปลาควรจะตั้งค่าของเบรกให้เหมาะสมกับการใช้งาน ซึ่งในที่นี้เราหมายถึงการตั้งค่าเบรกจากรอกรอเอาไว้ก่อนที่ปลาจะเข้าชาร์จเหยื่อ

ตรรกะที่ว่านักตกปลาไม่สามารถจะทราบได้ว่าปลาที่จะเข้าชาร์จเหยื่อนั้นจะชาร์จเหยื่อแรงขนาดไหน ปลาที่เข้าชาร์จเหยื่อจะมีไซส์ขนาดใด ใหญ่หรือเล็ก อาจจะไม่จริงเสมอไป เพราะรุปแบบการตกปลาประเภทต่างๆ ด้วยเหยื่อปลอมแบบต่างๆ ในปัจจุบันและผลจากการวิจัย ทั้งจากนิสัยของปลา การล่าเหยื่อในแต่ละเวลาและสภาพอากาศของปลา สามารถทำให้นักตกปลาคาดคะเนได้ว่า เหยื่อประเภทไหนที่มีโอกาสที่จะพบการชาร์จเหยื่ออย่างรุนแรงของปลา  ดังนั้นการตั้งค่าเบรกที่เหมาะสมที่สุดกับสภาวะการตกปลาของคุณจึงนับว่าเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง

การตกปลาล่าเหยื่อ ไม่ใช่ปลาทุกประเภทจะชาร์จเหยื่อแรงเหมือนกันไปหมด  ปลาช่อนก็อย่างหนึ่ง ปลาชะโด ปลากระสูบ ปลากะพงก็อย่างหนึ่ง หรือปลากรายหรือปลาอื่นๆก็มีลักษณะการชาร์จที่เป็นลักษณะเฉพาะตัว
ปลาประเภทเดียวกันแท้ๆ แต่ลักษณะการชาร์จเหยื่อใต้น้ำ กับชาร์จเหยื่อผิวน้ำ ก็ยังเข้าชาร์จด้วยความแรงที่แตกต่างกันออกไป

ในการตีเหยื่อปลอมหมายเดียวกัน นักตกปลาไม่สามารถกำหนดเจ้าตัวปลายสายได้ว่าจะเป็นปลาอะไรมากิน เหยื่อปลอม เพราะในหมายธรรมชาติ เรื่องผิดคิวเกิดสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ทั้งหมดนี้จึงเป็นคำตอบที่ว่า นักตกปลาควรจะตั้งค่าเบรกแบบไหนล่ะที่เหมาะสมที่สุดกับการใช้งาน

การตั้งค่าเบรก อาจจะตั้งค่าให้เหมาะสมโดยใช้สภาพหมายหรืออุปกรณ์เป็นตัวกำหนด

1. การตั้งค่าเบรกให้เหมาะสมกับการสภาพหมาย
2. การตั้งค่าเบรกให้เหมาะสมกับอุปกรณ์



1. การตั้งค่าเบรคให้เหมาะสมกับสภาพหมาย


สภาพหมายธรรมชาติ
การตกปลาล่าเหยื่อในหมายธรรมชาติ เช่น เขื่อน ทะเล หรือการตกปลาบนเรือ  ในหมายธรรมชาตินักตกปลาส่วนมากจะเลือกใช้อุปกรณ์ที่มีขนาดใหญ่ ดังนั้นการตั้งค่าเบรกควรจะค่าให้อยู่ในระดับที่แข็งพอสมควร แต่ให้พอที่ปลาจะลากสายออกไปได้  เนื่องจากนักตกปลามีโอกาสที่จะพบกับการการชาร์จเหยื่อของปลาในหมายธรรมชาติที่ค่อนข้างรุนแรงถึงรุนแรงมาก  การตั้งค่าเบรคควรตั้งอยู่ในระดับปานกลางค่อนข้างแข็งเอาไว้ก่อน และไม่ควรตั้งเบรกอ่อนแล้วค่อยปรับเอาภายหลังจากการชาร์จหรือวัดปลา เพราะปลาที่ชาร์จเหยื่อปลอมมีโอกาสเข้าชาร์จเหยื่อด้วยความเร็วและสปริ๊นท์ออกไปสุดแรงที่เราเรียกว่ากระชากนั้น  การสปริ๊นท์และการกระโดดขึ้นเหนือน้ำของปลาล่าเหยื่อนี่แหล่ะที่หากนักตกปลาไม่ได้ตั้งค่าเบรกที่เหมาะสมไว้แต่แรก โอกาสแห่งความผิดพลาดและไม่ได้ตัวปลาจะมีเปอร์เซ็นต์ขึ้นสูงมากขึ้น  ดังนั้น การตกปลาในเขื่อนหรือหมายธรรมชาตินักตกปลาควรตั้งค่าเบรกจากรอกในระดับที่ค่อนข้างแข็งเอาไว้ก่อนที่ปลาจะเข้าชาร์จจะเหมาะสมที่สุด 

สภาพหมาย บึง หนอง หรือหมายที่มีสภาพรกร้าง
การตั้งค่าเบรกในสภาพหมายเช่นนี้ นักตกปลาควรตั้งค่าเบรกให้แข็งพอสมควรเช่นกัน  เพราะในหมายที่มีพื้นที่รก อุปสรรคใต้น้ำเยอะ การเอาตัวปลาขึ้นจึงเป็นเรื่องยากตามมา  นักตกปลาที่มีความชำนาญจึงมักจะใช้วิธีการสู้ปลาด้วยงัดปลาขึ้นสู่ผิวน้ำให้ได้เร็วที่สุดเพื่อควบคุมปลาให้พ้นจากสวะใต้น้ำและเอาปลาเข้าฝั่ง  ในช่วงเวลาของการสู้ปลาในสภาพหมายที่เลวร้ายนี้ นักตกปลาจะต้องอาศัยการตัดสินใจที่รวดเร็ว อุปกรณ์ที่ไว้ใจได้และการกำหนดค่าของเบรกจากรอกนี่แหล่ะสำคัญมาก ถือว่าเป็นปัจจัยชี้ขาดของการได้ปลากันเลยทีเดียว

ภายหลังการเข้าชาร์จของปลา  การตั้งค่าเบรกในรอกให้แข็งไว้ก่อนที่ปลาจะชาร์จจะให้ทำให้ปลาลากสายออกไปได้ยากและโอกาสที่ปลาล่าเหยื่อจะมุดก็จะมีน้อยลง  การอัดปลาเพื่อให้ปลาขึ้นสู่ผิวน้ำจะทำได้อย่างต่อเนื่องหากนักตกปลาตั้งค่าเบรกไว้เหมาะสมแต่แรก  การตกปลาจากฝั่งที่จำเป็นต้องงัดปลาเข้าฝั่งไปพร้อมๆกับสวะหรืออุปสรรคบริเวณริมตลิ่ง  แรงงัดของคันจะถูกกำหนดโดยค่าเบรกที่เราตั้งไว้  หากตั้งค่าเบรคให้แข็งจนสายไม่สามารถจะออกจากรอกได้อย่างสะดวกแล้ว เพาเวอร์จากคันเบ็ดก็จะช่วยงัดทั้งปลาและสวะต่างๆให้เข้าฝั่งได้ง่ายขึ้น  แต่หากเบรกแข็งมากเกินไปจนคันออกแรงงัดสูง ความเสี่ยงและโอกาสที่จะสายจะขาดก็มีมากขึ้นตามมาเช่นเดียวกัน  ดังนั้นในหมายที่รกร้าง พื้นที่แคบ และหมายมีสภาพเลว ข้อจำกัดเหล่านี้ ทำให้นักตกปลาที่มีความชำนาญจะเลือกการตั้งค่าเบรกให้แข็งพอสมควร เพื่อลดความเสี่ยงในการสูญเสียปลาหลังจากที่ปลาชาร์จเหยื่อ

2. การตั้งค่าเบรกให้เหมาะสมกับอุปกรณ์

การตั้งค่าเบรกของรอกให้เหมาะสมกับอุปกรณ์ในที่นี้ก็คือเหมาะสมกับ รอก คัน สาย และเหยื่อปลอม
คัน  รอก และสาย  ถูกกำหนดสเปคมาแล้วจากผู้ผลิต เช่น คันเบ็ดคันนี้เหมาะสมกับสายกี่ปอนด์ เช่น  6- 14 ,8-17, 10-20 ,15-30 lbs รอกมีไซส์ของสปูลที่จุสายที่เหมาะสมได้กี่ปอนด์ เช่น 8/140  10/120  12/100  สายประเภทต่างๆ มีขนาดแรงดึงกี่ปอนด์  ดังนั้นเรื่องของขนาดและความเหมาะสมของอุปกรณ์ที่จะต้องใช้ให้แมทช์กันนั้นเป็นเรื่องพื้นฐานที่นักตกปลาทราบกันดีอยู่แล้ว  แต่เรื่องที่เราจะเอามาพูดต่อไปนั่นคือการตั้งเบรกที่เหมาะสมกับการตกปลาด้วยหยื่อปลอม ซึ่งการตั้งเบรกถือว่าเป็นขั้นตอนหนึ่งของการตกปลา


การตกปลาด้วยชุดอุปกรณ์ชุดเล็กและชุดอุลตร้าไลท์  นักตกปลาด้วยเหยื่อปลอมควรกำหนดค่าของการตั้งเบรกไว้แค่ปานกลางและไม่ควรให้แข็งมากเกินไป เพราะอุปกรณ์ระดับเล็กมีโอกาสที่สายจะขาดสูงมากกว่าอุปกรณ์ระดับชุดปานกลางหรือชุดใหญ่ แต่คันเบ็ดเวทระดับปานกลาง หรือแม้แต่คันใหญ่กว่านี้ ระดับ 15 -30 lbs ก็ไม่ใช่ว่าสายจะไม่มีโอกาสขาดเลย เพียงแต่มีโอกาสน้อยกว่าชุดอุปกรณ์ระดับเล็ก  และส่วนมากคันที่มีเวทแข็งและใหญ่จะเกิดโอกาสปลาหลุดมากกว่าสายขาดแล้วซึ่งก็ขึ้นอยู่กับวิธีการใช้งานของนักตกปลาด้วย

ทริคการตั้งค่าเบรกให้เหมาะสมกับวิธีการตกปลา

หากเป็นเหยื่อปลอมที่ต้องสร้างแอคชั่นด้วยการกรอสายด้วยความเร็วสูง ยกตัวอย่างเช่น การตกกระสูบ ชะโด ตามเขื่อน ด้วยการปั่นเหยื่อสปูน หรือเหยื่อใบพัด ที่ต้องอาศัยรอบจัด นักตกปลาควรตั้งค่าเบรกเอาไว้ที่ระดับปานกลางและค่อนข้างแข็งเอาไว้ก่อน เนื่องจากเหยื่อปลอมที่ต้องอาศัยการสร้างแอคชั่นด้วยรอบสูง ปลาที่กินเหยื่อประเภทนี้จะชาร์จเหยื่อค่อนข้างแรงและมุดลงน้ำอย่างรวดเร็ว  การตั้งค่าเบรกให้แข็งจะช่วยลดความรุนแรงจากการสปริ๊นท์ของปลาในจังหวะแรกได้ดีกว่าการตั้งค่าเบรกที่อ่อนเกินไป เพราะคุณอาจจะโดนปลาลากสายออกจากรอกไปไหนต่อไหนและการปรับเบรกให้แข็งขึ้นทีหลังนั่นแหล่ะที่อาจนำสู่ความผิดพลาดในจังหวะที่คุณกำลังละล้าละลังและสูญเสียโทรฟี่ปลายสาย

ในกรณีเหยื่อปลอมประเภทผิวน้ำ  เช่น ป๊อบเปอร์ หรือเหยื่อฮาร์ดเบทประเภทต่างๆ ปลาล่าเหยื่อที่เข้าชาร์จเหยื่อผิวน้ำจะเข้าชาร์จด้วยความรุนแรงมากเช่นกัน นักตกปลาควรตั้งค่าเบรกให้แข็งไว้ก่อนได้เช่นเดียวกัน

หากเป็นเหยื่อปลอมที่ต้องกรอด้วยการกรอสายความเร็วระดับปานกลาง (เหยื่อสวิมเบท)  ควรตั้งระดับเบรกไว้ที่ปานกลางแต่ไม่ต้องแข็งจนเกินไปนัก  เนื่องจากการเข้าชาร์จเหยื่อปลอมประเภทนี้ โอกาสที่ปลาจะชาร์จเหยื่อด้วยความรุนแรงมีไม่มากเท่ากับเหยื่อปลอมที่ต้องสร้างแอคชั่นด้วยความเร็วสูง แต่ก็ไม่ควรตั้งค่าเบรคให้อ่อนเกินไป   

ในกรณีของเหยื่อปลอมที่สร้างแอคชั่นด้วยการกรอสายช้าๆ หรือเหยื่อปลั๊กที่มีขนาดเล็ก  นักตกปลาไม่ควรตั้งค่าเบรกแข็งเพราะจะทำให้ปลาหลุดเอาได้  เนื่องจากอุปกรณ์ที่ใช้ตกปลาด้วยเหยื่อลักษณะนี้จะมีขนาดเล็ก  ตัวเบ็ดของเหยื่อปลอมก็มีขนาดเล็ก การตั้งค่าเบรกแข็งเกินไปจะทำให้คุณมีโอกาสสูญเสียปลาจากจังหวะที่ปลากินหรือกระชาก หรือแม้แต่กระทั่งขณะที่คุณงัดปลาเข้าฝั่ง  นักตกปลาระดับโปรในต่างประเทศมีเทคนิคการใช้เหยื่อปลอมขนาดเล็กที่ว่ายช้าๆด้วยการตั้งค่าเบรกให้อ่อน (loose brake) และวัดซ้ำอีกทีเมื่อปลาชาร์จเหยื่อเข้าไปแล้ว  หลายครั้งที่นักตกปลาเอาปลาขึ้นมาได้ก็จะพบว่าเหยื่อขนาดเล็กจะเข้าไปอยู่ในปากด้านในของปลาซึ่งโอกาสที่ปลาจะหลุดเพราะเหยื่อมีขนาดเล็กก็จะมีน้อยลง ดังนั้นนักตกปลาระดับโปรในต่างประเทศที่ใช้อปุกรณ์ตกปลาและเหยื่อขนาดเล็กจะนิยมตั้งค่าเบรกให้อ่อนเพื่อให้ปลาฮุบเหยื่อไว้ในปากและลากออกไปในไม้แรก หลังจากนั้นจึงค่อยๆปรับเบรกสู้ปลาให้เหมาะสมทีหลัง

สรุปคือ การตั้งค่าเบรกเป็นสิ่งที่นักตกปลาด้วยเหยื่อปลอมไม่ควรละเลยหรือมองข้าม เพราะการตกปลาด้วยเหยื่อปลอมแตกต่างจากการตกปลาที่ตกด้วยวิธีการอื่นๆที่ตั้งค่าเบรกเอาไว้หลังจากตีเหยื่อแล้ววางคันบนพื้นเพื่อรอปลามากิน  การตกปลาด้วยเหยื่อปลอมจึงต้องอาศัยเทคนิคหรือทริคต่างๆมาช่วยให้ได้ปลามากกว่าวิธีการตกปลา เรื่องของการตั้งค่าเบรกจึงเป็นเรื่องที่นักตกปลาควรใส่ใจในรายละเอียดเหล่านี้เพื่อช่วยให้การตกปลาของคุณง่ายและสะดวกขึ้น นอกจากนี้ยังมันยังทำให้คุณพบความผิดพลาดน้อยลง  นักตกปลาระดับโปรในต่างประเทศให้ความสนใจและวิจัยในเรื่องนี้มาก่อนแล้วอย่างจริงจัง หลายครั้งเราจึงพบว่านักตกปลาในต่างประเทศเลือกใช้คันแต่ละเวทอุปกรณ์แต่ละชนิดที่เหมาะสมกับเหยื่อปลอมแต่ละประเภท  หรือแม้แต่เหยื่อประเภทเดียวกันแต่คนละไซส์หรือคนละสีพวกเขายังใช้อุปกรณ์แยกจากกัน  ในขณะที่นักตกปลาในบ้านเราอาจจะละเลยหรือไม่ทันดูว่าเหยื่อปลอมที่คุณซื้อมาที่มีฉลากเป็นภาษาต่างประเทศในนั้นนอกจากจะบอกเทคนิค ทริค วิธีการใช้เหยื่อ เวทของคันที่ควรใช้กับเหยื่อตัวนี้แล้ว รายละเอียดอื่นๆและการตั้งค่าเบรกบางครั้งก็ปรากกฏให้เห็นในวีดีโอแนะนำเหยื่อของผู้ผลิตอีกด้วย

ก่อนเปลี่ยนเหยื่อทุกครั้งอย่าลืมนึกถึงการตั้งค่าเบรก สิ่งเล็กๆน้อยเหล่านี้อาจช่วยให้คุณลดโอกาสในการสูญเสียโทรฟี่ปลายสายของคุณได้เหมือนกัน

ฝากไว้อีกนิดข้อควรระวังที่สำคัญสำหรับมือใหม่  ไม่ว่าจะเป็นการตกปลาด้วยเหยื่อปลอมหรือตกปลาด้วยวิธีอื่น ในขณะที่ปลาชาร์จหรือจังหวะที่ปลากระชากสาย อย่ารีบปรับเบรกทันทีในขณะที่ปลากำลังลากสายออกจากรอกอย่างรุนแรง  รอให้ปลาลากจนหยุดหรือแรงของการกระชากสายของปลาแผ่วลงเสียก่อนแล้วค่อยปรับระดับเบรคจะเป็นวิธีที่ลดความสูญเสียได้ดีที่สุด

ขอขอบคุณน้า James1 สำหรับบทความดีๆ ที่มีให้กันเพื่อนร่วมวงการ..........


วันนี้จะมาบอก ความหมายของคำว่า Jerk
ตามศัพท์แล้ว คำว่า Jerk แปลว่า "กระตุก" นะครับ อันนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะเป็นความเข้าใจที่ถูกต้องหรือเปล่า

สำหรับผมแล้วการ Jerk ในการตีเหยื่อปลอมน่าจะหมายถึงการกระตุกเป็นจังหวะ เพื่อให้เหยื่อเกิดแอ็คชั่นแบบต่างๆ จากนั้นจึงลดคันเพื่อเก็บสายเอ็นเข้ามาเล็กน้อยและทำการกระตุกใหม่ ซึ่งวิธีกระตุกนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของเหยื่อว่าเป็นชนิดไหน

การกระตุกจะทำได้ 3 ทิศทาง
1. กระตุกขึ้นบน เพื่อให้เหยื่อลอยขึ้นจากหน้าดินเป็นจังหวะร่วมกับการเก็บสายเข้ามาตรงๆ มักใช้กับเหยื่อชนิดจมน้ำเช่น กระดี่ สปูน สปินเนอร์เบท หนอนยาง ปลายาง ฯลฯ

2. กระตุกข้าง(ซ้าย-ขวา หรือ ซ้าย-ขวาสลับกัน) เพื่อให้เหยื่อเคลื่อนที่ไปด้านข้าง เปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่ของเหยื่อ สร้างแอ็คชั่นของเหยื่อให้เหมือนสิ่งมีชีวิตกำลังดิ้นรน-ใกล้ตาย หรือแม้แต่หลบหลีกอุปสรรคต่างๆ มักใช้กับเหยื่อชนิดลอยน้ำ หรือกึ่งจม

3. กระตุกลง เพื่อให้เหยื่อเคลื่อนไหวบนผิวน้ำเป็นจังหวะ มักใช้ร่วมกับการเก็บสายเพื่อลากเข้ามาตรงๆเป็นจังหวะ ส่วนใหญ่ใช้กับเหยื่อผิวน้ำ เช่น ป็อบเปอร์ กบ (สำหรับกบจะกระตุกขึ้นก็ได้ แต่ต้องกระตุกเบาๆ ไม่งั้นจะกลายเป็นกบบิน)

การกระตุกต้องพยายามใส่จินตนาการให้เหมือนกับว่าเรากำลังสร้างแอ็คชั่นของสิ่งมีชีวิต อย่างเช่นการกระตุกหนอนยางต้องกระตุกสั้นๆเป็นจังหวะ ให้เหมือนกับหนอนยางกำลังว่ายน้ำ ให้ดูแล้วรู้สึกว่า "ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่งุ่มง่าม น่าจะเป็นเหยื่อปลาช่อนเสียกระไรนี่"

ถ้าจะลองหัด ผมแนะนำให้ฝึกกับกบผิวน้ำ เพราะจะสามารถเห็นความสัมพันธ์ระหว่างการเคลื่อนไหวของเหยื่อกับการกระตุกปลายคันได้อย่างชัดเจนที่สุดครับ

ผิดถูกประการใดก็ขออภัยด้วยนะครับ ...

อันนี้ ผมก็อปบอร์ดมาจาก ผู้รู้ท่านนึ่ง  ยังไงก็ ขอขอบคุณ ครับ...



คัมภีร์ตีปลาช่อนครับ
แก้ไขล่าสุด shark เมื่อ 18-1-2010 17:00

1.เหยื่อกบผิวน้ำชนิดแข็งและอ่อน
เหยื่อกบผิวน้ำเป็นที่ใช้ได้ร้าวใจมากที่สุด แต่ปลาช่อนจะต้องไม่เขี้ยวเกินไปครับ
กบยาง สร้างแอคชั่นได้เหมือนกบจิง มีการตีน้ำฝังเบ็ดกลางตัว เช่น กบยาง scumfog กบ kaze ถ้าเจอช่อนวัยรุ่นไม่พลาดแน่คับ


2.เหยื่อพวก RAPARA
ปลาช่อนชอบเปนพิเศษ เช่น rapara rattin fatrap 4cm,rapara fr-5cm.ดำตื้น,fr-5cm.ดำลึก,rfr-5cm.ดำลึก,rapara rattin 4-5 cm,rapara risto 4-5 cm,rapala shadrap 5-7 cm นอกจากนี้ก็ของ supper-5 เหยื่อปลา slow sink kaze กินทุกตัวครับ


3.เหยื่อพวกกระดี่เหล็ก
เจ้ากระดี่นี้ปลาช่อนกินกระจายแล้วครับถ้าของต่างประเทศราคาจะสูงแต่ของไทยราคาถูกและดีด้วย เช่น siam spoon,super-5,ปลากระเดิด


4.เหยื่อพวกสปินเนอร์
เหมาะกับปลาที่ไม่เขี้ยวมากนัก ยกตัวอย่าง เช่น mepps,blue fox,lotto ของไทยเช่น super jake,ลุงโอ๋  และอีกหลายยี่ห้อ


5.spinnerbait
เป็นเหยื่อที่ใช้ดีอีกเช่นกันปลาช่อนชอบมากราคาไม่แพงจนเกินไปน้ำหนักดี มีหลากหลากยี่ห้อ เช่น winner,black fish,super-5และอีกมากมาย


6.เหยื่อปลายาง หนอนยาง ไส้เดือนยาง 
เป็นเหยื่อที่เลียนแบบธรรมชาติมากที่สุด และได้วิจัยอย่างต่อเนื่อง มีกระทั่งกลิ่นคาวสำหรับเรียกปลาซึ่งยังใช้ได้ผลกับปลาที่เขี้ยวอีกด้วย



กรุณา ลงทะเบียน และ login ก่อนส่งความเห็นครับ
siamfishing.com © 2024