หน้าแรก|กระดาน|รีวิว|ประมูล|ตลาด|เปิดท้าย

บทสัมภาษณ์นายอนันต์ ร่มรื่นวาณิชกิจ ช่างดูแลรถยนต์พระที่นั่ง จากรายการตีสิบ คุณอนันต์ เล่าถึงจุดเริ่มต้นว่า " เดิมเป็นช่างสีรถทั่วไป กระทั่งประมาณปลายปี 2541-2542 มีคนมาคุยที่ร้าน แต่งชุดธรรมดามาบอกว่า จะให้ทำสีรถยนต์พระที่นั่ง ตอนนั้นคิดว่าล้อเล่นจึงปฏิเสธไป ไม่นานเขานำรถยนต์ รยล. และแต่งชุดเต็มยศเข้ามาหาที่อู่ พร้อมทั้งจดหมายจากสำนักพระราชวัง บอกว่าพรุ่งนี้ให้แต่งชุดสุภาพเตรียมเข้าวังไปพบท่านรองราชเลขาธิการ พอเข้าไปในสวนจิตรลดา ท่านรองฯ ถามว่าจะให้ดูแลทำสีรถยนต์พระที่นั่งทั้งหมดจะทำได้ไหม ก็รับคำทันที" ส่วนรถยนต์พระที่นั่งคันแรกที่ได้ทำนั้น คือ รถโรลส์รอยซ์ ที่ทรงใช้ในพระราชพิธี สวนสนาม วันที่ 5 ของทุกปี " เราเห็นเข่าอ่อนเลย วันแรกที่เห็นรถก็นั่งมองรถตั้งแต่ 9 โมง ถึงตี 3 และฝากให้สารถีถามท่านโปรดสีรถยนต์ยี่ห้อไหน แต่ท่านมีรับสั่งกลับว่าให้ใช้สีที่นายช่างใช้ ก่อนที่เราจะทำสีรถ ก็ก้มกราบที่เยื้องพระบาทขึ้นรถยนต้ จากนั้นจึงเริ่มทำ ระหว่างที่ทำก็ต้องติดกล้องวงจรปิดส่งภาพให้ทางสำนักพระราชวังดู และมีตำรวจมาคอยตรวจดู ตอนนั้นเรานอนเฝ้ารถยนต์พระที่นั่งเลย ตอนที่ซ่อมแม่มาเห็นเข้าก็บอก็ว่าซ่อมถวายท่านได้มั้ย เพราะว่าแม่เป็นคนจีนโล้สำเภามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารจากท่าน อยากจะตอนแทสคุณท่าน ให้ลูกทำแทนแม่ได้ไหม เราก็รับคำแม่ทันทีว่าได้ ทั้งๆที่ตอนนั้นเศรษฐกิจไม่ดี เรามีหนี้อยู่ 10 ล้าน แต่เราก็พยามทำงานให้ท่านอย่างดีที่สุด " นายอนันต์เล่าต่อไปอีกว่า "พอทำสีรถยนต์ไปได้ 7 คัน มีผู้ใหญ่ทำจดหมายขึ้นกราบบังคมทูลพระองค้ท่านว่า นายช่างทูลเกล้าฯถวายค่าซ่อมรถทั้ง 7 คัน ก็มีรับสั่งมาว่าขอบใจแต่ตอนหลังพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีรับสั่งให้สารถีมาบอกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่โปรดที่นายช่างทำแบบนี้ อยากให้นายช่างรู้ประมาณตน ว่าอะไรควรถวาย อะไรไม่ควรถวาย " ท่านคงรู้ว่าผมมีปัญหาหนี้สินมาก ท่านก็เลยเตือนสติผม " นายอนันต์เล่าต่อว่า นอกจากรถยนต์พระที่นั่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ยังดูแลรถยนต์พระที่นั่งของบรมวงศานุวงศ์ด้วย " ครั้งหนึ่งผมต้องซ่อมรถตู้เชฟโรเลต ซึ่งเป็นรถที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแก่สมเด็จพระเทพรัตน์ฯสมัยท่านเรียนจบที่จุฬาฯ และเป็นคันโปรดของท่าน ก่อนซ่อมข้างประตูด้านที่ท่านประทับเวลาฝนตกจะมีน้ำหยด แต่หลังจากที่ซ่อมแล้ว วันหนึ่งท่านรับสั่งกับสารถีว่า 

"วันนี้รถดูแปลกไป น้ำไม่หยด อย่างนี้ก็ไม่เย็นน่ะสิ แต่ก็ดีเหมือนกันไม่ต้องเอากระป๋องมารองน้ำ" นายอนันต์เปิดเผยว่า ภายในรถยนต์ของแต่ละพระองค์เรียบง่ายมาก ไม่มีอะไรเลยที่เป็นสิ่งอำนวยความสะดวก มีแต่ถังขยะเล็กๆกับที่ทรงงานเท่านั้น ส่วนการได้มีโอกาสดูแลรถยนต์พระที่นั่ง ทำให้ได้เห็นพระราชกรณียกิจนั้น นายอนันต์กล่าวว่า "ครั้งหนึ่งมีรถยนต์พระนั่งที่เพิ่งทรงใช้ในพระราชกรณียกิจมาทำ เห็นว่าพรมใต้รถมีน้ำแฉะขังอยู่และมีกลิ่นเหม็นด้วย แสดงว่าพระองค์ท่านทรงนำรถไปทรงพระราชกรณียกิจในที่น้ำท่วม แถมยังชึมเข้ามาในรถด้วย แสดงว่าน้ำก็ต้องเปียกพระบาทมาตลอดทางด้วย จึงถามสารถีว่าทำไมไม่รีบเอามาซ่อม ก็ได้คำตอบว่าต้องรอให้เสร็จพระราชกรณียกิจก่อน " เมื่อพิธีกรถามว่า รับใช้เบื้องพระยุคลบาท ได้เห็นถึงความพอเพียงของพระองค์อย่างไร นายอนันต์ตอบว่า " ปกติถ้าทรงงานส่วนพระองค์ ท่านก็ใช้รถคันเล็กเพื่อประหยัดน้ำมัน และเมื่อเราสังเกตุสีรถพระที่นั่ง จะเห็นว่ามีรอยสีถลอกรอบคันรถกว่าที่ท่านจะนำมาทำสีใหม่ก็รอบคันแล้ว แต่คนใช้รถอย่างเราแค่รอยนิดเดียวก็รีบเอามาทำสีแล้ว และครั้งหนึ่งระหว่างที่ผมกำลังประสานงานไปรับรถพระที่นั่งของสมเด็จพระเทพรัตน์ฯ ก็มีวิทยุว่ารถติดมาก ทรงเสด็จขึ้นรถไฟฟ้าไปแล้ว "  ในช่วงตลอดเวลา10ปี ที่ปฏิบัติงานถวายนั้น พระราชกระแสรับสั่งที่ให้เราประมาณตน ทำให้ยึดมั่นมาใช้ในชีวิตประจำวันมาโดยตลอด ทำงานด้วยความสุจริต ไม่เอาเปรียบใคร "เชื่อมั้ยว่าชีวิตจากที่เป็นหนี้10ล้าน ก็ดีขึ้เรื่อยๆขยายกิจการมาโดยตลอด ครอบครัวมีความสุข คุณแม่ที่เคยขอให้เราทำงานเพื่อตอบแทนพระคุณท่าน ก็อายุ 90 ปีแล้ว แต่ท่านยังแข็งแรงอยู่ เหมื่อนสิ่งที่ผมทำไปทั้งหมดเป็นพรที่สะท้อนกลับมาหาผมเป็นทวีคูณ " นายอนันต์กล่าวในตอนท้าย      ขอพระองค์ทรงหายจากพระอาการประชวร และทรงพระสำราญในเร็ววันเทอญ